ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 898 ฉันอยากมีครอบครัว
ตอนที่ 898 ฉันอยากมีครอบครัว
“แม่ ทำไมถึงให้เขาเข้าล่ะ?” เซี่ยไห่โกรธมากกับการตัดสินใจของคุณแม่เซี่ย “แม่ เขาเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเรา? แม่ไม่รู้หรอกหรือ? ให้เขาเข้ามาในคืนส่งท้ายปีแบบนี้ มันไม่ใช่การรบกวนคนอื่นหรือ? ผมว่าเขาไม่ได้มีเจตนาดีหรอก แค่ตั้งใจมาทำให้พวกเราไม่สบายใจเท่านั้นแหละ แม่เฒ่า คุณนี่ไม่มีการแยกแยะเลยจริงๆ ถึงกับหลงเชื่อคนง่ายๆ”
คุณแม่เซี่ยไม่สนใจคำกล่าวหาของเซี่ยไห่ เดินตรงเข้าไปในบ้าน หลินเยี่ยนและชุนฟางรีบเข้าไปประคองนาง
เซี่ยปิงก็เดินตามเข้ามาด้วย
เขามองเซี่ยเหลยและเซี่ยไห่ด้วยสีหน้าจริงใจเหมือนเดิม “ผมไม่มีเจตนาอื่นใด แค่อยากกินข้าวร่วมกับทุกคน ไม่อยากอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวในคืนส่งท้ายปีเท่านั้น ง่ายๆ แค่นี้เอง”
เซี่ยไห่เอ่ยเสียงดุ “นายไม่อยากอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว แต่นายเคยคิดถึงความรู้สึกของพวกเราบ้างไหม? พวกเราไม่อยากเจอหน้านาย นายไม่รู้หรือไง?”
“ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบผม แต่พวกเราเป็นพี่น้องกัน นี่เป็นความจริงที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้”
เซี่ยปิงพูดคำว่า “พี่น้อง” อย่างหนักแน่น
เซี่ยเหลยมีสีหน้าเคร่งเครียด แต่เมื่อแม่ผู้ชราเป็นคนสั่งให้เซี่ยปิงเข้ามา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
อารมณ์ความรู้สึกพลันซับซ้อนขึ้นมา
การเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันจริงๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับเซี่ยไห่ตรงที่ไม่อยากยอมรับคนที่เรียกว่าพี่น้องคนนี้
คุณแม่เซี่ยมองทุกคนที่มีสีหน้าแตกต่างกัน แล้วเอ่ยปากว่า “มาสิ เข้ามากันเถอะ”
“เสี่ยวเหยียน ไปเพิ่มชามตะเกียบอีกชุดหนึ่ง” คุณแม่เซี่ยเรียกเซี่ยไห่และคนอื่นๆ ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “นั่งลงกินข้าวกันเถอะ”
แม้เซี่ยไห่จะด่าเซี่ยปิงอยู่ตลอด แต่เซี่ยปิงก็เหมือนยิ่งยุแหย่ โดยการนั่งลงข้างๆ เซี่ยไห่
เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืน มองทุกคนที่โต๊ะอาหารแล้วเอ่ยปากอย่างรู้สึกผิด
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมรู้ว่าการมาในวันนี้เป็นการมาอย่างกะทันหัน ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย ในวันพิเศษเช่นนี้ ผมอยากมีส่วนร่วมในมื้ออาหารค่ำคืนส่งท้ายปีที่อบอุ่นจริงๆ”
คนอื่นๆ ไม่พูดอะไร ขณะคุณแม่เซี่ยยังคงมีสีหน้าปกติ พูดเรียบๆ ว่า
“ไม่ต้องพูดอะไรมาก กินเถอะ”
ชุนฟางถามหลินจินซานว่า “รายการฉลองเทศกาลปีใหม่กำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ กำลังจะเริ่มแล้ว”
แม้ทุกคนจะกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ แต่บรรยากาศช่างดูอึดอัดอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะเซี่ยไห่ที่แต่เดิมกำลังมีความสุขกับการฉลองปีใหม่ ตอนนี้เขากลับทำหน้าบึ้งตึง อาหารจานเด็ดตรงหน้าก็ดูไม่น่ากินอีกต่อไป มีหลายครั้งที่เขาอยากจะไล่คนออกไป แต่ก็ถูกลินดาห้ามเอาไว้
เขาไม่มีอารมณ์จะดูรายการอะไรทั้งนั้น ทำเพียงแค่รินเหล้าให้ตัวเองกับพี่ใหญ่ แล้วก็ดื่มไปเรื่อยๆ
เซี่ยปิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
เขารับประทานอาหารพลางชูนิ้วโป้งขึ้นบ่อยๆ ชมไปสารพัด บอกว่านี่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกินมาหลายปีแล้ว
หลิวกุ้ยอิงยิ้มอย่างเขินอาย ก้มหน้าก้มตากินข้าว
หลังจากรายการฉลองเทศกาลปีใหม่เริ่มขึ้น ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงดูดไปที่รายการทั้งหมด
ทุกคนในครอบครัวจ้องมองโทรทัศน์อย่างตั้งตารอชมการแสดงอันยอดเยี่ยม
“ถ้าคุณดื่มเหล้าไม่ได้ เราใช้น้ำแทนก็ได้ครับ”
เซี่ยปิงลุกขึ้นยืน ถือแก้วด้วยสองมือ มองคุณแม่เซี่ยด้วยสีหน้าจริงใจ “หลายปีมานี้คุณต้องลำบากยากเข็ญ ผมรู้สึกเสียใจมาก ผมจึงมาเพื่อกล่าวคำขอโทษแทนแม่ผู้ล่วงลับของผมต่อคุณ”
คุณแม่เซี่ยไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ จึงไม่พูดอะไร แค่รับแก้วมา
“พี่ใหญ่ ผมขอดื่มอวยพรคุณสักแก้วเช่นกัน” เซี่ยปิงถือแก้วเหล้าเช่นเดียวกัน มองเซี่ยเหลยด้วยสายตาเคารพยกย่องอย่างยิ่ง “คุณไม่ใช่แค่พี่ใหญ่ของผม แต่ยังเป็นวีรบุรุษในใจผมด้วย ตั้งแต่ผมรู้เรื่องราวของคุณ ใจผมก็เต็มไปด้วยความเคารพต่อคุณ”
“ผมขอดื่มอวยพรคุณ”
เมื่อคุณแม่เซี่ยรับไปแล้ว เซี่ยเหลยก็ไม่พูดอะไรมาก แค่รับแก้วมาและดื่มรวดเดียวจนหมด
หลังผ่านวัย 40 ปี คนเราก็สามารถปล่อยวางเรื่องราวและผู้คนมากมายได้
เขาจะไม่ยอมรับน้องชายคนนี้ แต่ก็จะไม่ปฏิบัติเหมือนศัตรู
ที่แม่ชราให้เขาเข้ามาร่วมอาหารมื้อนี้ บางทีอาจเพราะนึกถึงพวกเขาในอดีต
ถึงตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกสงสารอีกฝ่าย
“เซี่ยไห่ ผมขอดื่มอวยพรคุณสักแก้ว”
เซี่ยไห่แสดงท่าทางเด็ดเดี่ยว ตอบเสียงห้วน “ฉันไม่ดื่ม”
เซี่ยปิงมีสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงแฝงความเอ็นดู “คุณดื่มเถอะ ดูสิ คุณป้าและพี่ใหญ่ก็ดื่มกันแล้ว อย่าทำให้ผมเสียหน้าสิ”
“คนอย่างนายยังมีหน้าให้เสียอีกหรือ? วันนี้นายกล้ามากินข้าวที่บ้านฉัน หน้าหนากว่ากำแพงเมืองจีนอีก ยังจะมีหน้าอะไร?”
เซี่ยไห่ไม่รับแก้วเหล้าที่เขายื่นมา
ในที่สุดเซี่ยปิงก็ไม่บังคับ นั่งลงบนเก้าอี้
เซี่ยไห่ไม่สนใจเขา เขาจึงได้แต่บ่นกับคุณแม่เซี่ย คุยเรื่อยเปื่อย
“คุณป้าครับ หลายปีมานี้ผมก็ลำบากมาก ตั้งแต่เด็กไม่เคยได้รับความรักจากแม่ ไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อ อยู่คนเดียวข้างนอกยังพอไหว แต่พอถึงช่วงปีใหม่เห็นครอบครัวอื่นได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาฉลองปีใหม่ ผมก็รู้สึกหดหู่มาก”
“ผมรู้มาตลอดว่าตัวเองมีพี่ชายพี่สาวและน้องชาย แต่ไม่รู้ว่าพวกคุณอยู่ที่ไหน พอคุณพ่อบอกว่าสืบข่าวของพวกคุณได้แล้ว และหวังให้ผมช่วยตามหาพวกคุณแทนเขา จริงๆ แล้วผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบพวกคุณมากกว่าเขาเสียอีก”
เซี่ยปิงมองเซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“แม้ผมจะมาตามหาพวกคุณในนามของคุณพ่อ แต่นี่ก็เป็นความตั้งใจของผมเองด้วย ไม่สำคัญหรอกว่าพวกคุณจะยอมรับเขาหรือไม่ แต่ผมหวังว่าพวกพี่ใหญ่จะยอมรับผมเป็นน้องชาย”
เซี่ยไห่ “???”
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมาแบบผิดคาดล่ะ?
ไม่สนใจว่าพวกเขาจะยอมรับตาแก่นั่นหรือไม่ แต่กลับให้ยอมรับเขาเนี่ยนะ?
“ผมพูดจากใจจริง ตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มตามหาคุณ ผมไม่ได้หวังอะไรเลยที่จะให้พวกคุณไปเยี่ยมคุณพ่อ ถ้าพวกคุณจะไปเยี่ยมพวกเขาเพราะมรดกอันน้อยนิดนั่น ผมกลับจะรู้สึกผิดหวังกว่าเสียอีก”
เซี่ยปิงเห็นว่าสีหน้าของเซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่ดูไม่ได้ย่ำแย่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงพูดต่อด้วยความจริงใจ “ในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ พวกเราในฐานะรุ่นหลังล้วนเป็นผู้เสียหายทั้งสิ้น สถานะของแม่ผมไม่อาจเปิดเผยได้ สถานะของผมเองก็พูดได้ว่าไม่อาจเปิดเผยได้เช่นกัน แต่คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ ถ้าเลือกได้ผมจะเลือกให้พวกเขาเป็นพ่อแม่ของผมได้ยังไง? ผมขอเป็นลูกของป้าใหญ่ยังดีกว่าที่จะเลือกพวกเขา”
“แม่ของผมได้ชดใช้กับการกระทำผิดของหล่อนในอดีตแล้ว ถ้าไม่ได้เข้าไปพัวพันกับความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดนี้ หล่อนคงไม่ตายอย่างกะทันหันตั้งแต่อายุยังน้อย หล่อนจากไปกว่า 20 ปีแล้ว ทุกอย่างขอให้ผ่านไปตามกาลเวลาเถอะ ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่วิพากษ์วิจารณ์หล่อนอีก ขอให้เรายึดติดอยู่กับปัจจุบันกันเถอะครับ”
เซี่ยปิงเอ่ยคำพูดมากมาย โดยสรุปแล้วยังคงหวังว่าคุณแม่เซี่ยจะให้อภัยมารดาผู้ล่วงลับของเขา
และหวังว่าเซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่จะยอมรับเขาในฐานะพี่น้อง
คุณแม่เซี่ยมองเซี่ยปิง พูดด้วยน้ำเสียงสงบและอ่อนโยน “เซี่ยปิง เธอจริงใจมาก ฉันมองเห็นเธอแล้วเหมือนมองเห็นอดีตของลูกชายทั้งสองคนของฉัน แต่พวกเราจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและรับเธอเป็นสมาชิกในครอบครัวได้อย่างไรกัน?”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว กินข้าวกันเถอะ หลังจากกินข้าวเสร็จก็อย่ามาอีก” คุณแม่เซี่ยพูดอย่างสงบ พลางตักอาหารให้เซี่ยปิง
เซี่ยปิงมองอาหารในชามเป็นเวลานาน ก่อนเค้นเสียงแหบแห้งออกมาคำหนึ่ง “ครับ”
คำพูดของคุณแม่เซี่ยทำให้น้ำเสียงของเซี่ยปิงฟังดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาก้มหน้า รินเหล้าอีกแก้วแล้วดื่มรวดเดียวหมด
จากนั้นก็เริ่มเชิญชวนเซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่ดื่ม
เซี่ยไห่แต่เดิมไม่ตั้งใจจะดื่ม แต่พอเห็นสายตาเศร้าสร้อยของเซี่ยปิง ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขาพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เหมือนที่แม่ของเขาพูดเมื่อสักครู่ การมองเห็นเขาก็เหมือนกับการมองเห็นตัวเองในอดีต
เป็นเพราะความคิดนี้ เขาจึงชนแก้วกับเซี่ยปิงอย่างไม่รู้ตัว
พูดตามตรงแล้ว เขาชื่นชมนิสัยตรงไปตรงมาของเซี่ยปิงมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์พิเศษระหว่างพวกเขา บางทีทุกคนอาจเป็นมิตรต่อกันได้จริงๆ
ตอนนี้ท่วงทำนองไพเราะได้ดังขึ้นจากโทรทัศน์
“ผมอยากมีครอบครัว”
เซี่ยปิงชายวัย 30 กว่าปี ตอนนี้ฟังเพลงนี้แล้วกึงกับน้ำตาคลอ
เนื้อเพลงนี้กระทบใจคนมาก ไม่เพียงแต่เซี่ยปิงฟังแล้วร้องไห้ หลิวกุ้ยอิงกับหลินจินซานฟังไปฟังมาก็เริ่มเช็ดน้ำตา
ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีเรื่องราวของตัวเอง
เนื้อเพลงเหล่านี้ได้เข้าไปในใจของพวกเขาอย่างลึกซึ้งในขณะนี้
สายตาของคุณแม่เซี่ยฉาบบนแววตาอันเศร้าสร้อยของเซี่ยปิง นางถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง
“เธอก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ยังไม่ได้แต่งงานหรือ?” คุณแม่เซี่ยอดสงสัยเรื่องส่วนตัวของเซี่ยปิงไม่ได้ ถ้าเขามีครอบครัวของตัวเอง แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงไร้บ้าน เขาดูเหมือนจะเป็นคนประสบความสำเร็จ ไม่น่าจะหาภรรยาไม่ได้
ถ้าไม่ได้แต่งงาน คุณแม่เซี่ยก็เดาว่าเขาอาจจะเหมือนกับเซี่ยไห่ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมตั้งแต่เด็ก จึงปฏิเสธเรื่องความรักหรือเปล่า?
ใช่แล้ว คนคนนี้แก่กว่าเขาตั้งสองปี แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานหรือ?
เซี่ยปิงหลุบตาลง สีหน้าเศร้าสร้อย “คุณป้าครับ ผมเคยแต่งงานมาก่อน น่าเสียดายที่ผมไม่รู้จักวิธีรักษาชีวิตคู่ เราเลยแยกทางกันเมื่อ 5 ปีก่อน”
“เฮ้อ”
คุณแม่เซี่ยอดถอนหายใจไม่ได้ ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะพ่อแม่ของพวกเขาทั้งนั้น
แม่ของเซี่ยปิงคิดว่าการใช้ลูกเป็นบันไดไต่เต้าจะทำให้ได้รับความสุข แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไรล่ะ?
สุดท้ายก็ทำร้ายทั้งคนอื่นและตัวเอง
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น่าสงสารทุกคนเลย เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของชายหญิงคู่หนึ่งแท้ๆ
ไหหม่า(海馬)