ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 896 แขกไม่ได้รับเชิญที่หน้าประตูบ้านในคืนส่งท้ายปีเก่า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 896 แขกไม่ได้รับเชิญที่หน้าประตูบ้านในคืนส่งท้ายปีเก่า
ตอนที่ 896 แขกไม่ได้รับเชิญที่หน้าประตูบ้านในคืนส่งท้ายปีเก่า
………………..
ตอนที่ 896 แขกไม่ได้รับเชิญที่หน้าประตูบ้านในคืนส่งท้ายปีเก่า
เซี่ยเหลยโทรหาเฉินเจียเหอตามคำขอของคุณแม่เซี่ยเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเอ้อร์เลิ่ง
เฉินเจียเหอบอกว่าเอ้อร์เลิ่งกลับบ้านเกิดไปฉลองปีใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อน
ตอนนี้เขาหายดีแล้วอย่างสมบูรณ์ สติสัมปชัญญะทุกด้านชัดเจนแจ่มใส สามารถนั่งรถไฟได้เองโดยไม่ต้องมีคนไปด้วย
เขาเดินทางไปคนเดียว และจะกลับมาทำงานหลังผ่านปีใหม่
เนื่องจากคลินิกเพิ่งปิดเมื่อวันก่อน เอ้อร์เลิ่งจึงไม่ได้บอกลาทุกคนก่อนรีบไปขึ้นรถไฟ
เมื่อได้ยินข่าวแบบนี้ คุณแม่เซี่ยและคนอื่นๆ ก็รู้สึกปลาบปลื้มและดีใจให้กับเอ้อร์เลิ่ง
ในที่สุดเซี่ยไห่ก็เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแม่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอาละ แม่เฒ่า แม่ก็เห็นแล้วนี่ว่าทุกคนที่แม่เป็นห่วงตอนนี้สบายดีกันหมด ไม่มีใครต้องนอนข้างถนนในคืนส่งท้ายปีเก่า แม่จงฉลองปีใหม่อย่างสบายใจเถอะ อย่าเศร้าหมองไปเลย”
คุณแม่เซี่ยยิ้มแย้มแจ่มใส
“ได้ พวกเราทั้งครอบครัวจะฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข เดี๋ยวมาทำเกี๊ยวด้วยกัน”
พอเห็นลินดากำลังล้างปลาอยู่ในลานบ้าน สายตานางพลันทอแววสงสารจนเห็นได้ชัด
“ลินดา เธอนั่งพักสักหน่อยเถอะ ให้เสี่ยวไห่ไปทำแทนดีกว่า”
“คุณน้า ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้ อยู่ว่างๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไร”
หลิวกุ้ยอิงยุ่งอยู่ในครัวตั้งแต่เช้า พอถึงเที่ยงก็ทอดแป้งทอดและลูกชิ้นเสร็จแล้ว
ตอนเที่ยงทุกคนกินข้าวกันแบบง่ายๆ แล้วก็เริ่มเตรียมอาหารมื้อค่ำวันส่งท้ายปีเก่า
ชุนฟางและหลินเยี่ยนก็ช่วยกันทำงาน ปีนี้มีลินดาเพิ่มมาด้วย แม้หล่อนจะไม่เก่งเรื่องทำอาหารอร่อย แต่ก็ทำงานล้างจานขัดถูได้สบาย
ในครัวมีผู้หญิงหลายคนช่วยงานกัน ปีนี้เซี่ยเหลยจึงได้ปล่อยตัวเองพักผ่อน
หลิวกุ้ยอิงที่กำลังทำงานอยู่ครึ่งๆ กลางๆ เดินออกมาจากครัวแล้วตะโกนเรียกเซี่ยเหลย “เหล่าเซี่ย เมื่อวานตอนออกไปซื้อของ คุณลืมซื้อฮวาเจียวมาหรือเปล่าคะ? ส่วนซีอิ๊วก็เหลือแค่ครึ่งขวด ฉันกลัวว่าอีกสองวันจะไม่พอ คุณไปซื้อฮวาเจียวกับซีอิ๊วมาหน่อยสิ แล้วก็ซื้อช็อกโกแลตให้เด็กๆ ด้วย ฉันเห็นในทีวีเขาบอกว่าตอนนี้กำลังฮิตกัน ของที่เราซื้อมามีแต่ลูกอมรสผลไม้”
“ได้ ผมจะไปซื้อ” เซี่ยเหลยจะขี่จักรยานไป แต่เซี่ยไห่ที่ไม่มีอะไรทำบอกว่าเขาจะขับรถให้ เพราะเขาเองก็อยากซื้อของเพิ่มอีกนิดหน่อย
บรรยากาศของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าเข้มข้นทุกขณะ
แต่ร้านขายของชำในละแวกนั้นปิดหมดแล้ว เซี่ยไห่จึงต้องขับรถไปยังย่านที่คึกคักหน่อยจึงจะซื้อของที่ต้องการได้
บนถนนใหญ่แทบไม่มีคนแล้ว เพียงแต่ได้ยินเสียงประทัดเป็นครั้งคราว
ริมถนนยังมีคนเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่
เมื่อเซี่ยไห่ขับรถพาเซี่ยเหลยกลับมาถึงหน้าประตูบ้าน ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว เซี่ยไห่ จอดรถเรียบร้อยแล้วลงมาหยิบของ
ตอนที่เซี่ยเหลยลงจากรถ เขาเห็นคนๆ หนึ่งกำลังเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าประตู
แรกๆ คิดว่าตาฝาดไป แต่พอเดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าว เขาก็เพ่งมองและเห็นชัดเจนว่าเป็นเงาร่างของคนจริงๆ
เซี่ยเหลยจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใคร
ในขณะเดียวกัน เซี่ยไห่ที่ปิดประตูรถเรียบร้อยแล้วถือของเดินมาก็เห็นเงาร่างนั้นเช่นกัน
เซี่ยไห่โมโหทันที “แกเป็นบ้าหรือไง จะวันปีใหม่แล้วแท้ๆ มาเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านฉันทำไม? แกหมายความว่ายังไง? กะไม่ให้คนอื่นฉลองปีใหม่อย่างสงบสุขใช่ไหม?”
เขาวางของในมือลง กำมือแน่นพร้อมจะต่อยคน
คราวนี้เซี่ยปิงฉลาดขึ้น ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ให้โดนต่อย พลันเคลื่อนไหวหลบไปอยู่ด้านหลังเซี่ยเหลย
เซี่ยเหลยหันหลังมามองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าบึ้งตึง พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอถามหน่อยว่าคุณมาที่นี่ด้วยธุระอะไร? ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ขอให้คุณรีบกลับไปเถอะ อย่ามารบกวนครอบครัวของพวกเรา”
เซี่ยปิงมองเขา พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ แถมยังดูน่าสงสารนิดๆ “พี่ใหญ่ ผมตั้งใจว่าจะกลับบ่ายนี้ แต่ไม่ทันรถ ครั้นจะพักโรงแรมก็เงียบเหงา แม้แต่อาหารร้อนๆ สักมื้อก็ไม่ได้กิน ผมลังเลอยู่นาน ต่อสู้กับความคิดตัวเองมาพักใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจมาที่นี่ อยากขอร่วมโต๊ะอาหารคืนส่งท้ายปีเก่าด้วย”
เซี่ยไห่ยิ่งโมโหมากขึ้น “ขอร่วมโต๊ะอาหารคืนส่งท้ายปีเก่างั้นเหรอ? นายหน้าด้านเกินไปแล้ว พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง นายไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเราหรือ? มาขอร่วมโต๊ะที่บ้านฉันในคืนส่งท้ายปีเก่า คิดว่ามันเหมาะสมหรือ? ถ้าไม่ใช่จงใจทำให้คนอื่นรำคาญแล้วจะเป็นอะไร?”
เซี่ยปิงสบตากับดวงตาที่ลุกโชนด้วยความโกรธของเซี่ยไห่ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ผมรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของพวกเรา ดังนั้นผมถึงได้มาขอร่วมโต๊ะที่นี่”
เซี่ยไห่ “……..”
เขาแทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโมโหกับคำพูดของชายคนนี้
“ไม่ แกไม่รู้จักอายหรือไง? คิดว่าตัวเองเป็นพี่น้องของพวกเราจริงๆ หรือ?”
นี่มันตั้งใจมาทำให้คนอื่นรำคาญชัดๆ
เซี่ยปิงไม่ได้สนใจเซี่ยไห่ แต่หันไปมองเซี่ยเหลย
“พี่ใหญ่ ผมขอเข้าไปด้วยได้ไหม?”
เซี่ยปิงมองเซี่ยเหลยด้วยสายตาคาดหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยแวววิงวอน
เซี่ยเหลยหน้าบึ้งตึง นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
แน่นอนว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะให้เซี่ยปิงจะเข้าไปบ้านพวกเขาในเวลานี้ และไม่ว่าเมื่อไรเขาก็ไม่ต้อนรับคนคนนี้
สองสามวันนี้ทุกคนเพิ่งจะค่อยๆ ผ่อนคลายอารมณ์จากเรื่องไม่สบายใจ และกำลังมีความสุขกับการฉลองปีใหม่ ถ้าเซี่ยปิงเข้าไปอย่างกะทันหัน ลองคิดดูว่าบรรยากาศในบ้านจะเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะแม่ผู้ชราของเขาที่อายุมากแล้ว นางคงทนรับความตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ไหว
“ขอโทษนะ วันนี้ไม่สะดวกให้คุณเข้าไปหรอก” เซี่ยเหลยมองชายร่างสูงใหญ่ที่มีบุคลิกสง่างามและมีหน้าตาคล้ายเซี่ยไห่อยู่บ้าง พูดเสียงทุ้มว่า “คุณควรเข้าใจสถานะของตัวเอง เชิญตามสบายเถอะ”
เมื่อเซี่ยเหลยพูดจบ สีหน้าของเซี่ยไห่ยิ่งดูดุร้ายขึ้น เขาหยิบของจากในรถและเตรียมจะเข้าประตูใหญ่ พร้อมกับจ้องเซี่ยปิงอย่างข่มขู่ว่า “หัดทำตัวฉลาดหน่อยนะ อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง”
หลินจินซานได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างนอกลานบ้าน รู้ว่าเซี่ยไห่และคนอื่นๆ กลับมาแล้ว เขาจึงรีบเดินออกไปอย่างตื่นเต้น
“ลุงเซี่ย อารอง พวกคุณกลับมาแล้วเหรอ? เข้าบ้านเร็วเข้า อาหารวางบนโต๊ะหมดแล้ว รอแค่พวกคุณสองคนกลับมากินเท่านั้นแหละ”
หลินจินซานพูดไปได้ไม่กี่คำก็เห็นชายที่ยืนอยู่หลังเซี่ยเหลยอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เขาสะดุ้งพลางมองไปรอบๆ ลานบ้านอย่างระแวดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนอื่นออกมา จึงถอนหายใจโล่งอก
เซี่ยไห่สั่งเขาว่า “จินซาน ปิดประตูซะ”
“ครับ” พอพวกเขาเข้ามาในลานบ้านแล้ว หลินจินซานก็รีบปิดประตู ทำให้เซี่ยปิงที่ยืนอยู่หน้าประตูโดนปิดประตูใส่หน้าไปอย่างจัง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนหนึ่งก็ไม่มีที่ไป ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังแค้นใจไม่หาย ความสัมพันธ์คาราคาซังนี้จะจบยังไงหนอ
ไหหม่า(海馬)
………………..