ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 895 อีกหนึ่งปีของคืนวันส่งท้ายปีเก่า
ตอนที่ 895 อีกหนึ่งปีของคืนวันส่งท้ายปีเก่า
………………..
ตอนที่ 895 อีกหนึ่งปีของคืนวันส่งท้ายปีเก่า
เมื่อหู่จือได้ยินหลินเซี่ยพูดว่าจะใช้เงินอั่งเปาของเสี่ยวหู่ เขาก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เขามองหลินเซี่ยอย่างจริงจังและพูดว่า “แม่ครับ ที่แม่ทำมันไม่ถูกต้อง นี่เป็นการเอาเปรียบน้องชาย ผมไม่เห็นด้วย”
หลินเซี่ย “!!!”
เธอมองดูเด็กน้อยที่มีใบหน้าจริงจัง มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย
หู่จือจับมือเล็กๆ ของเสี่ยวหู่ แล้วปลอบประโลมน้องชายที่ไม่เข้าใจอะไรเลยเบาๆ ว่า “เสี่ยวหู่ นายวางใจได้ พี่จะไม่ยอมให้แม่ใช้เงินอั่งเปาของนายหรอก”
หลังจากพูดจบ หู่จือก็หันไปมองหลินเซี่ยอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูลำบากใจ หลังจากผ่านไปสักพัก ราวกับว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ยากลำบาก เขาก็เอ่ยปากขึ้นว่า “แม่ครับ ถ้าแม่ไม่มีเงินแล้ว พรุ่งนี้ผมจะให้เงินอั่งเปาที่ผมได้มากับแม่”
คำพูดของหู่จือทำให้หลินเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
เจ้าตัวแสบคนนี้ช่างเข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ
หลินเซี่ยโอบกอดเขาเข้ามาในอ้อมแขน ลูบศีรษะเขาแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “แม่มีเงินอยู่จ้ะ เมื่อกี้แค่ล้อเล่นกับพวกลูกเท่านั้น แม่ที่เป็นเจ้าของกิจการจะไปสนใจเงินน้อยนิดของพวกลูกทำไม ถ้าลูกไม่ไว้ใจพวกเรา ลูกก็รับผิดชอบดูแลเงินอั่งเปาของลูกกับน้องชายไป แล้วช่วยเก็บให้เขาทุกปี พอน้องโตขึ้นค่อยมอบให้เขา”
หู่จือยินดีรับภารกิจนี้มาก เขาพยักหน้าหนักแน่น “ได้ครับ ผมจะหาสมุดมาจดบัญชีให้น้อง แล้วเอาเงินใส่กระปุกออมสิน พอเขาอายุสามขวบผมจะคืนให้เขา”
คุณย่าเฉินได้ยินคำพูดของหู่จือก็หัวเราะ พูดว่า “โอ้โห หู่จือของย่าโตขึ้นจะได้เป็นนักบัญชีแล้ว ดูสิพูดเป็นมืออาชีพมาก ยังจะทำบัญชีให้ด้วย”
เฉินเจียซิ่งพอดีเดินลงบันไดมา ก็ยิ้มพูดต่อว่า “เจ้าหนูคนนี้ดูอนาคตไกลจริง แบบนี้เรียนต่อเป็นนักบัญชีได้เลยนะ เขาสอบคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็มไม่ใช่หรือ นับว่ามีพรสวรรค์อยู่”
หู่จือกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมไม่อยากเป็นนักบัญชีหรอก ผมแค่จะทำบัญชีให้น้องเท่านั้น อย่างอื่นผมไม่สนใจ”
“แล้วโตขึ้นหนูอยากทำอะไรล่ะ” คุณย่าเฉินถามพร้อมรอยยิ้ม “โตขึ้นหนูอยากทำงานอะไร ตอนนี้ต้องตั้งอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่แล้วนะ”
หู่จือตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “เป็นทหารครับ เป็นทหารรถไฟ”
เฉินเจียเหอที่ถือบทกลอนคู่เตรียมจะไปติดได้ยินคำพูดของหู่จือดังนั้น สีหน้าเขาก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พ่อไม่ได้บอกลูกเหรอว่าตอนนี้ไม่มีทหารรถไฟแล้ว”
หู่จือยืนอยู่ตรงนั้น พูดเสียงดังฟังชัด “อ้อ งั้นผมก็จะเป็นทหารป้องกันประเทศ ผมจะปกป้องมาตุภูมิ”
“เก่งมาก” ผู้เฒ่าเฉินมองเขาด้วยความปลาบปลื้ม พยักหน้าอย่างจริงใจ “หู่จือของบ้านเรามีความมุ่งมั่นยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ปู่ทวดก็ดีใจมาก ต่อไปเธอกับเสี่ยวหู่ต้องเข้ากองทัพนะ”
“คุณปู่ทวด ผมกับน้องชายจะปกป้องประเทศชาติครับ”
ในช่วงเทศกาลปีใหม่เช่นนี้ เฉินเจียเหอกลับรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยเมื่อหู่จือพูดถึงทหารรถไฟ
เขาลูบหัวหู่จือแล้วพูดว่า “พอเถอะ ไปเล่นกับน้องชายเร็ว อีกเดี๋ยวก็จะได้เวลากินข้าวแล้ว”
หลังอาหารกลางวัน โจวลี่หรงบอกว่าจะพักสักครู่แล้วค่อยห่อเกี๊ยว เตรียมอาหารมื้อค่ำวันส่งท้ายปีเก่า
เด็กทั้งสองอยู่ในห้องนั่งเล่นกับคนแก่ ส่วนเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยในตอนนี้ไม่มีอะไรทำ
พอขึ้นไปบนชั้นบน เฉินเจียเหอก็นอนลงบนเตียง ถอนหายใจอย่างหนัก
หลินเซี่ยนอนลงข้างๆ เขา “เป็นอะไรไป คิดถึงเพื่อนทหารของคุณหรือคะ?”
จริงๆ แล้วเธอรู้ว่าเขาคงคิดถึงพ่อของหู่จือ
ประโยคที่หู่จือพูดถึงทหารรถไฟ คงจะสะเทือนใจเขาลึกๆ
เฉินเจียเหอมองเพดาน พลางพึมพำว่า “จางเหมยดูเหมือนจะไม่ได้มาเยี่ยมหู่จือหลายเดือนแล้ว”
หลินเซี่ยพูดอย่างหงุดหงิด “คุณเพิ่งนึกได้เหรอคะ ครั้งก่อนฉันบอกอารองว่าจางเหมยมาตอนหู่จือเปิดเทอม หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เขายังด่าฉันว่ายุ่งเรื่องชาวบ้านอีก”
เฉินเจียเหอครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ต้องสนใจหรอก หล่อนคงจะคิดได้แล้วละ น่าจะออกจากเมืองไห่เฉิงไปแล้ว”
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับหล่อนจริงๆ พวกเขาก็น่าจะได้ยินข่าวลือมาบ้าง
แม้เฉินเจียเหอจะพูดว่าไม่ได้คิดถึงพ่อของหู่จือ แต่เขาก็มองเพดานเหม่อลอยอยู่นาน แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “เฮ้อ ถ้าผู้กองยังมีชีวิตอยู่คงจะดี ครอบครัวของพวกเขาคงจะเตรียมอาหารฉลองปีใหม่มีความสุขกันพร้อมหน้า ตอนเราฉลองปีใหม่ก็จะได้ไปมาหาสู่กัน อวยพรปีใหม่ ดื่มเหล้า ช่างดีเหลือเกิน”
หลินเซี่ยหนุนแขนของเขา พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนี้หู่จืออยู่กับเราก็มีความสุขดีนะคะ ชีวิตคนเรามักมีเรื่องน่าเสียดายเสมอ คุณต้องปล่อยวางหน่อยนะ”
เขาลูบหัวเธอ ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ใกล้ปีใหม่แล้ว พอพูดถึงก็รู้สึกเศร้าขึ้นมานิดหน่อย”
“ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตอนเลี้ยงดูหู่จือ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากขนาดนี้ ตอนนั้นคิดน้อย แค่อยากเลี้ยงหู่จือให้โต แต่พอจางเหมยปรากฏตัว บางครั้งผมก็รู้สึกสับสนในใจ ฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งหู่จือจะต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขา ตอนนี้เขาใกล้จะ 8 ขวบแล้ว วันนั้นก็ใกล้เข้ามาทุกที”
ตอนแรกที่เลี้ยงหู่จือนั้นเป็นเพราะความรับผิดชอบ
เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่วันหนึ่งเด็กจะรู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเองได้
หลินเซี่ยกลับพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “เรื่องนี้ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องกังวล ถ้าวันหนึ่งหู่จือรู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง เขาก็จะไม่รู้สึกห่างเหินกับพวกเรา เขามีความสุขมากที่อยู่กับพวกเรา ในอนาคตเขาจะยิ่งรู้สึกขอบคุณคุณมากขึ้น”
เหมือนกับในชาติก่อน หลังจากที่หู่จือรู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง เขาก็ไม่ได้ตีตนออกห่างจากเฉินเจียเหอ ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดต่อเฉินเจียเหออย่างมาก
เขาถึงกับคิดว่าการที่เฉินเจียเหอหย่ากับเธอก็เป็นเพราะ “ลูกติด” อย่างเขา
เฉินเจียเหอ เซี่ยไห่ รวมถึงคนอื่นๆ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการอบรมสั่งสอนหู่จือ
เขามีทัศนคติที่ถูกต้องและมีอุดมคติที่ยิ่งใหญ่
เพียงแต่ในชาติก่อน เขารู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเองก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพ
เขาจึงสละโอกาสที่จะไปประจำการที่ชายแดน แต่เลือกที่จะอยู่เคียงข้างเฉินเจียเหอแทน
หลินเซี่ยที่มีความทรงจำจากชาติก่อนเหล่านี้เชื่อใจหู่จืออย่างมาก
“รอให้เขาโตก่อนค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา เขาจะเข้าใจเอง”
เฉินเจียเหอถอนหายใจอีกครั้ง หลินเซี่ยอดนึกถึงเรื่องกลุ้มใจไม่ได้ “ไม่รู้ว่าวันนี้ที่บ้านฉันจะมีเรื่องอะไรไหม คนที่ชื่อเซี่ยปิงนั่นคงจะไม่ไปที่บ้านอีกแล้วใช่ไหม?”
เฉินเจียเหอพูดว่า “อารองซัดเขาไปแล้ว คงจะไม่ไปรบกวนอีก”
…….
เซี่ยไห่ตื่นแต่เช้าไปรับลินดากลับบ้านของพวกเขา จากนั้นทุกคนในครอบครัวก็วุ่นวายทำงาน
เซี่ยไห่กับหลินจินซานรับผิดชอบติดกลอนคู่มงคลและรูปเทพทวารบาล
หลิวกุ้ยอิงพาชุนฟางและหลินเยี่ยนเข้าครัวเตรียมอาหาร
หลิวกุ้ยอิงตั้งใจจะทอดลูกชิ้นและแผ่นแป้งทอด เมื่อคืนได้หมักแป้งไว้แล้ว พอเช้ามาแป้งก็ฟูดีมาก พอฟ้าสางก็เริ่มยุ่งกับการนวดแป้ง ส่วนหลินเยี่ยนช่วยอุ่นน้ำมันให้ร้อน
คุณแม่เซี่ยได้ก้าวพ้นจากเหตุการณ์ไม่น่าพึงพอใจในวันนั้นอย่างสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่ในคืนส่งท้ายปีเก่านางไม่มีอะไรทำ จึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูกสาวของตน
เมื่อเห็นเซี่ยไห่เดินเข้าออกพลางฮัมเพลง คุณแม่เซี่ยจึงบ่นกับเขาว่า “ไม่รู้ว่าพี่สาวแกที่อยู่บ้านเย่ไป๋จะร้อนรนคิดถึงพวกเราในช่วงปีใหม่หรือเปล่า”
เซี่ยไห่ติดรูปเทพทวารบาลบนประตูพลางกล่าวว่า “แม่ครับ หล่อนแต่งงานไปนานแล้ว ตอนนี้เป็นคนของตระกูลเย่แล้ว ปกติยังไม่คิดถึงแม่เลย วันนี้หล่อนจะมาคิดถึงแม่ทำไมล่ะ? คงกำลังมีความสุขกับการฉลองปีใหม่อยู่ที่นั่นแน่ๆ”
“ไปให้พ้น นั่นเป็นความคิดของแก พี่สาวแกไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก แต่ก่อนหล่อนทำงานนอกบ้าน ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ในคืนส่งท้ายปีเก่าหล่อนก็ต้องรีบกลับบ้านเสมอ”
เซี่ยไห่ทากาวบนประตูอย่างมืออาชีพ จากนั้นก็ติดรูปเทพทวารบาลอย่างระมัดระวัง พลางโต้เถียงกับแม่ของตนว่า “แม่ก็บอกเองว่านั่นเป็นเรื่องงาน ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว มีครอบครัวของตัวเอง ที่นี่เป็นบ้านเกิด ถึงเขาจะคิดถึงบ้านบ้างก็กลับมาไม่ได้ ประเพณีใดที่ควรปฏิบัติก็ต้องรักษาไว้”
เซี่ยเหลยได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย และเริ่มโน้มน้าวความคิดหญิงชรา “แม่ครับ เสี่ยวไห่พูดถูกแล้ว ตระกูลเย่ก็เป็นครอบครัวที่มีทั้งคนแก่และเด็ก ถึงเสี่ยวอวี่จะคิดถึงบ้าน ก็คงไม่เอาแต่ใจตัวเองจนกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดหรอก แม่อย่าเศร้าเลย อีกสองวันพวกเขาก็มาแล้ว”
คุณแม่เซี่ยได้ยินคำปลอบใจจากลูกชายทั้งสอง จึงไม่คิดถึงเซี่ยอวี่อีก
“แกถามเจียเหอหรือยังว่าปีนี้เอ้อร์เลิ่งจะฉลองปีใหม่ที่ไหน? คุณปู่เย่คงกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเย่ไป๋แน่ๆ ฮึ เด็กคนนั้นก็คงอยู่คนเดียวในร้านยาอย่างโดดเดี่ยว ให้เขามาฉลองปีใหม่ที่บ้านเราอย่างคึกคักเหมือนปีที่แล้วสิ”
นางนึกถึงเอ้อร์เลิ่งอีกครั้ง
เซี่ยเหลยรู้ดีว่าคุณแม่ของเขาช่างใจดีเพียงใด นางทนไม่ได้ที่จะเห็นคนหนุ่มสาวต้องลำบาก เขาจึงตอบรับอย่างร่วมมือว่า “ได้ครับ ผมจะลองถามดู”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อะไรเศร้าๆ ก็เอาไว้ในปีเก่านะคะ มีความสุขรอรับปีใหม่ดีกว่า
ไหหม่า(海馬)