ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 897 เราเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด
ตอนที่ 897 เราเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด
เซี่ยเหลยและเซี่ยไห่ที่แต่เดิมอารมณ์ดีต่างได้รับผลกระทบทางอารมณ์ไปบ้างเพราะเซี่ยปิงที่ไม่ยอมไปไหน
คุณแม่เซี่ยเห็นพวกเขากลับมา จึงถามว่า “ทำไมพวกแกสองคนถึงได้อืดอาดนานขนาดนี้? ฟ้ามืดแล้วนะ”
เซี่ยไห่ตอบว่า “แม่ครับ ร้านค้าแถวนี้ปิดหมดแล้ว พวกเราต้องขับรถไปไกลมากกว่าจะหาร้านที่เปิดได้”
“ก็จริงนะ คืนส่งท้ายปีเก่าใครๆ ก็กลับบ้านไปฉลองปีใหม่กันหมด ใครจะมาเปิดร้านค้าขายล่ะ?” คุณแม่เซี่ยพูดพลางเรียกพวกเขา “ทุกคนมานั่งกันเร็ว อีกเดี๋ยวรายการฉลองปีใหม่จะเริ่มแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนแล้วค่อยดูทีวี”
หลินเยี่ยนพูดแทรกอย่างตื่นเต้น “คุณย่า เดี๋ยวพวกเราจะไปจุดประทัดด้วยนะคะ”
“ใช่ จุดประทัด พวกเรากินกันก่อน กินสองคำแล้วไปจุดที่หน้าประตูใหญ่กัน ปีนี้ฉันก็ตั้งใจว่าจะไปร่วมสนุกจุดประทัดกับพวกเธอด้วย”
คำพูดของคุณแม่เซี่ยทำให้พี่น้องเซี่ยเหลยและเซี่ยไห่แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าคนคนนั้นไปแล้วหรือยัง?
เกิดเขายังยืนอยู่ที่หน้าประตู หญิงชราออกไปแล้วจะไม่เจอกันพอดีหรือ?
“แม่ครับ จะไปร่วมสนุกอะไรล่ะ? ข้างนอกหนาวขนาดนี้ ทำไมไม่อยู่บ้านดูทีวีดีๆ อายุปูนนี้แล้วจะออกไปจุดประทัดทำไม” เซี่ยไห่พูดกับหลินเยี่ยนและคนอื่นๆ “จุดประทัดในลานบ้านก็พอ อย่าออกไปข้างนอกเลย ข้างนอกหนาวมาก เมื่อกี้เหมือนจะมีหิมะตกด้วย แถมตอนนี้ยังมืดขนาดนั้น แม่ออกไปก็คงล้มเปล่าๆ ทุกคนอยู่ในบ้านดูทีวีกันดีกว่า”
หลินจินซานเห็นด้วยและกล่าวว่า “ใช่ๆๆ ข้างนอกกำลังจะมีหิมะตก คืนนี้พวกเราไม่ต้องจุดประทัด มาตั้งใจดูรายการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กันดีกว่า ไม่งั้นจะพลาดช็อตสำคัญนะครับ”
คุณแม่เซี่ยมองเซี่ยไห่กับหลินจินซานที่พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างสงสัย แล้วเอ่ยปากด้วยความไม่แน่ใจว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะไม่จุดประทัดในคืนส่งท้ายปีเก่านะ ปีนี้พวกเธอเป็นอะไรไป? ถ้าไม่จุดประทัดมันจะเงียบเหงาแย่ ซื้อประทัดมาตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่จุดแล้วจะเอาไว้ทำอะไร?”
หลินจินซานหัวเราะเบาๆ แล้วอธิบายอย่างจริงจังว่า “คุณย่า พวกเรากลัวว่าข้างนอกจะหนาวไงครับ? อยู่ในบ้านอุ่นสบายแบบนี้ก็ไม่อยากขยับตัวแล้ว อีกเดี๋ยวรายการก็จะเริ่มแล้ว ถ้าพลาดรายการเฉลิมฉลองคงน่าเสียดาย การจุดประทัดเป็นกิจกรรมของเด็กๆ พวกเราโตแล้วก็ไม่ค่อยสนใจพวกนี้แล้วครับ”
คุณแม่เซี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“แต่วันที่เธอซื้อมาเธอไม่ได้พูดแบบนี้นะ”
หลิวกุ้ยอิงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ คิดว่าหลินจินซานขี้เกียจออกไปข้างนอก หล่อนจึงพูดว่า “ถ้าลูกไม่จุด ก็ให้เสี่ยวเยี่ยนไปจุดสิ”
เซี่ยเหลยพูดแทรกขึ้นมาว่า “กินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
เมื่อกินไปได้สักพัก คุณแม่เซี่ยก็บอกให้ทุกคนรีบไปจุดประทัด อีกยี่สิบนาทีรายการเฉลิมฉลองจะเริ่มแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับเข้ามากินต่อและดูรายการไปเรื่อยๆ
เซี่ยไห่ขยิบตาให้หลินจินซาน บอกให้เขาออกไปข้างนอก
หลินจินซานเข้าใจแล้วจึงไปเปิดประตูใหญ่ และโผล่หัวออกไปสำรวจสถานการณ์
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ แม้เวลาจะผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เซี่ยปิงก็ยังไม่ไป ยังคงยืนอยู่หน้าประตูใหญ่
ข้างนอกเริ่มมีหิมะตกเบาๆ บนพื้นก็มีชั้นหิมะบางๆ เคลือบอยู่
หลินจินซานเห็นชายคนนั้นยังยืนนิ่งปล่อยให้หิมะตกใส่ศีรษะ เขาจึงเอ่ยปากอย่างไม่พอใจ
“คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่? ช่วงปีใหม่แบบนี้ คุณคงไม่อยากทำลายความสุขของครอบครัวเราหรอกใช่ไหม?”
เซี่ยปิงยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าสงบนิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ขอโทษด้วย ผมไม่มีบ้านให้กลับ จึงต้องมาขอพึ่งพาพี่น้องสองคนของผม”
หลินจินซานมองเขาอย่างรังเกียจ แล้วพูดด้วยความอดทน “พวกเขาไม่ได้คิดว่าคุณเป็นพี่น้องเลยนะ ดูบุคลิกของคุณแล้วคงเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง ทำไมต้องมาทำให้ตัวเองอับอายแบบนี้ด้วย”
คุณแม่เซี่ยเดินออกมาจากห้องโถงแล้ว เห็นประตูใหญ่เปิดอยู่ และได้ยินเสียงคุยกันจากข้างนอก นางจึงตะโกนเรียกหลินจินซาน
“จินซาน หลานคุยกับใครน่ะ? เอาประทัดออกไปหรือยัง?”
พูดจบก็ทำท่าจะปิดประตูใหญ่
“คุณป้าครับ นี่ผมเอง เซี่ยปิง” หลินจินซานยังไม่ทันปิดประตูใหญ่ เซี่ยปิงก็ตะโกนเข้ามาในลานบ้าน
คุณแม่เซี่ยยังหูตาดี อีกทั้งเสียงของเซี่ยปิงก็ดังชัดเจน นางได้ยินแล้วจึงรู้ว่าเป็นเสียงของใคร
เซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่ได้ยินเสียงที่ประตู สีหน้าของพี่น้องทั้งสองเปลี่ยนไปทันที รีบไปพยุงแม่ผู้ชรา
เซี่ยเหลยพูดว่า “แม่ครับ อย่าออกไปเลย พวกเราจะไปจัดการเอง”
“แม่จะไปดูหน่อย”
คุณแม่เซี่ยเดินไปที่ประตู ก็เห็นเซี่ยปิงยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น บนเส้นผมของเขามีหิมะบางๆ เกาะอยู่
ตอนนี้คุณแม่เซี่ยเห็นเซี่ยปิงอีกครั้งก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนครั้งที่แล้ว นางมองเขาอย่างสงบและถามว่า “เธอมาทำไมอีกล่ะ?”
เซี่ยปิงสบตากับคุณแม่เซี่ย สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน้อยใจโดยไม่รู้ตัว “คุณป้าครับ ผมไม่มีที่ไป ผมเลยต้องแบกหน้ามารบกวนทุกคน”
เซี่ยไห่ตอบกลับอย่างโกรธเคือง “ไปให้พ้นเลย นายจะไม่มีที่ไปได้ยังไง? ไปพักโรงแรมข้างนอกไม่ได้เรอะ? ฉันว่านายตั้งใจมาทำให้พวกเราหงุดหงิดชัดๆ วันปีใหม่ทั้งทียังไม่ให้คนอื่นได้สงบสุขนี่มันหมายความว่าไง? พวกเราติดหนี้นายเหรอ? ตั้งใจมาแก้แค้นพวกเราใช่ไหม?”
เซี่ยปิงไม่ได้โกรธกับเสียงตะโกนของเซี่ยไห่เลย เขามีอารมณ์มั่นคงผิดปกติ มองเซี่ยไห่และอธิบายอย่างจริงใจว่า “เสี่ยวไห่ อย่าเพิ่งโมโหไปเลย ผมไม่มีที่ไปจริงๆ ช่วงปีใหม่อยู่คนเดียวในโรงแรมก็เหงาเกินไป เลยอยากมาร่วมสนุกและกินอาหารร้อนๆ สักมื้อ”
เขามีสีหน้าจริงใจ น้ำเสียงจริงจัง มองคุณแม่เซี่ยและคนอื่นๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย
“คุณป้าครับ ผมอยู่คนเดียวในคืนส่งท้ายปีเก่ามายี่สิบปีแล้ว มันเหงามากเลยครับ”
แม้น้ำเสียงของเขาจะดูเรียบนิ่ง แต่ประโยคสั้นๆ นี้กลับบรรจุความทุกข์ยากมากมาย
คุณแม่เซี่ยอายุมากและมีความเมตตาสงสารคนรุ่นหลังอยู่แล้ว แม้ว่าเซี่ยปิงจะมีสถานะพิเศษ แต่คำพูดของเขาก็สัมผัสใจผู้สูงอายุได้
เซี่ยไห่พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“แกอยู่คนเดียวมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา? ไม่ใช่พวกเราทำให้เป็นแบบนี้นี่ ถ้าแกรู้จักกาลเทศะก็รีบไปซะ ช่วงปีใหม่แบบนี้อย่าให้ฉันต้องลงมือเลย”
เขาจ้องมองเซี่ยปิงอย่างดุร้าย ดวงตาคมกริบจ้องเขาอย่างเตือน บังคับให้เขาจากไป
อย่างไรก็ตาม คุณแม่เซี่ยกลับเอ่ยปากว่า
“พอแล้ว เข้ามาสิ”
พูดจบ หญิงชราก็หมุนตัวเดินเข้าไปในประตูใหญ่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องนี้ขึ้นกับแม่เซี่ยแล้วแหละ ถ้าแม่เซี่ยปลงแล้วก็ถึงจะได้รับการต้อนรับ
ไหหม่า(海馬)
………………..