ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 899 ความสัมพันธ์ของเราสิ้นสุดลงแค่นี้
ตอนที่ 899 ความสัมพันธ์ของเราสิ้นสุดลงแค่นี้
หลังจากรับประทานอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าเสร็จ เซี่ยไห่ก็ยังคงยืนกรานที่จะส่งเซี่ยปิงกลับ
ถ้าพูดถึงสายเลือดแล้ว พวกเขาก็นับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ต้องยอมรับว่าเซี่ยปิงก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเหมือนกับพวกเขา
เขาบอกว่าเขาโหยหาความรักในครอบครัว โหยหาบรรยากาศอบอุ่นของครอบครัว
พวกเขาทุกคนล้วนเข้าใจ และถึงกับรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขา
อีกทั้งยังรู้สึกสงสารเขาด้วย เพราะพวกเขาเองก็เคยเจอพายุฝนเช่นกัน
ดังนั้นคืนนี้พวกเขาถึงได้ยอมทำข้อยกเว้นกางร่มให้เขา
แต่การให้เขาอยู่ต่อ หรือแม้แต่การยอมรับตัวตนของเขา นับว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
การปรากฏตัวของคนคนนี้คอยย้ำเตือนให้พวกเขานึกถึงการกระทำชั่วร้ายของชายแก่สารเลวคนนั้นอยู่ตลอดเวลา
พวกเขาไม่อยากหวนกลับไปมองอีกต่อไป
เซี่ยไห่ส่งเซี่ยปิงถึงหน้าประตู กำลังจะปิดประตู เซี่ยปิงก็เรียกเขาไว้
“เซี่ยไห่”
เซี่ยไห่ได้ยินเสียงแหบพร่าเล็กน้อยจากการดื่มเหล้า เขาชะงักไปครู่หนึ่ง หันกลับมามองเซี่ยปิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายกลับไปเถอะ นายเป็นคนดี ฉันเองก็เห็นใจนาย แต่ชะตาเราถูกลิขิตไว้ว่าไม่อาจเป็นมิตรกันได้ และยิ่งไม่มีทางเป็นพี่น้องกันได้”
เซี่ยไห่มองเขาแล้วพูดต่อ “บาดแผลบางอย่างต้องสมานด้วยตัวเองในยามค่ำคืน ความเจ็บปวดบางอย่างก็ต้องค่อยๆ พยายามเยียวยาเอง ไม่มีใครช่วยนายได้หรอก”
เซี่ยไห่พูดจบก็ปิดประตูทันที
เซี่ยปิงฟังคำพูดของเซี่ยไห่ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้างุนงงเป็นเวลาเนิ่นนาน จากนั้นก็ยิ้มขมขื่น หันหลังจากไปในความมืด
การมาครั้งนี้ของเซี่ยปิงไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคนในตระกูลเซี่ย
พวกเขาจากตอนแรกที่โกรธเกรี้ยว วุ่นวายไปหมด จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
ทุกคนต่างรู้สึกเศร้าใจ
ไม่มีใครคิดว่าหลังจากผ่านไปกว่า 30 ปี พวกเขาจะยังได้รับข่าวคราวของชายใจร้ายคนนั้น
พูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณเซี่ยปิงที่นำข่าวนี้มาบอก
เมื่อรู้ว่าคนเลวคนนั้นไม่มีชีวิตที่ดี พวกเขาก็รู้สึกสบายใจ
คุณแม่เซี่ยก็ถือโอกาสนี้พูดอย่างจริงจังกับหลินจินซานและเซี่ยไห่ ให้พวกเขาดูแลชีวิตคู่ให้ดี รับผิดชอบต่อครอบครัว และเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ
…
วันขึ้นปีใหม่ หู่จือและเสี่ยวหู่ได้รับอั่งเปาจำนวนมากตามคาด
แม้แต่เฉินเจียซิ่งก็ให้อั่งเปาซองใหญ่แก่หลานชายทั้งสองในปีนี้
นี่เป็นความคิดของหยางหงเสีย
เพราะทั้งคู่ต่างทำงานหาเงินที่ร้านของหลินเซี่ย
เฉินเจียซิ่งในตอนนี้มีรายได้สองทาง จำเป็นต้องใจกว้างหน่อยโดยการให้อั่งเปาใหญ่แก่พวกเด็กๆ
พี่น้องทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าใหม่สีสันสดใสรับปีใหม่ หู่จือคำนับสวัสดีปีใหม่ให้ทุกคนในครอบครัวตามลำดับและพูดคำอวยพรมงคล ผู้ใหญ่ทุกคนต่างมีความสุขมาก
แม้เสี่ยวหู่จะไม่เข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่เมื่อมีคนยัดเงินใส่มือ มือน้อยๆ ของเขาก็รับไว้อย่างมีความสุข
หู่จือสาธิตให้เขาดูด้วยตัวเอง โดยยัดเงินเข้าไปในกระปุกออมสิน เสี่ยวหู่เลียนแบบ มือน้อยๆ พยายามยัดเงินเข้าไปในกระปุกออมสิน
พอไม่มีเงินในมือก็ร้องไห้ ทุกคนจึงจำใจต้องให้เขาอีกครั้ง
เฉินเจียเหอเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบไปเอาธนบัตรราคาหนึ่งเหมาหลายใบมาให้เสี่ยวหู่
เฉินเจียซิ่งหยิบเหรียญห้าเฟินหลายเหรียญจะให้เสี่ยวหู่ยัดเข้ากระปุกออมสิน แต่ถูกเฉินเจียเหอห้ามไว้
เฉินเจียซิ่งรู้สึกเสียหน้าจากการกระทำของเฉินเจียเหอ เขาพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่คิดว่ามันน้อยเกินไปหรือ? ผมแค่ให้เด็กเล่นเท่านั้น ผมให้เงินอั่งเปาเขาแล้วนะ พี่จะบอกว่าผมขี้เหนียวไม่ได้”
“นายคิดมากไปแล้ว” เฉินเจียเหอ มองเขาด้วยสายตาเย็นชา พูดเสียงเรียบๆ “เวลาเขาหยิบเหรียญเข้าปากแล้วมันอันตราย”
เสี่ยวหู่หยิบอะไรได้ก็กินอย่างนั้น พอเป็นเหรียญก็ยิ่งง่ายที่จะลื่นเข้าปากจนติดคอ
ผู้เฒ่าเฉินได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองพี่น้อง มองดูเฉินเจียซิ่งที่ดูสะเพร่า แล้วพูดขึ้นอย่างเนิบนาบว่า “ดูสิ นี่แหละความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นพ่อกับคนที่ยังไม่ได้เป็นพ่อ”
คุณย่าเฉินพูดกับเฉินเจียซิ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเอ็นดูว่า “เจียซิ่ง เธอควรเรียนรู้ประสบการณ์การเลี้ยงลูกจากพี่ใหญ่ของเธอให้มาก ในวันข้างหน้าจะได้เลี้ยงลูกให้ดีๆ นะ”
“ครับคุณย่า ผมเข้าใจแล้ว”
เมื่อพูดถึงหัวข้อนี้ สายตาของคุณย่าเฉินและโจวลี่หรงก็มองไปที่ท้องของหยางหงเสียโดยไม่รู้ตัว
แต่งงานมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมท้องของหยางหงเสียถึงไม่มีความเคลื่อนไหวเลย?
ตามหลักก็ควรจะตั้งท้องได้แล้ว
คุณย่าเฉินและโจวลี่หรงสบตากันอย่างเข้าใจ ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ พวกหล่อนย่อมไม่พูดถึงเรื่องนี้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
แต่ในใจต่างคิดว่าหลังผ่านปีใหม่ไปแล้วควรจะพูดเรื่องนี้กับคู่สามีภรรยาคู่นี้
เรื่องการมีลูกควรจะถูกนำมาพิจารณาแล้ว
หู่จือได้รับซองอั่งเปาจำนวนมาก เขามีความสุขตลอดทั้งวัน เฉินเจียซิ่งพูดว่า “หู่จือ พรุ่งนี้ไปบ้านคุณตาของเธอ เธอจะได้รับมากกว่านี้อีกนะ ที่บ้านคุณตาของเธอมีแต่เถ้าแก่ใหญ่ทั้งนั้น”
เมื่อหู่จือได้ยินคำพูดของอารองของเขา ก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าสิ่งที่เขารอคอยไม่ใช่แค่อั่งเปาเท่านั้น
ยังมีความรักความเอ็นดูจากครอบครัวคุณตาที่มีต่อพวกเขา บรรยากาศอบอุ่นนั้นเป็นสิ่งที่เขาชอบที่สุด
วันที่สองของปีใหม่ เป็นวันที่ไปเยี่ยมบ้านฝ่ายแม่
แน่นอนว่าเป็นวันที่ลูกเขยไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านพ่อตาด้วย
เฉินเจียเหอและเฉินเจียซิ่งจึงต้องไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านพ่อตา
เฉินเจียวั่งเริ่มกังวลตั้งแต่คืนวันแรกของปีใหม่ว่า พรุ่งนี้เขาควรไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านเจียงอวี่เฟยหรือไม่
เขาและเจียงอวี่เฟยได้ตกลงสานสัมพันธ์กันแล้ว และได้พบกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่ยังไม่ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการ จึงยังเป็นเพียงแฟนกันเท่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่แน่ใจว่าควรไปอวยพรปีใหม่วันไหนดี หรือควรตั้งใจไปในวันที่สองของเทศกาลโดยเฉพาะ
อีกทั้งเขาก็ไม่กล้าโทรศัพท์ไปขอความเห็นจากเจียงอวี่เฟย
กลัวหล่อนจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
เฉินเจียวั่งพูดอย่างเก้อเขิน “ครับ พวกพี่มีประสบการณ์ ก็เลยอยากขอคำแนะนำว่า ผมควรไปพรุ่งนี้หรือเลือกวันอื่นดี หรือว่าจะไปพร้อมกับพวกคุณตอนที่พวกคุณไป?”
ปีที่แล้วเขาก็ไปบ้านตระกูลเจียงพร้อมกับพี่สะใภ้ใหญ่
“ไปพรุ่งนี้เลย” เฉินเจียเหอพูดอย่างจริงจัง “ต้องไปพรุ่งนี้ นายต้องทำตัวให้ถูกต้องก่อน แสดงสถานะของตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้นายไม่ไป ต่อไปก็ไม่ต้องไปแล้ว ถึงไปเขาก็จะไม่ต้อนรับนาย”
ตราบใดที่เป็นความรักที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแต่งงาน แม้จะยังไม่มีพิธีการอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะฝ่ายชายก็ต้องวางตัวให้ถูกต้อง ปฏิบัติตามมารยาทในฐานะว่าที่ลูกเขย
เฉินเจียวั่งได้ยินคำพูดของเฉินเจียเหอแล้ว ก็มองเฉินเจียเหอด้วยความสงสัย
เขาลังเล “พวกเรายังไม่ได้หมั้นกัน ผมยังไม่ใช่ลูกเขยของพวกเขา”
“ว่าที่ลูกเขยไงล่ะ ไอ้เด็กโง่”
เฉินเจียเหอตบไหล่เขาเบาๆ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกนายรักกันอย่างอิสระ ยืนยันความสัมพันธ์แล้วทั้งสองฝ่าย จะหมั้นหรือไม่หมั้นก็แค่พิธีกรรมเท่านั้น ถ้าในใจยอมรับอีกฝ่าย นายก็เป็นลูกเขยของพวกเขาแล้ว จุดนี้นายต้องจำใส่ใจไว้”
คำพูดของเฉินเจียเหอ ทำให้เฉินเจียวั่งเข้าใจในที่สุด
หลังจากเฉินเจียวั่งออกไป เฉินเจียเหอก็ยืนอยู่ที่ประตู มองเงาด้านหลังของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ “ไอ้เด็กโง่คนนี้ ไม่มีความรู้ทั่วไปเลยสักนิด”
หลินเซี่ยพูดพลางหัวเราะ “การที่เขาเข้าใจและกล้าสารภาพรักกับเจียงอวี่เฟยก่อน อีกทั้งวันนี้มาขอความคิดเห็นจากพวกเรา ถือว่าเขาพัฒนาขึ้นมากแล้วนะคะ”
เฉินเจียเหอแสดงความเห็นด้วยกับคำพูดของหลินเซี่ย “ก็จริง พัฒนาขึ้นมากแล้ว การรักใครสักคนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เห็นได้ชัดว่าเขารักเจียงอวี่เฟยจริงๆ”
เฉินเจียเหอโอบหลินเซี่ย มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง พูดเสียงแหบพร่า “หวังว่าต่อไปพวกเขาจะมีความสุขเหมือนพวกเรา”
“อืม ฉันก็หวังเช่นกันค่ะ”
คู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกำลังมองตากันอย่างหวานซึ้งที่หน้าประตู แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน “พี่ใหญ่ พรุ่งนี้พวกพี่จะเอาอะไรไปไหว้บ้านพ่อตาล่ะ?”
เฉินเจียซิ่งขึ้นบันไดมา เห็นเฉินเจียเหอจึงเอ่ยถามขึ้น
เฉินเจียเหอปล่อยมือจากหลินเซี่ย ให้เธอเข้าไปข้างในก่อน
เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า
“เอาอะไรก็ได้ตามสะดวก”
เฉินเจียซิ่งถามต่อ “ซื้ออะไรดีล่ะ? พวกเราไปซื้อด้วยกันไหม”
“พวกเราเตรียมไว้นานแล้ว” เฉินเจียเหอเอ่ยปาก “ฉันซื้อของที่จะเอาไปบ้านพ่อตาไว้นานแล้ว นายดูแล้วซื้อเองก็แล้วกัน ที่ถนนมีร้านขายของขวัญโดยเฉพาะ”
“หา?” เฉินเจียซิ่งถามอย่างสงสัย “ซื้อของขวัญอะไรล่ะ? บุหรี่ เหล้า หรือใบชา? เป็นของที่คุณปู่กับพ่อให้พวกพี่มาหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเจียซิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียเหอก็หม่นลงเล็กน้อย
นี่แหละคือปัญหาสำคัญของเจ้ารอง
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
กรรมของลูกชู้อะนะ ต้องมารับกรรมที่พ่อแม่ก่อโดยที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ
เจียซิ่งต้องเรียนรู้อีกหลายอย่างเลยล่ะ
ไหหม่า(海馬)
………………..