ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 887 เซี่ยปิงก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน
ตอนที่ 887 เซี่ยปิงก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน
เซี่ยปิงคุกเข่าลงต่อหน้าคุณแม่เซี่ย โดยเซี่ยไห่ไม่ทันได้ห้าม เขาก็แนะนำตัวเองไปแล้ว
พอคุณแม่เซี่ยเมื่อได้ยินคำว่า “พี่น้องต่างมารดา” ร่างกายที่สั่นเทาอยู่แล้วก็ยิ่งสั่นหนักขึ้น ยืนโงนเงนไม่มั่นคง สีหน้าตกตะลึงและดูไม่สู้ดี
หลิวกุ้ยอิงพยุงหญิงชราไว้ พูดด้วยความเป็นห่วง “แม่ นั่งก่อนเถอะค่ะ”
เซี่ยเหลยก็รีบเข้าไปช่วยพยุงคุณแม่เซี่ยเช่นกัน
“ไอ้ลูกนอกคอกอย่างแกมาทำให้พวกเราไม่สบายใจทำไม?” เซี่ยไห่ไม่ยอมเชื่อว่าคนคนนี้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับพวกเขา แน่นอนว่าต่อให้เป็นแบบนั้นจริง พวกเขาก็จะไม่ยอมรับ
เซี่ยปิงหยิบรูปถ่ายขาวดำที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋า
“นี่เป็นรูปของพ่อ พวกคุณน่าจะจำได้”
เมื่อเซี่ยไห่เห็นรูปถ่ายขาวดำนั้น เขาก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ คว้าตัวเซี่ยปิงขึ้นมาและทำท่าจะโยนออกไป “พวกเราไม่รู้จักเขา”
“ไปให้พ้น อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
“มีอะไรให้คุยกันอีก?” เซี่ยไห่ชกเขาอีกครั้ง คราวนี้เซี่ยปิงไม่หลบ ทำให้หมัดกระแทกใบหน้าของเขาอย่างจัง มุมปากของเขาเริ่มมีเลือดซึม
เขาไม่สนใจเซี่ยไห่ แต่หันไปมองคุณแม่เซี่ย พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณป้าครับ ผมรู้ว่าการมาของผมกะทันหันมาก ขอให้คุณป้ารักษาสุขภาพด้วยนะครับ อย่าได้ตกใจ”
“เธอมาถึงบ้านฉันนี่มีธุระอะไรหรือ?”
คุณแม่เซี่ยเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก การที่นางอยู่มาถึงอายุขนาดนี้ ล้วนไม่มีอะไรที่นางรับไม่ได้
คนมาหาถึงบ้านแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ
จริงๆ แล้วในจิตใต้สำนึกของนางก็อยากรู้ข่าวคราวของคนคนนั้นอยู่เหมือนกัน
คุณแม่เซี่ยจึงยอมพูดคุยกับเขาตรงๆ เซี่ยปิงยืนอยู่ตรงนั้น พูดอย่างนอบน้อม “คุณป้าครับ ผมได้รับมอบหมายจากพ่อของผมให้มาหาพวกคุณ”
เมื่อเซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่ได้ยินคำว่า “พ่อ” สีหน้าของพวกเขาก็ดำมืดลงทันที
เซี่ยเหลยที่ปกติสงบสุขุมพลันกำมือที่อยู่ข้างตัวแน่น
เซี่ยปิงมองพวกเขา ดูเหมือนอึดอัดใจที่จะพูด ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปากอย่างยากลำบาก “พ่อของผมป่วยหนักนอนอยู่บนเตียง อาจจะเหลือเวลาอีกไม่มาก เขา… เขาหวังว่าจะได้พบพวกคุณสักครั้ง”
“ไอ้คนใจร้ายนั่นยังไม่ตายอีกหรือ?” เซี่ยไห่ได้ยินข่าวนี้แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ช่างเป็นตัวอัปรีย์จริงๆ”
“จริงๆ แล้วเขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปีนี้”
เซี่ยปิงกล่าวว่า
“เขาอยากกลับมาหาพวกคุณตลอด แต่นโยบายไม่อนุญาต เขาเศร้าซึมมาหลายปี ตอนนี้ใกล้จะสิ้นใจแล้ว จึงขอร้องให้ผมช่วยตามหาพวกคุณ ผมเลยอยากทำให้ความปรารถนาของเขาสมหวัง”
เซี่ยไห่ขัดจังหวะคำพูดของเขา “สมหวังบ้าอะไร แกคิดว่าพวกเราเป็นใคร? พวกเรารู้จักเขางั้นเหรอ?”
เซี่ยไห่มีอารมณ์พลุ่งพล่านที่สุด ส่วนเซี่ยเหลยแม้ไม่พูดอะไร แต่ก็มีสีหน้าไม่ดีนักเช่นกัน
เซี่ยปิงหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าอีกฉบับ “นี่คือพินัยกรรมที่เขาร่างไว้ เขามีโรงงานสามแห่ง ร้านค้าอีกกว่าสิบแห่ง ผมไม่เอาอะไรทั้งนั้น เลยทิ้งไว้ให้พวกคุณทั้งหมด”
“ฉันสนใจมรดกของมันที่ไหนกัน?” เซี่ยไห่กำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงดัง ทำท่าจะชกคนอีก
คราวนี้เซี่ยปิงฉลาดขึ้น เขารีบไปยืนข้างๆ แม่เซี่ยทันที
เขากล่าวว่า “เซี่ยไห่ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ ขอร้องละอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังผมพูดให้จบก่อน”
เขามองคุณแม่เซี่ยและอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า
“คุณป้าครับ ผมรู้ว่าแม่ผมต้องรับผิดชอบความทุกข์ของคุณครึ่งหนึ่ง ผมต้องขอโทษและขออภัยแทนท่านด้วย”
เขาพูดต่อไปว่า “แม่ผมเสียชีวิตตอนผมอายุสิบขวบ ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับพ่อก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาอยู่คนเดียวมาตลอด ผมเพิ่งรู้ทีหลังว่าหลังจากที่เขามีความสามารถจะทำได้ เขาก็ให้คนสืบหาข่าวของพวกคุณที่เมืองไห่เฉิงมาตลอด แต่น่าเสียดายที่สืบหามากว่าสิบปีก็คว้าน้ำเหลว”
เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตไปกว่ายี่สิบปีแล้ว คุณแม่เซี่ยก็แสดงสีหน้าเฉยเมย ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก
พวกเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางมากนักแล้ว
หลายปีก่อนตอนที่นางตกระกำลำบาก นางก็เคยสาปแช่งคู่รักสุนัขนั่น
มาบัดนี้ แม่ลูกคู่นี้ก็ได้ประสบกับความยากลำบากเช่นกัน แถมผู้หญิงคนนั้นยังตายไปแล้ว
เซี่ยไห่ได้ยินคำพูดนี้ของเซี่ยปิง สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงทันที
สายตาที่มองชายคนนี้ก็เปลี่ยนเป็นมีความหมายลึกซึ้ง
ตอนเขาอายุสิบขวบ นางแพศยาคนนั้นก็ตายไปแล้ว?
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้สีหน้าของเซี่ยไห่เปลี่ยนไปจริงๆ คือประโยคของเซี่ยปิงที่ว่า “หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อไม่ค่อยราบรื่น…เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด…”
ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในอกของเซี่ยไห่และความรู้สึกอยากต่อยคนพลันดับมอดไปเพราะคำพูดประโยคนี้
เขามองเซี่ยปิงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
ลูกนอกสมรสคนนี้นับว่ามีจริยธรรมพอสมควร
หลังจากคุณแม่เซี่ยได้ฟังเรื่องราวของคู่สุนัขชายหญิงจากเซี่ยปิงแล้ว จิตใจของนางก็สับสนวุ่นวายอย่างยิ่ง
สวรรค์นับว่ายังมีตา
สายตาคุณแม่เซี่ยที่มองเซี่ยปิงในตอนนี้ก็ไม่ได้เย็นชาเท่าใดนัก ถามว่า “แล้วเธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
“พ่อเห็นข่าวของพี่เซี่ยอวี่ในเมืองเป่าซื่อ” เขาอธิบาย “เมื่อต้นปีมีสื่อแห่งหนึ่งแนะนำประวัติของพี่เซี่ยอวี่อย่างละเอียด อาจจะเป็นความมหัศจรรย์ของสายเลือดก็ได้ เขาที่รู้สึกว่าสถานการณ์คล้ายกับพวกคุณมากก็เลยฝากคนสืบหาตลอด ในที่สุดก็สืบหาข่าวของพวกคุณที่เมืองไห่เฉิงได้ ตอนแรกเขาจะมาเอง แต่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย สถานการณ์ไม่ค่อยดี เดินทางไม่ไหว เลยขอให้ผมมาแทน”
เซี่ยปิงมองคุณแม่เซี่ยและคนอื่นๆ แล้วพูดต่อด้วยความจริงใจว่า “ผมรู้ว่าพวกคุณเกลียดเขา จริงๆ แล้วผมก็เกลียดเขาเหมือนกัน พอผมรู้ว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรสที่เกิดจากชู้ ผมก็รู้สึกอับอาย
จริงๆ แล้ว เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน หลังจากพ่อผมจากที่นี่ไปพร้อมกับแม่ผมได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกเสียใจ ตอนนั้นแม่ผมตั้งใจจะพาเขาไปเมืองเป่าซื่อ ซึ่งท่านก็มีเหตุผลทางการเมืองบางอย่างด้วย หลังจากไปถึงที่นั่นแล้ว เขาก็ไม่มีทางกลับ ในความทรงจำของผม พวกเขาทะเลาะกันบ่อย ความสัมพันธ์ก็ไม่ราบรื่น วัยเด็กของผมไม่มีความสุขเลย”
เวลาพ่อแม่ของเขาทะเลาะกัน แต่ละฝ่ายมักจะใช้คำพูดที่รุนแรงโจมตีอีกฝ่ายเสมอ
เวลาที่พวกเขาทะเลาะกัน เขามักจะหลบอยู่ตามมุมห้อง ฟังพวกเขาด่ากัน ขว้างปาข้าวของใส่กัน
ตอนนั้นเขารู้แล้วว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรสผู้เป็นตราบาปร้ายแรงของคนอื่น
แม่ของเขาเป็นชู้ที่แย่งสามีคนอื่นมา
ในที่สุด เมื่อเขาอายุได้สิบขวบ หลังจากที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แม่ของเขาก็วิ่งออกไป และประสบอุบัติเหตุรถชนอย่างน่าเศร้า
หลังจากที่เซี่ยปิงพูดจบ เซี่ยไห่ก็พึมพำเบาๆ
“ฮึ หญิงร้ายชายเลวจะอยู่กันอย่างมีความสุขได้ยังไง”
ต่อให้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นนึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์อะไร โลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจหรอก
ในโลกของเขา คนคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่เลย
คุณแม่เซี่ยโบกมือ พูดกับเซี่ยปิงว่า “เธอไปเถอะ คนคนนั้นตายไปแล้วเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ฉันไม่มีทางให้ลูกๆ ของฉันพบเขาหรอก”
“แล้วพวกเราก็ไม่ต้องการมรดกของเขาด้วย”
แต่เซี่ยปิงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ มองคุณแม่เซี่ยด้วยสีหน้าวิงวอน “คุณป้าครับ ผมหวังว่าคุณจะพิจารณาอีกครั้ง ถึงอย่างไรเขาก็ใกล้จะสิ้นใจแล้ว…”
สายตาของเซี่ยไห่ที่มองเซี่ยปิงคนนี้ว่าเป็นศัตรูได้จางหายไปบ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินเขาเสนอข้อเรียกร้องไร้ยางอายเช่นนี้ ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง “ไสหัวไปซะ ไม่งั้นฉันจะต่อยแก”
เซี่ยเหลยห้ามเขาไว้ “เซี่ยไห่ อย่าเสียมารยาท”
เซี่ยเหลยมีสีหน้าเย็นชา โบกมือไล่เซี่ยปิง แสดงความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องพูดอะไร
บรรยากาศรอบตัวเซี่ยเหลยนั้นแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งเซี่ยปิงก็ได้ศึกษาข้อมูลของพวกเขามาก่อนที่จะมาแล้ว
เขารู้ว่าพี่ใหญ่คนนี้เคยประสบเหตุเฉียดตายในสนามรบ หลายปีมานี้ก็พักรักษาตัวอยู่ที่ฮ่องกง ไม่แปลกที่พ่อของเขาไม่สามารถสืบหาร่องรอยของพวกเขาในเมืองไห่เฉิงได้
เซี่ยปิงมองเซี่ยเหลยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกรงขาม
เซี่ยเหลยเริ่มไล่แขกแล้ว ต่อให้เขาจะยังมีอะไรอยากพูด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจากไปอย่างฝืนใจ
ก่อนจะจากไป เซี่ยปิงมองเซี่ยเหลยและเอ่ยวิงวอน “พี่ใหญ่ ผมยังหวังว่าพวกคุณจะพิจารณาพบเขาสักครั้ง เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว อย่าทิ้งความเสียดายไว้ให้ตัวเองเลย”
“พวกเราจะเสียดายอะไร?” เซี่ยเหลยขมวดคิ้วถามกลับ “พวกเรามีอะไรให้เสียดายหรือ?”
เซี่ยปิงพูดไม่ออก ได้แต่หันหลังจากไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เซี่ยปิงน่าสงสารสุดแล้วในสมการนี้ มีพ่อแม่เมื่อพร้อมไม่เกินจริง
ไหหม่า(海馬)