ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 890 อย่ามาอ้างความเป็นญาติกับฉัน
ตอนที่ 890 อย่ามาอ้างความเป็นญาติกับฉัน
“เคยเป็นทหารมาก่อนใช่ไหม?” เซี่ยไห่มองหน้าเซี่ยปิง แล้วถามขึ้นมาทันที
“ใช่ ผมรู้ว่าคุณก็เคยเป็นทหารเหมือนกัน”
ใบหน้าของเซี่ยปิงเปื้อนรอยยิ้ม เขามองเซี่ยไห่แล้วรีบตอบทันที “ใช่ ผมไปเป็นทหารตั้งแต่อายุ 16 ปี อยู่ในกองทัพมากว่า 10 ปี หลังจากออกกรมแล้วก็ทำธุรกิจสิ่งทอในแผ่นดินใหญ่”
เขามองเซี่ยไห่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ได้ยินว่าคุณเคยอยู่ที่เซินเจิ้นเหรอ? ผมก็เคยไปที่นั่นเหมือนกัน ตอนนี้ย้ายธุรกิจมาที่เมืองหนานเฉิงแล้ว”
เซี่ยไห่มองท่าทางที่พยายามสนิทสนมกับตนแล้วก็หลบสายตาด้วยความรังเกียจ “ใครขอให้แกเล่าเรื่องพวกนี้”
“ไม่มีใครขอหรอก ผมอยากเล่าเอง” เซี่ยปิงมองเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “คุณเป็นน้องชายของผม ผมเลยอยากให้คุณรู้จักชีวิตของผม”
เซี่ยไห่รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา “ไสหัวไป อย่ามาอ้างความเป็นญาติกับฉัน!”
เขาถามไปแค่ประโยคเดียว แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาเหมือนน้ำป่าไหลหลาก
เซี่ยปิงยื่นมือออกมาแตะไหล่ของเซี่ยไห่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและวิงวอน “เซี่ยไห่ อย่าเพิ่งฮึดฮัดสิ เรามาคุยกันดีๆ”
เซี่ยปิงพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็ดูเศร้าสร้อย “คุณอาจจะดีกว่าผมหน่อยตรงที่มีแม่ มีพี่ใหญ่ มีพี่สาว แม้พวกคุณจะลำบาก แต่ก็กอดมอบความอบอุ่นให้กันและกันได้ ส่วนผมต้องแบกรับความเจ็บปวดและความกดดันมหาศาลอยู่คนเดียว ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นความขมขื่น”
“หลังจากเข้ากองทัพ ได้เข้าร่วมกลุ่ม ชีวิตผมถึงได้เห็นแสงสว่าง”
เขามองเซี่ยไห่ด้วยสีหน้าขมขื่น “ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองยังมีพี่น้องอีกสามคน จริงๆ แล้วผมก็ค่อนข้างตั้งตารอที่จะได้พบพวกคุณ ผมโหยหาความรักในครอบครัว โหยหาการอยู่เคียงข้างของคนในครอบครัว”
“พอเถอะ!”
เซี่ยไห่ตวาดขัดคำพูดอย่างดุดัน
ยิ่งอีกฝ่ายพูด เขาก็ยิ่งเกลียดไอ้แก่หอกหักนั่น
แน่นอนว่าเขาก็ยิ่งดูถูกเซี่ยปิงมากขึ้นด้วย ในเมื่อได้รับบาดแผลมากมายขนาดนั้น ยังจะมาหาพวกเขาให้ไปเยี่ยมไอ้แก่หอกหักนั่นอีก สมองเขาเป็นน้ำไปแล้วหรือไง?
เซี่ยไห่กลบเกลื่อนอารมณ์ซับซ้อนในดวงตา เงยหน้ามองเซี่ยปิง พูดเสียงเย็นชา
เซี่ยปิงเผชิญกับคำถามกะทันหันของเซี่ยไห่ ทำเอาสีหน้าปรากฏความแปลกใจเล็กน้อย
เซี่ยไห่ดวงตากระตุก กล่าวว่า “ได้ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ให้ที่อยู่ฉันมาด้วย”
“หืม?” เซี่ยปิงงุนงงชั่วขณะ “คุณยอมไปเยี่ยมเขาแล้วหรือ?”
คำพูดของเขาเมื่อครู่ได้ผลขนาดนั้นเลยหรือ?
“ให้ที่อยู่ฉันด้วย”
เซี่ยไห่ชักสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าฉันมีเวลาฉันจะไป แกอย่าไปรบกวนแม่กับพี่ใหญ่ของฉันเลย ฉันจะไปแทนพวกเขาเอง”
ชัดเจนว่าเซี่ยปิงไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยไห่ มองเขาอย่างสงสัย
เซี่ยไห่ดวงตาวูบไหว พูดเสียงทุ้มว่า “มองฉันแบบนั้นทำไม? ฉันรู้นะว่าถ้าฉันไม่ตกลง แกก็จะมารบกวนครอบครัวฉันไม่หยุด ฉันไม่อยากให้แม่ต้องเสียใจเพราะคนใจร้ายคนนั้น ใกล้ปีใหม่แล้ว อย่ามาทำลายบรรยากาศเทศกาลของพวกเรา เข้าใจไหม?”
คำพูดของเซี่ยไห่ขจัดความสงสัยของเซี่ยปิงไป
เซี่ยไห่เป็นลูกกตัญญู ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกวันนี้ เขาก็รู้สึกได้
“แกบอกที่อยู่ให้ฉันก็พอแล้ว ฉันจะจัดการเอง”
เซี่ยไห่รู้สึกรังเกียจที่เขาพยายามสนิทสนม จึงปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
เพื่อแสดงความจริงใจ เซี่ยปิงก็ยังบอกรายละเอียดการรักษาของพ่อเขาให้เซี่ยไห่ทราบ
เซี่ยไห่ได้รับที่อยู่แล้วก็ทำหน้าเย็นชา
“คุณเซี่ยกรุณาตามสบาย ต่อไปผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
เซี่ยปิง “???”
“รีบไปซะ อย่ามารบกวนครอบครัวของฉันอีก”
สีหน้าของเซี่ยปิงฉายแววผิดหวัง
เขาอยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่เซี่ยไห่ก็เปิดประตูไล่แขกแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเซี่ยไห่ที่ได้ที่อยู่ของพ่อในเป่าซื่อแล้วจะไปเยี่ยมเขาจริงๆ หรือเปล่า
เซี่ยปิงลังเลอยู่สองสามวินาที แล้วจำต้องจากไป
ก่อนให้ลินดาโทรศัพท์หาเพื่อนที่เมืองเป่าซื่อบอกให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ เขาจะอ่านทางโทรศัพท์ ให้อีกฝ่ายเขียนลงไป แล้วส่งไปตามที่อยู่นั้นก็พอ
ถ้าเขาส่งจดหมายจากที่นี่ ไอ้แก่ใจร้ายนั่นอาจจะไม่ได้รับ
อีกทั้งยังช้าเกินไป
เซี่ยไห่คิดถ้อยคำร้ายกาจไว้มากมายแล้ว รู้สึกกระหายที่จะอ่านออกมา
ลินดาฟังแล้วรู้สึกขนลุก หล่อนลังเลก่อนจะพูดว่า “ไปปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ใหญ่และคนอื่นๆ ก่อนจะดีไหม”
เซี่ยไห่มองหล่อนด้วยหางตาแล้วพูดว่า “มีอะไรต้องปรึกษาด้วย? เรื่องนี้ไม่ต้องบอกพี่ใหญ่หรอก ผมอายุสามสิบกว่าแล้ว ตัดสินใจเรื่องแค่นี้ได้”
ถ้าบอกพี่ใหญ่ ต้องโดนตำหนิว่าทำเรื่องเหลวไหลแน่
“หากเกิดเรื่องขึ้นมา…” ลินดามองเขาอย่างลำบากใจ “หรือว่าคุณจะทำเหมือนพี่ใหญ่และคนอื่นๆ แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าสิ้นเปลืองอารมณ์ของตัวเองเลย คนแบบนั้นไม่คู่ควรให้คุณทำถึงขนาดนี้”
คำพูดของเซี่ยไห่รุนแรงและร้ายกาจเกินไป ถ้าเพื่อนของหล่อนที่เป่าซื่อเขียนตามที่เซี่ยไห่บอกแล้วส่งจดหมายไป หากคนแก่คนนั้นได้รับความกระทบกระเทือนแล้วเกิดเหตุร้ายขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบผลลัพธ์นี้?
เซี่ยไห่เห็นลินดากลับมาเตือนสติเขาแบบนี้ สีหน้าของเขาก็ดำมืดลง “ตกลงคุณอยู่ฝ่ายไหนกันแน่?”
ลินดารู้ว่าคำพูดของหล่อนไม่มีผลอะไรในเรื่องนี้เลย
ถ้าเซี่ยไห่ไม่ได้ระบายความแค้นนี้ออกมา เขาคงไม่สบายใจ
เขาต้องการที่ระบายความทุกข์และความอัดอั้นตันใจที่สะสมมากว่าสามสิบปี
ลินดาทำได้แค่ปลอบประโลมอารมณ์ของเขา พยายามทำให้เขาสงบลง
“พรุ่งนี้เช้าดีกว่านะ ดึกแบบนี้ไม่ควรจะไปรบกวนเพื่อนฉัน คุณเขียนสิ่งที่อยากพูดทั้งหมดลงบนกระดาษก่อน คิดให้รอบคอบที่สุด พรุ่งนี้ค่อยอ่านทางโทรศัพท์เลย ไม่งั้นพอโทรติดแล้วคุณอาจจะนึกคำพูดไม่ออก”
พอลินดาพูดแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยไห่ก็ผ่อนคลายลงบ้าง เขาพยักหน้า “ได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะทำอะไรก็คิดเยอะๆ หน่อยนะเซี่ยไห่ อย่าเพิ่งเอาความแค้นมาเป็นตัวตั้ง ไม่งั้นผลลัพธ์ที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่อยากให้เป็น
ไหหม่า(海馬)