ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 89 เห็นแล้วถูกใจหรือเปล่าล่ะ
ตอนที่ 89 เห็นแล้วถูกใจหรือเปล่าล่ะ?
ตอนที่ 89 เห็นแล้วถูกใจหรือเปล่าล่ะ?
หลังจากที่หลินเซี่ยออกมาจากบ้านของเจียงอวี่เฟย เธอก็ไปที่ถนนซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ก่อนหน้านี้เพื่อดูว่ามีร้านค้าที่มีทำเลเหมาะสมหรือเปล่า จะได้ปักหลักอย่างรวดเร็ว
เดือนแรกของปีคงยังไม่มีใครตัดผม ดังนั้นจึงสามารถใช้ช่วงเวลานี้เตรียมพร้อมสำหรับการตกแต่งได้
สิ่งที่เธอให้ความสำคัญคือทำเลซึ่งอยู่ระหว่างถนนสองสายของโรงงานยานยนต์ เชื่อมต่อกับโรงงานอาหาร โรงงานสิ่งทอ และสถานีรถไฟ
ทำเลนี้ถือเป็นถนนหนทางที่มีผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก อีกทั้งพนักงานในโรงงานอาหารและโรงงานสิ่งทอส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ตึกแถวที่นี่มีสองชั้น มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น
มีทั้งร้านขายของชำ ร้านตัดเสื้อ รวมถึงร้านขายข้าวสารอาหารแห้งและน้ำมัน กล่าวโดยสรุป ส่วนใหญ่ล้วนเป็นร้านค้าที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของผู้คน
เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะมีร้านเสริมสวยที่มีป้ายธรรมดาตั้งอยู่ตรงสุดขอบถนน
แต่ประตูร้านปิดอยู่ อาจเพราะอยู่ในช่วงวันหยุดยาวจึงยังไม่เปิด
เธอดูรูปถ่ายของสาว ๆ ทันสมัยในร้านเสริมสวยตรงหน้า อดคิดในใจไม่ได้ ถ้าเธอเปิดร้านเสริมสวยแข่งกับร้านนี้จะเป็นอะไรไหมนะ?
ไม่หรอก ทุกธุรกิจมีคู่แข่งเป็นเรื่องธรรมดา ใครฝีมือดีกว่าก็ได้รับความนิยมมากกว่า
ต่อมา หลังจากคิดได้แบบนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองกังวลมากเกินไป
เธอหันกลับมาอีกครั้ง ในที่สุดก็เห็นร้านค้าสองแห่งที่ไม่มีป้ายร้านค้า ประตูร้านปิดสนิท ภายในดูเหมือนว่างเปล่า
หลินเซี่ยไปเคาะประตูร้านข้าง ๆ ถามถึงเจ้าของตึกแถวที่ว่างอยู่ คุณลุงคนหนึ่งบอกว่านี่คือตึกแถวของครอบครัวเขาเอง มีคนยกเลิกสัญญาเช่าไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ยังคงว่างอยู่ แต่ลูกชายเขาเดินทางไปเยี่ยมเยียนบ้านพ่อตายังไม่กลับมา ต้องรอสองวันหลังจากนี้ถึงจะทำสัญญาได้
หลินเซี่ยยิ้มรับและบอกกับคุณลุงว่า “ได้ค่ะคุณลุง งั้นสองวันหลังจากนี้ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง อย่าลืมบอกลูกชายคุณด้วยนะคะว่าฉันอยากเช่าร้านนี้ เก็บร้านไว้ให้ฉันด้วยแล้วกันค่ะ”
จากนั้นหลินเซี่ยก็ก้มหน้าลงและเดินหันหลังกลับ จนไม่ทันสังเกตว่าตัวเองเพิ่งจะเดินสวนกับชายหนุ่มที่แต่งตัวทันสมัยสองคน
“พี่เฉิง แถวนี้ดูเหมือนย่านเมืองเก่า ถ้าเราเปิดห้องเต้นรำที่นี่ เถ้าแก่ใหญ่จะเห็นด้วยหรือเปล่า?” ชายหนุ่มผมหยิกสวมแจ็กเกตหนังปกขนสัตว์กำลังเดินตามชายมีหนวดวัยประมาณสามสิบ ออกความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ชายมีหนวดเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ซานจื่อ นายไม่รู้เหรอ? เถ้าแก่ใหญ่นั่นแหละที่เป็นคนสั่งให้เรามาเปิดห้องเต้นรำที่นี่ ถึงแม้บริเวณนี้จะเก่าโทรมไปสักหน่อย แต่ก็ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีผู้คนพลุกพล่านมาก เดินต่อไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวก็จะเจอกับสี่แยก แถมยังอยู่ติดกับสถานีรถไฟทางทิศใต้ ภายนอกจะเก่าโทรมแค่ไหนไม่สำคัญ เราสามารถเนรมิตมันได้ด้วยการตกแต่งไม่ใช่เหรอ? อย่าสงสัยในวิสัยทัศน์ของเจ้านายตัวเองเลย”
“เถ้าแก่ใหญ่เคยมาไห่เฉิงด้วยเหรอครับ?” เด็กหนุ่มสวมแจ็กเกตหนังถาม
“อย่าเพิ่งถามเลยว่าเขาเคยมาหรือเปล่า ไปที่นั่นหน่อยว่ามีใครอยู่ไหม”
…
เมื่อหลินเซี่ยกลับถึงบ้าน เฉินเจียเหอกำลังหั่นผักอยู่ในครัวด้วยท่าทางงุ่มง่าม ตั้งใจว่าจะทำกับข้าวด้วยตัวเอง
“กลับมาแล้วค่ะ”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินเสียงเธอเปิดประตู ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ฉายความนุ่มนวล เขารีบวางมีดทำครัวลงทันที แล้วเดินออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว
“ไปเจอเพื่อนมาแล้วเหรอ?” เขาถาม
หลินเซี่ยดึงผ้าพันคอออก ถอดเสื้อคลุม แล้วตอบว่า “เจอแล้วค่ะ”
การได้เห็นผู้ชายรอเธออยู่ที่บ้าน ช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและอบอุ่นจริง ๆ
เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง พบว่ามันเงียบสงบผิดปกติ ไม่เห็นเด็กน้อยวิ่งมาหาเหมือนทุกครั้ง จึงถามว่า “คุณไม่ได้พาหู่จือกลับมาเหรอคะ?”
เฉินเจียเหอตอบกลับ “คืนนี้เขาไปนอนที่บ้านถังจวิ้นเฟิงน่ะ คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะทำกับข้าวเอง”
หลังจากที่เฉินเจียเหอพูดจบ เขาก็ไปทำอาหารบราวนี่ออนไลน์
หลินเซี่ยล้างมือแล้วเดินตามเขาไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นว่าเฉินเจียเหอกำลังหั่นผักอย่างเก้ ๆ กัง ๆ จึงหยิบมีดทำครัวขึ้นมาแล้วพูดว่า “ฉันทำเองค่ะ”
“ผมเอง ผมอยากฝึกปรือทักษะสักหน่อย”
เส้นมันฝรั่งที่เขาหั่นนั้นหนาพอ ๆ กับตะเกียบ แต่อย่างน้อยตอนนี้มันฝรั่งก็ไม่ลื่นหลุดมือแล้ว ตอนแรกมันฝรั่งหัวเล็ก ๆ พวกนี้แทบไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขาเลยด้วยซ้ำ
หลินเซี่ยยืนอยู่ข้างเขา เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ทักษะอะไรเหรอคะ?”
“ทักษะการหั่นผักไง” เฉินเจียเหอตอบ มุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้กับมันฝรั่ง
“อ้อ” หลินเซี่ยพูดติดตลก นึกถึงปากของเธอที่ด้านชาเพราะถูกเขาขบกัด “ก็นึกว่าฝึกปรือทักษะการจูบซะอีก”
เฉินเจียเหอสะดุ้ง มีดแฉลบจนเกือบจะบาดนิ้วตัวเอง
จากนั้นก็มองไปด้านข้าง เห็นสาวสวยริมฝีปากแดงและฟันขาวสะอาด นัยน์ตาก็กระตุกเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเขาจูบสาวไม่เป็นจริง ๆ จนเผลอกัดริมฝีปากอีกฝ่าย ทันใดนั้นใบหน้าก็กลายเป็นสีแดงเข้มลามจากแก้มไปจนถึงลำคอ
น่าอายเป็นบ้าเลย
เขาต้องเรียนรู้อีกเยอะจริง ๆ
“มัวมองอะไรอยู่คะ? ในเมื่อคุณหั่นเรียบร้อยแล้ว ฉันจะผัดให้”
หลินเซี่ยสบตากับนัยน์ตาสุกใสแวววาวของเขา จากนั้นก็เลิกหยอกล้อเขา หันไปหยิบกะละมังมาใส่มันฝรั่งที่เขาหั่นเป็นเส้น นำไปล้างอีกครั้ง แล้วจัดการปรุงอาหาร
ถ้าเขากัดปากเธออีกรอบ คราวนี้ปากเธอได้แตกกันไปข้างแน่
…
หลังอาหารเย็น เฉินเจียเหอบอกว่าเขาจะไปบ้านผู้อำนวยการหลิวเพื่อคุยเรื่องงาน กำชับให้หลินเซี่ยอยู่ฟังเพลงที่บ้าน นอกจากนี้เขายังหยิบเครื่องบันทึกเทปที่แทบไม่เคยเป็นเล่นเลยเป็นชาติพร้อมกับเทปที่ไม่มีฉลากออกมาอย่างระมัดระวัง เปิดเครื่องเล่นเทปให้เธอ
ทันทีที่เปิดเครื่องบันทึกเทป ทั้งห้องก็ดังก้องไปด้วยเพลงปลุกใจของทหารซึ่งฟังแล้วฮึกเหิมมาก
“คุณฟังเพลงไปก่อนนะ ผมออกไปข้างนอกก่อน”
หลังจากที่เฉินเจียเหอเปิดเทปแล้ว เขาก็ออกไป
ขณะปิดประตู หลินเซี่ยที่กำลังซักผ้าก็ตะโกนไปทางเขา
“ค่ะ”
พอหู่จือไม่อยู่ทั้งคน หลินเซี่ยก็รู้สึกเบื่อหน่ายเงียบเหงามาก หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ตั้งใจว่าจะลองชุดชั้นในที่เจียงอวี่เฟยมอบให้
เธอคิดถึงบราทรงทันสมัยแบบนี้จริง ๆ เพราะทุกวันนี้เธอมีแค่เสื้อกล้ามตัวเล็กใส่เป็นซับในเท่านั้น
แต่มันค่อนข้างโล่งโจ้งแบบแปลก ๆ เวลาไม่มีอะไรมายึดเกาะ ตอนเดินตอนวิ่งก็โคลงเคลง รู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย
เธอเข้าไปในห้องของหู่จือ ปิดประตู ถอดเสื้อผ้าออก แล้วลองสวมชุดชั้นในสีดำตัวนั้น
ถึงเจียงอวี่เฟยจะตัวสูง แต่หน้าอกหล่อนไม่ได้อวบอิ่มอะไรมาก ทว่าพอเป็นเธอที่สวม ชุดชั้นในตัวนี้ไม่สามารถปกปิดเนื้อนุ่มของเธอทั้งหมดได้
พอถูกเสื้อชั้นในเบียดรัดแบบนี้ เนินเนื้ออวบอัดก็ทะลักออกมานอกร่มผ้าเกือบครึ่ง
เธอลองก้มมองลงไป จุ๊ๆ แม้แต่ตัวเองยังอดรู้สึกเย้ายวนไม่ได้
นอกจากนี้ ยกทรงสีดำยังตัดกันอย่างชัดเจนกับผิว ทำให้ผิวดูขาวผ่องยิ่งขึ้น
เมื่อมองเห็นเรือนร่างที่ยังอ่อนเยาว์และมีพลังแห่งวัยสาวอย่างเต็มเปี่ยม เธอก็ถอนหายใจออกมา ดีใจที่ตอนนี้ตัวเองยังอายุน้อยอยู่
ผิวพรรณ รูปร่าง หรือสภาพร่างกายโดยรวมในเวลานี้คือทุกสิ่งที่เธอใฝ่ฝันว่าจะมีหลังจากผ่านช่วงวัยกลางคนไปแล้ว
เธอไม่อยากสวมเสื้อผ้าที่เพิ่งจะถอดทิ้งกลับคืน ดังนั้นจึงวางแผนว่าจะหาเสื้อสเวตเตอร์และกางเกงขายาวในตู้เพื่อเปลี่ยนชุด
หลังจากหาเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็กำลังจะถอดชุดชั้นในออกแล้วไปเข้าห้องน้ำ จู่ ๆ ประตูก็เปิดดังเอี๊ยด มีคนผลักเข้ามาโดยไม่บอกก่อน
“ว้าย?!” หลินเซี่ยมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่หน้าประตู ตกใจมากและรีบปิดหน้าอกตัวเองโดยสัญชาตญาณ
แต่เธอลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองมีเพียงกางเกงในที่สวมติดตัวเท่านั้น
เฉินเจียเหอก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
เขาจ้องมองเธอนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ มองดูเรือนร่างที่สวยงามไร้ที่ติของเธอ ก่อนเลื่อนสายตาไปยังหุบเขาลึกอันตระการตา แล้วไล่ไปยังร่างกายที่เรียบเนียนและขาวผ่อง
“ทำไมไม่เคาะประตูก่อนล่ะ? ไม่สิ… ทำไมคุณกลับมาเร็วจัง?” เธอหันหลังกลับด้วยความตื่นตระหนก ตั้งใจจะควานหาเสื้อผ้า
ลูกบิดล็อกประตูของหู่จือพัง แล้วเธออยู่คนเดียวในบ้าน ดังนั้นเธอจึงทำเรื่องส่วนตัวอย่างไร้ยางอาย ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมากะทันหัน
หลังจากตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็สงบลงอีกครั้ง
ถึงอย่างไรเขาก็คือสามีของเธอเอง
อีกอย่าง รูปร่างของเธอก็ใช่ว่าไม่น่ามองซะเมื่อไหร่
ตอนนี้นอกจากเธอจะไม่ปิดบังอีกต่อไป ยังคิดว่าจะส่งสายตาหวานฉ่ำ มองหน้าเขาแล้วถามว่า ‘เห็นแล้วถูกใจหรือเปล่าล่ะ?’
เมื่อนึกได้แบบนี้ เธอก็ไม่รีบร้อนหาเสื้อผ้ามาใส่อีกต่อไป พอคว้าได้เสื้อโค้ตก็หยิบมาคลุมตัวลวก ๆ
หลังจากอยู่ด้วยกันมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลา ‘หุงข้าวสุก’ กันแล้ว
“ผู้อำนวยการหลิวไม่อยู่บ้าน” เสียงของเฉินเจียเหอแหบห้าว อยากจะเบือนหน้าหนีและเลี่ยงจากไปเหมือนสุภาพบุรุษ
แต่เสียงในหัวก็เตือนใจเขาขึ้นมา
เธอคือภรรยาของนายนะ เป็นคนรักของนาย อย่าเอาแต่เขินอาย มองได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
นายไม่ใช่แค่ดูได้อย่างเดียว ยังมีสิทธิ์ครอบครองมันอีกด้วย
คิดได้ดังนั้น เขาจึงรวบรวมความกล้าแล้วมองเธอโดยตรง
จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้เธอ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อู้ยยย สกิลอ่อยผู้ของเธอนี่ไม่เบาเลยเซี่ยเซี่ย ชายแข็งทื่ออย่างพี่เหอจะตกหลุมหรือยังนะ
ไหหม่า(海馬)