ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 891 ทุกอย่างล้วนเป็นกรรมตามสนอง
ตอนที่ 891 ทุกอย่างล้วนเป็นกรรมตามสนอง
แม้ในวันนี้เซี่ยไห่จะพักอยู่ที่บ้านของลินดา แต่ก็ไม่ได้ขอนอนด้วยกันกับลินดาเหมือนปกติ
เขาไปนอนในห้องรับแขกคนเดียว โดยที่ลินดายังเอาใจช่วยเตรียมกระดาษและปากกาให้เขา
ทั้งยังแนะนำให้เขาเขียนหลายๆ รอบ
เมื่อคนเราได้เขียนหรือพูดถึงความทุกข์และความน้อยใจในใจออกมา มันก็ถือเป็นการระบายอย่างหนึ่ง
แค่ได้ระบายออกมา บางทีเขาอาจจะพบว่าจริงๆ แล้วเรื่องเหล่านั้นผ่านมาหลายปีแล้ว เขาควรปล่อยวางไปนานแล้ว
แค่เขาสามารถมองข้ามได้ ก็จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในใจ บางทีพอถึงพรุ่งนี้ เขาอาจใจเย็นลงแล้ว สภาพจิตใจก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนความตั้งใจได้
หลังจากเซี่ยไห่กลับเข้าห้อง ลินดาก็ถือโทรศัพท์ คิดว่าควรจะหาคนมาช่วยปรึกษาในเรื่องนี้เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน
เผื่อว่าพรุ่งนี้เซี่ยไห่ยังคงหุนหันพลันแล่น กลัวว่าเขาอาจเขียนจดหมายเนื้อความร้ายกาจออกมาจนทำให้คนแก่ช็อกตาย แล้วจะมีปัญหาตามมาทีหลัง
ตอนนี้เซี่ยอวี่ท้องแก่แล้ว ควรให้หล่อนพักผ่อนอย่างสบายใจ ดังนั้นต้องไม่ให้หล่อนรู้เรื่องนี้เด็ดขาด จะได้ไม่กระทบต่อสภาพจิตใจขณะตั้งครรภ์
ถ้าบอกเซี่ยเหลย หากพี่ใหญ่ไล่ตามมาต่อยเซี่ยไห่ เรื่องจะยิ่งใหญ่โตขึ้นไปอีก
ลินดาคิดไปคิดมา สุดท้ายก็โทรหาหลินเซี่ย
หล่อนลองถามหลินเซี่ยก่อนว่าบ่ายนี้กลับบ้านเกิดหรือเปล่า หรือได้รับโทรศัพท์จากบ้านเกิดไหม
หลินเซี่ยที่เพิ่งโทรศัพท์กลับบ้านเสร็จกำลังนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา พอได้ยินคำพูดของลินดาในโทรศัพท์ สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามว่า “พี่ลินดา ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เมื่อเช้าได้ยินคุณย่าพูดอย่างร่าเริงทางโทรศัพท์ว่าวันนี้จะไปซื้อของเตรียมตัวฉลองปีใหม่ เมื่อครู่นี้เธอจึงโทรกลับบ้านเป็นพิเศษ อยากถามว่าวันนี้พวกเขาซื้ออะไรมาบ้าง
ผลคือชุนฟางเป็นคนรับสาย บอกว่าคุณย่ากำลังพักผ่อน จากนั้นพูดส่งๆ ไม่กี่คำแล้วก็วางสาย
น้ำเสียงของชุนฟางฟังดูแปลกๆ เธอบอกให้พ่อแม่มารับสาย แต่ชุนฟางกลับบอกว่าพวกเขานอนกันหมดแล้ว
เพิ่งสองทุ่มเอง นอนกันแล้วเหรอ
“เซี่ยเซี่ย เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก” ลินดาไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับหลินเซี่ยอย่างไรดี
หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วจะเหมาะสมหรือไม่
หลินเซี่ยดวงตากะพริบเล็กน้อย เกิดความคิดขึ้นมา จึงพูดว่า “พี่ลินดา อย่าปิดบังฉันเลยค่ะ ฉันโทรไปแล้ว เร็วเข้า บอกฉันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เธอโทรไปที่บ้านแล้วเหรอ?” ลินดาถามอย่างสงสัย
“โทรไปแล้ว แต่สัญญาณไม่ดี ชุนฟางไม่ได้พูดอะไรมากในโทรศัพท์ ได้ยินว่าคุณย่าของฉันหลับไปแล้ว ฉันเป็นห่วงมาก พี่ลินดา เร็วเข้า บอกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังหน่อย”
เมื่อหลินเซี่ยพูดเช่นนี้ ลินดาที่ต้องการระบายอยู่แล้วจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้หลินเซี่ยฟังอย่างละเอียด
พอลินดาเล่าจบ หลินเซี่ยก็ตกตะลึงไปทั้งตัว
สมองมึนงงไปหมด
“เซี่ยเซี่ย เธอฟังอยู่หรือเปล่า?” ปลายสายเงียบไป ลินดาจึงเอ่ยถามขึ้น
ลินดาได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้วก็มีสีหน้าพิกล “เซี่ยเซี่ย เมื่อกี้เธอกำลังหลอกฉันสินะ? เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน”
ลินดากลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย คนตระกูลเซี่ยช่างเจ้าเล่ห์เหลือเกิน
ป้องกันไม่ไหวจริงๆ
“พี่ลินดา นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก” หลินเซี่ยถามอย่างร้อนรน “ตอนนี้สถานการณ์ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง? ย่ากับพ่อแม่ของฉันไม่เป็นไรใช่ไหม? คนคนนั้นไปแล้วหรือยัง?”
ลินดาพูดว่า “ฉันอยู่ที่บ้านฉันเอง พวกเขาน่าจะไม่เป็นไร แต่อารองของเธอน่ะสิ…”
ลินดาพูดถึงเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เธอก็รู้ว่าเขาดูเหมือนจะร่าเริงสนุกสนาน แต่จริงๆ แล้วในใจยังไม่ได้ปล่อยวาง วันนี้เซี่ยปิงนั่นไปหาเขาถึงห้องเต้นรำ อารองของเธอขอที่อยู่ของคนแก่จากเขา ว่าจะเขียนจดหมายไปด่า ได้ยินว่าตอนนี้คนแก่นั่นเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ฉันเลยกลัวว่าถ้าส่งจดหมายไปแล้วจะเกิดเรื่อง”
“ตายไปก็สมควรแล้ว” ตอนนี้หลินเซี่ยก็โกรธมาก “เขายังมีหน้ามาตามหาย่ากับพวกเขาแบบนี้ ก็แสดงว่าอยากให้พวกเขาประณามตัวเองนั่นแหละ เขาคงไม่ได้คิดอย่างไร้เดียงสาว่าย่ากับพวกเขาจะให้อภัยเขาจริงๆ หรอกนะ? ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ยอมรับไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้เขาตายตาไม่หลับไปเลย”
ลินดาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “ฉันก็บอกอารองของเธอแบบนี้แหละ แต่เขาไม่ยอม เขาต้องการระบายมาก”
หลินเซี่ยเด็ดขาดกว่าเซี่ยไห่ “งั้นก็ปล่อยให้เขาเขียนไปเถอะ”
“ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้”
ลินดาวางสาย ไม่ได้ติดใจเรื่องนี้อีก ในเมื่อหลินเซี่ยยืนอยู่ข้างเซี่ยไห่ หล่อนก็เลือกที่จะสนับสนุนเซี่ยไห่เช่นกัน ถ้ามีปัญหาค่อยว่ากันทีหลัง
เทียบกับชีวิตอันต่ำทรามของชายชราคนนั้นแล้ว หล่อนให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของเซี่ยไห่มากกว่า
เพราะได้รับรู้ข่าวนี้ หลินเซี่ยจึงนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รีบพาลูกสองคนกับเฉินเจียเหอมาที่บ้านตระกูลเซี่ย
เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงกำลังซักผ้าปูที่นอนอยู่ในลานบ้าน พอเห็นลูกสาวกับลูกเขยมา เซี่ยเหลยก็ยิ้มทักทาย
“เซี่ยเซี่ย เจียเหอ พวกเธอมาได้ยังไงเนี่ย?”
“หลานชายฉันก็มาด้วยเหรอ?”
หู่จือวิ่งเข้าไปกอดหลิวกุ้ยอิงแล้ว
หลิวกุ้ยอิงลูบหัวของหู่จือด้วยความยินดี ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเปี่ยมความรักความเมตตา
หลินเซี่ยเห็นพ่อแม่ของเธอดูเหมือนจะมีสีหน้าปกติ และยังคงทำงานบ้านตามปกติ ความกังวลที่เธอแบกรับมาทั้งคืนก็คลายลงในทันที
“พวกคุณซักผ้าเยอะจังเลยนะ?” หลินเซี่ยมองดูผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ตากอยู่บนราวตากผ้า รวมถึงเครื่องซักผ้าที่กำลังหมุน การที่พวกเขาทำงานได้มากขนาดนี้ นั่นแสดงว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อวานแน่
เซี่ยเหลยรับตัวเสี่ยวหู่มาจากมือของเฉินเจียเหอแล้ว
“วันนี้อากาศดี เลยซักทำความสะอาดหน่อย ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว”
“คุณย่าล่ะคะ?” หลินเซี่ย ถามพวกเขา
พ่อของเธอไม่มีอะไรต้องกังวล สิ่งที่เธอกังวลที่สุดก็คือหญิงชรา
เซี่ยเหลยมีสีหน้าเคร่งเครียด มองไปทางห้องนอน
“นอนอยู่ในห้องน่ะ”
“งั้นพวกเราไปเยี่ยมคุณย่ากันเถอะ”
“ได้” เซี่ยเหลยไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ส่งเด็กน้อยคืนให้เฉินเจียเหอ แล้วพยักหน้าให้พวกเขาอุ้มเด็กเข้าไปเยี่ยม
เขาก้มหน้าลงยุ่งกับการบิดผ้าปูที่นอน เฉินเจียเหอบอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาทำเอง แต่ เซี่ยเหลยบอกว่าไม่ต้อง ให้พวกเขาเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนคนแก่ดีกว่า
ดวงตาของคนแก่ดูเหมือนผ่านการร้องไห้มาอีกแล้ว มีอาการบวมเล็กน้อย
แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าครั้งที่แล้ว
เมื่อเห็นหลานสาวและสามีของหลานสาวมาเยี่ยม คุณแม่เซี่ยก็ตั้งใจจะทำตัวเข้มแข็ง ไม่อยากให้พวกเด็กๆ เป็นห่วง และไม่อยากให้พวกเขารู้เรื่องนี้ แต่ร่างกายกลับไม่เป็นใจ อายุมากแล้ว ไม่แข็งแรงเหมือนตอนยังสาว พอความอ่อนแอทางอารมณ์เข้ามา ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้
“ฉันไม่เป็นไร แค่นอนพักหน่อย”
คุณแม่เซี่ยมองเห็นเหลนทั้งสองคน ดวงตาเต็มไปด้วยความเมตตา “พวกเด็กๆ มากันหมดแล้วเหรอ?”
“คุณยายทวด พวกเราคิดถึงคุณจังเลย”
“เด็กดีทั้งหลาย ยายก็คิดถึงพวกหนูเหมือนกันจ้ะ”
คุณแม่เซี่ยมองดูเด็กๆ แล้ว หลินเซี่ยก็ให้เฉินเจียเหอพาเด็กๆ ไปที่ห้องโถงก่อน
เธอต้องการพูดคุยกับคุณย่าตามลำพัง
พอเฉินเจียเหอพาเด็กๆ ออกไปแล้ว หลินเซี่ยก็มองคุณย่าด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ แล้วปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณย่าคะ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ”
หลินเซี่ยนั่งลงข้างเตียง แล้วกอดคุณย่าไว้
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลินเซี่ย คุณแม่เซี่ยก็รู้ว่าเธอคงทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านแล้ว
พอหลานสาวกอด หญิงชราก็พลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
“เซี่ยเซี่ย ที่จริงฉันไม่อยากร้องไห้ ฉันรู้ว่าการหลั่งน้ำตาให้คนแบบนั้นมันไม่คุ้มค่า แต่ใจฉันมันเจ็บปวดจริงๆ นะ”
“เวลาผ่านมาสามสิบกว่าปีแล้ว คนคนนั้นใกล้ตายแล้วก็ยังจะมาทำให้พวกเราขยะแขยงอีกครั้ง เธอว่าชาติที่แล้วฉันติดหนี้เขาหรือเปล่า?”
คุณแม่เซี่ยพูดไปพูดมาก็ยิ่งเดือดดาล “เขาทำให้ฉันขยะแขยงก็แล้วไป แต่นี่ยังทำให้ลูกๆ ของฉันอยู่ไม่เป็นสุขอีก พวกเราทั้งครอบครัวกว่าจะได้อยู่พร้อมหน้ากันก็ไม่ง่าย เขากลับเห็นพวกเราได้ดีไม่ได้”
“บรรพบุรุษบอกว่าความฝันมักตรงข้ามกับความจริง มันก็เป็นจริงนะ ครั้งก่อนฉันฝันว่าเขาแต่งตัวหรูหรามายืนตรงหน้าฉันแล้วขอโทษ ตอนนั้นฉันก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี นึกว่าเขาตายไปแล้วเสียอีก ใครจะรู้…”
ถ้าคนคนนั้นตายไปอย่างเงียบๆ เรื่องก็คงจบ แต่นี่ยังต้องมาทำแบบนี้ จนส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของทุกคน นางเกลียดจริงๆ
ตอนที่เขาทิ้งแม่ลูกทั้งสี่คนไป เขาช่างเด็ดขาดเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับมาตามหาพวกเขา นางยิ่งดูถูกเขามากขึ้นไปอีก
การต้องอยู่อย่างเดียวดายจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตนั่นแหละคือบทลงโทษของเขา
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากเห็นจดหมายที่เซี่ยไห่เขียนถึงพ่อผู้ให้กำเนิดเลยค่ะว่าจะแซ่บขนาดไหน ด้วยเกลียดชังและแรงแค้นที่แท้จริง
ไหหม่า(海馬)
………………..