ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 894 ไร้บ้าน
ตอนที่ 894 ไร้บ้าน
แม้การอยู่กับคนรักจะเป็นช่วงเวลาหวานชื่นและงดงาม แต่หล่อนเคยชินกับความเงียบสงบมาหลายปี ความรักเป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งในชีวิตของหล่อน ไม่สามารถกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตได้
แม้ในวันที่ไม่ได้ทำงาน หล่อนก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อเพลิดเพลินกับชีวิตที่เงียบสงบ
เซี่ยไห่อยู่กับหล่อนมาเกือบสัปดาห์แล้ว เนื่องจากช่วงนี้เขาอารมณ์ไม่ดี หล่อนจึงคอยเอาใจเขาตลอด อีกทั้งเซี่ยไห่ยังเป็นคนขี้โวยวาย หล่อนจึงต้องการเวลาอยู่คนเดียวอย่างเร่งด่วน
ลินดานอนอยู่บนโซฟา ดูรายการโทรทัศน์ แทะเมล็ดแตงโมอย่างสบายอารมณ์ รู้สึกว่าชีวิตช่างเงียบสงบและงดงามเหลือเกิน
หล่อนดูโทรทัศน์สักพัก เพื่อนจากเมืองเป่าซื่อก็โทรมาอีก
“เธอพูดถูก จดหมายฉบับนั้นรอให้พ้นวันที่สามของปีใหม่ก่อนค่อยว่ากัน ช่วงปีใหม่แบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะเป็นลางร้าย”
เพื่อนของหล่อนก็เป็นคนระมัดระวัง หลังจากเขียนจดหมายตามที่เซี่ยไห่ขอแล้ว ก็ยังถามลินดาเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องราวนี้ หล่อนจะไม่ทำอะไรให้ลินดาโดยไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงเด็ดขาด
หลังจากฟังคำอธิบายของลินดา อีกฝ่ายก็รู้สึกเศร้าใจ
คนแก่คนนั้นป่วยหนักจริงๆ ได้ยินว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
แม้เพื่อนนักเขียนบทของลินดาจะเห็นใจชะตากรรมของเซี่ยไห่ แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ หล่อนจึงไม่กล้าส่งจดหมายเข้าไปในทันที
ช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ ถ้าเกิดพ่อเฒ่าเซี่ยถูกกระตุ้นจนอาการกำเริบ คนแรกที่จะถูกหาเรื่องก็คือหล่อน
ส่งผลกระทบต่อวันเวลาดีๆ ในเทศกาลปีใหม่
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปส่งหรอก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วมาหาฉัน ฉันจะฉลองปีใหม่ได้ยังไง?”
“ถูกแล้ว”
เพื่อนที่อยู่ปลายสายหัวเราะแล้วถามหล่อนว่า “ลินดา ปีนี้เธอฉลองปีใหม่ที่เมืองไห่เฉิงเหรอ? ฉันเห็นทุกปีเธอฉลองปีใหม่ข้างนอกตลอด ดูเหมือนจะกลับบ้านน้อยมาก ปีนี้ก็ไม่กลับเหรอ?”
ลินดาตอบว่า “อืม งานยุ่ง กลับไม่ได้”
เพื่อนที่อยู่ปลายสายทำเสียงจุ๊ๆ สองที น้ำเสียงแฝงความอิจฉา “ผู้หญิงเก่งช่วงปีใหม่ยังต้องทำงานสินะ ฉันอิจฉาพวกเธอที่ยุ่งขนาดนี้จริงๆ บทของฉันขายไม่ออกเลย เดี๋ยวช่วยแนะนำให้หน่อยนะ”
ลินดาวางสายโทรศัพท์แล้วนอนลงบนโซฟาต่อ แต่อารมณ์กลับไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป
ทุกปีในช่วงเทศกาลปีใหม่หล่อนก็อยู่ข้างนอก…
ใช่แล้ว หล่อนจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้กลับบ้านไปฉลองปีใหม่มานานแค่ไหน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับไปที่ไหน
หลายปีมานี้ หล่อนไม่มีบ้านให้กลับจริงๆ
พ่อแม่บุญธรรมเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนพ่อแม่แท้ๆ นับตั้งแต่รู้ว่าหล่อนประสบความสำเร็จในชีวิต ก็พยายามสืบหาข่าวคราวของหล่อนไปทั่ว หวังจะให้หล่อนช่วยเหลือน้องชาย
เมื่อก่อนพวกเขารังเกียจที่หล่อนเป็นผู้หญิงจึงยกให้คนอื่นเลี้ยง พอเห็นว่าหล่อนโตมาแล้วมีหน้ามีตา ก็อยากจะมาสานสัมพันธ์
ช่างน่าขยะแขยงเหลือเกิน
หล่อนยอมไม่มีบ้านให้กลับดีกว่าต้องไปพัวพันกับพวกเขา
หล่อนควรจะได้พักผ่อนอย่างสงบในเวลาอันหายากนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถจดจ่อกับรายการในโทรทัศน์ได้เลย
ถึงกับมีแรงกระตุ้นอยากเรียกเซี่ยไห่กลับมา
แต่หล่อนยังคงรู้ว่าถึงแม้ความรักจะหวานชื่นแค่ไหน หล่อนก็ยังคงอิจฉาความรักในครอบครัวของคนอื่น
ก่อนหน้านี้หล่อนกับเซี่ยอวี่ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในฮ่องกง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เซี่ยอวี่ก็ไม่เคยค้างคืนข้างนอก เพราะแม่ชราของหล่อนจะคอยเปิดไฟรอหล่อนกลับบ้านไม่ว่าจะดึกแค่ไหน
ตอนนี้ตระกูลเซี่ยได้เจริญรุ่งเรือง มีสมาชิกเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นครอบครัวใหญ่แล้ว
ส่วนหล่อนก็กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเซี่ยเช่นกัน
ลินดานอนอยู่คนเดียวรู้สึกทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นตั้งใจจะทำอาหารให้ตัวเอง แต่ผลปรากฏว่าในครัวไม่มีอะไรเลย
ช่วงนี้หล่อนกินข้าวกับเซี่ยไห่ที่บ้านตระกูลเซี่ยตลอด ไม่ก็กินที่ร้านอาหาร ไม่เคยซื้อของมาทำอาหารที่บ้านเลย
หล่อนขี้เกียจออกไปซื้อของ
จึงต้องทนนอนหิวต่อไป
ในขณะที่หล่อนนอนจนฟ้ามืดและทนไม่ไหวคิดจะออกไปกินข้าว เสียงไขประตูก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เซี่ยไห่ชูกล่องข้าวในมือขึ้น “มาส่งอาหารให้คุณไงล่ะ ตอนผมออกจากบ้าน ผมลืมไปว่าในครัวไม่มีอะไรเลย”
“นี่เป็นจับฉ่ายที่พี่สะใภ้ทำ อร่อยมากเลยนะ ผมกินมาแล้ว เลยรีบมาส่งให้คุณ คุณต้องกินตอนที่มันยังร้อนๆ นะ”
เซี่ยไห่ไปหยิบชามและตะเกียบมาให้หล่อน เห็นลินดายืนงงอยู่ตรงนั้น เขาจึงมองด้วยสายตาอ่อนโยนและยิ้มพูดว่า
“ไม่ต้องกังวล ผมจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ ผมรู้ว่าบางครั้งควรให้พื้นที่ส่วนตัวกับคุณบ้างเพื่อให้คุณได้ผ่อนคลาย บ้านเราค่อนข้างวุ่นวาย ผมเองก็ค่อนข้างวุ่นวายด้วย” เซี่ยไห่ตักจับฉ่ายใส่ชามให้หล่อน วางลงบนโต๊ะ แล้วยื่นตะเกียบให้ “คุณกินข้าวให้อร่อยนะ กินเสร็จแล้วรีบพักผ่อนเถอะ ผมขอกลับก่อน คืนนี้ต้องไปตรวจสอบบัญชีของห้องเต้นรำกับหลินจินซาน พรุ่งนี้จะมารับคุณ”
ลินดามองเขา ความอบอุ่นพลันแล่นขึ้นมาในใจ หล่อนยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องมารับหรอก ฉันขับรถไปเองได้ คุณทำธุระของคุณเถอะ”
“ได้ พรุ่งนี้ค่อยติดต่อกัน กินข้าวเร็วๆ นะ”
เมื่อเห็นลินดานั่งลงที่เก้าอี้และเริ่มกินอย่างว่าง่าย เซี่ยไห่ก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ช่างน่าอัศจรรย์ ลินดามองกล่องข้าวที่เซี่ยไห่วางไว้บนโต๊ะ ความรู้สึกเหงาและเศร้าในใจเมื่อครู่พลันหายไปในพริบตา
หล่อนลองชิมจับฉ่ายในชามคำหนึ่ง น้ำตาไหลลงชามโดยไม่รู้ตัว
อร่อยจริงๆ นี่คงเป็นรสชาติของบ้านสินะ
วันที่ 30 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า บรรยากาศวันนี้มีกลิ่นอายเทศกาลเข้มข้น ทุกคนเริ่มรวมตัวกันเตรียมฉลองปีใหม่
หลินเซี่ย เฉินเจียเหอ และเฉินเจียซิ่งกลับมาที่ชุมชนบ้านพักทหารล่วงหน้า
เมื่อในบ้านมีเด็กสองคนคือหู่จือกับเสี่ยวหู่ บรรยากาศเทศกาลวันนี้ยิ่งเข้มข้นและคึกคักมากขึ้น
หู่จือใส่เสื้อผ้าใหม่ล่วงหน้าแล้ว ถือของเล่นมากมาย นั่งเล่นของเล่นกับน้องชายบนพรม
หู่จือมองเสี่ยวหู่ที่รู้แต่จะเขย่ากรุ๋งกริ๋งไปมา พลางพูดเป็นนัย
“น้องชาย พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะมีเงินแล้วนะ ถึงตอนนั้นฉันจะซื้อของเล่นให้นายเยอะๆ ดีไหม?”
เสี่ยวหู่มองหู่จือ เห็นพี่ชายยิ้มให้ตัวเอง เขาก็ยิ้มตอบ
หู่จือจูงมือนุ่มนิ่มของเสี่ยวหู่ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พรุ่งนี้พวกเราจะได้รับเงินอั่งเปามากมาย ของนายจะเอาเก็บไว้ ส่วนของฉันจะเอาไปซื้อของเล่นให้พวกเรา ฉันจะซื้อของอร่อยๆ ให้นายด้วย”
หลินเซี่ยออกมาจากครัวได้ยินสิ่งที่หู่จือพูดกับเสี่ยวหู่ หัวใจเธอก็พลันอบอุ่น เดินเข้ามาลูบหัวหู่จือด้วยดวงตาอ่อนโยน “หู่จือ ลูกโง่หรือไง เงินของลูกลูกก็เก็บไว้สิ ใช้เงินของน้องชายแทน”
“ทำไมล่ะครับแม่?”
หลินเซี่ยมองท่าทางงุนงงของเขา พูดพลางยิ้มว่า “ตอนนี้น้องชายยังเล็กไม่รู้เรื่องอะไร พวกเราสองคนใช้เงินอั่งเปาของเขากันให้สนุกเลย พออีกสองปีเขาโตขึ้นรู้ความเมื่อไหร่ พวกเราอยากใช้เขาก็ไม่ให้แล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในที่สุดลินดาก็ได้เจอบ้านเสียที บ้านที่ไม่ใช่สถานที่แต่เป็นผู้คนและอาหาร
ไหหม่า(海馬)