ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 90 ผมอยากนอนกับคุณ
ตอนที่ 90 ผมอยากนอนกับคุณ
ตอนที่ 90 ผมอยากนอนกับคุณ
แต่ในทันทีที่เขาขยับเท้า เขาก็พลันรู้สึกร้อนในรูจมูก ทันใดนั้นเลือดกำเดาก็ไหลลงมาจากรูจมูกทั้งสองอย่างควบคุมไม่ได้
เฉินเจียเหอใช้มือข้างหนึ่งปิดจมูก หมุนกายกลับแล้ววิ่งหนีไป
หลินเซี่ย “!!!”
หลินเซี่ยไม่กล้าหยอกเขาเล่นอีกต่อไป เธอรีบถอดเสื้อคลุมออก ควานหาเสื้อแขนยาวและกางเกงลองจอนมาใส่ สวมแจ็กเกตบุผ้าฝ้ายอีกชั้นหนึ่ง หลังจากติดกระดุมอย่างรัดกุมแล้วก็วิ่งออกไปหาเขา
เฉินเจียเหอเอาน้ำเย็นในห้องน้ำลูบบริเวณท้ายทอยตัวเอง ไม่นานนักเลือดกำเดาก็หยุดไหล
หลินเซี่ยมองดูท่าทางตะลึงพรึงเพริดของเขา ทันใดนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้
แค่เห็นเธอสวมชุดชั้นใน ผู้ชายคนนี้ก็ตื่นเต้นจนเลือดกำเดาไหลเสียแล้ว
ถ้าเขาไปเห็นนางแบบบนรันเวย์แต่งตัวแบบเดียวกันแล้วเดินไปรอบ ๆ เพื่อโชว์สัดส่วนร่างกาย เขาจะไม่ช็อกตายเลยเหรอ
“โอเคหรือยังคะ?” หลินเซี่ยถาม
เฉินเจียเหอหันหน้าไปหาเธอด้วยความเขินอาย ดวงตาของเขาสั่นไหว “ไม่เป็นไรแล้ว”
“อืม งั้นฉันขอไปพักผ่อนก่อนนะ”
“คุณซื้อชุดนั้นมาหรือเย็บเอง?” เขาหันหลังให้เธอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
ซะ…เซ็กซี่เกินไป
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวมเสื้อผ้าที่บีบรัดหน้าอกหน้าใจขนาดนี้มาก่อน
หลินเซี่ย “???”
เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จึงกระแอมไอเบา ๆ แล้วตอบกลับไปว่า “พี่สาวของเพื่อนฉันซื้อมาจากฮ่องกงน่ะค่ะ หล่อนจึงแบ่งให้ฉันตัวหนึ่ง ที่นี่ไม่มีจักรเย็บผ้าซะหน่อย ฉันจะเย็บเสื้อผ้าใส่เองได้ยังไง?”
“ฉันไปนอนก่อนนะคะ”
เมื่อเห็นว่าเขาสบายดีแล้ว หลินเซี่ยจึงวิ่งกลับเข้าไปในห้อง
จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เข้านอนเร็วขนาดนั้น พอกลับเข้าไปในห้องนอนตัวเองก็เอาชุดชั้นในตัวใหม่ไปซัก
หลังจากซักผ้าแล้ว เธอก็เอาออกไปแขวนไว้ที่หน้าต่างห้องนอนตัวเอง ตากลมให้มันแห้ง
อะพาร์ตเมนต์ที่นี่แคบเกินไป กว่าเสื้อผ้าจะแห้งนั้นไม่ง่ายเลย
โดยเฉพาะชุดชั้นในชิ้นเล็กชิ้นน้อยแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งของที่ควรนำไปตากที่ระเบียงข้างนอกได้ หู่จือเป็นเด็กผู้ชาย ดังนั้นอาจดูไม่ค่อยดีนัก
อาศัยตอนที่เด็กไม่อยู่บ้าน เธอจึงรีบซักผ้าและตากให้แห้งภายในคืนนี้
หลังจากซักผ้าเสร็จเรียบร้อย เธอก็ออกไปข้างนอกนอกและบังเอิญเจอกับเฉินเจียเหอที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนของตัวเองเพื่อดื่มน้ำพอดี
พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ทั้งคู่ก็ทำหน้าอึดอัดใส่กัน
“มีบางอย่างที่ผมลืมบอกคุณ” เฉินเจียเหอมองเธอด้วยใบหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติขณะพูดแบบนั้น
“มีอะไรเหรอคะ?” หลินเซี่ยถาม
เฉินเจียเหอบอกว่า “น้าผมโทรมาบอกว่า พิมพ์เขียวของเครื่องมือทำการเกษตรที่คุณออกแบบได้รับการรับรองจากผู้อำนวยการโรงงาน พวกเขาต้องการสั่งผลิตทันที เพราะกลัวว่าผู้ผลิตรายอื่นจะชิงผลิตขึ้นมาซะก่อน เหมือนพวกเขาวางแผนจะยื่นขอสิทธิบัตรด้วย แล้วน้าของผมบอกว่าจะยื่นขอสิทธิบัตรเป็นชื่อคุณ และจะให้ค่าตอบแทนคุณด้วย”
“จริงเหรอ เยี่ยมไปเลย คุณน้านี่สุดยอดจริง ๆ” หลินเซี่ยมีความสุขมากเมื่อได้ยินข่าวดี สาเหตุหลักเป็นเพราะเธอไม่คิดว่าโจวเจียนกั๋วจะตระหนักถึงเรื่องลิขสิทธิ์ภูมิปัญญาขนาดนี้ ถึงขั้นยื่นขอสิทธิบัตรให้เป็นชื่อเธอด้วยซ้ำไป แม้แต่ตัวเธอยังไม่คาดหวังมาก่อนเลย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปนอนก่อนนะ”
“ผมอยากนอนกับคุณ… ไม่สิ…” เฉินเจียเหอตระหนักว่าตนเองไม่ควรพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปแบบนั้น จึงรีบปิดปากด้วยความเคอะเขิน ก่อนจะกระแอมไอเบา ๆ พลางแก้ตัวว่า “ผมหมายความว่า ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากคุยกับคุณ แต่อากาศข้างนอกหนาวเกินไป เข้าไปคุยกันในห้องนอนของคุณดีกว่า คุณจะได้ซุกผ้านวมอยู่บนเตียง”
หลินเซี่ย “!!!”
ผู้ชายคนนี้ชักจะพูดตรงเกินไปแล้ว
คุยกันบนเตียงงั้นเหรอ?
ถ้าพวกเขานอนด้วยกันจริง ๆ จะลงเอยแค่นอนคุยกันจริง ๆ เหรอ?
เฉินเจียเหอผลักเธอเข้าไปที่ห้องนอน โดยไม่ให้เธอมีเวลาได้คิดอะไรมาก “ไปกันเถอะ”
“แต่เจ้านายคุณไม่อนุญาตให้เรานอนห้องเดียวกันนี่คะ”
“พวกเขาไม่มาตรวจตอนกลางคืนแบบนี้หรอก”
เฉินเจียเหอใช้ข้อแก้ตัวต่าง ๆ มา ‘หว่านล้อม’ ให้หลินเซี่ยยอมเข้าไปในห้องนอนใหญ่
แน่นอนว่าเธอเองก็เต็มใจที่จะถูกหว่านล้อมเช่นกัน
เธอถอดเสื้อแจ็กเกตบุฝ้ายออก เหลือแค่เสื้อบาง ๆ สำหรับฤดูใบไม้ร่วง แล้วเอนกายนอนลงบนเตียง
เมื่อห่มผ้าแล้วมีเพียงศีรษะเท่านั้นที่ยื่นออกมาด้านนอก เธอมองไปที่เฉินเจียเหอซึ่งยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ถามว่า “คุณอยากคุยกับฉันเรื่องอะไรคะ?”
“คืออย่างนี้ น้าของผมยังบอกอีกว่าจะเป็นธุระไปแจ้งความให้แม่ยายภายในวันนี้ หลังจากแจ้งความเสร็จ ทางตำรวจรับปากว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวน แล้วเขาจะโทรกลับมาหาเราอีกครั้ง หลังจากนั้นแม่คุณกับหลินเยี่ยนก็สามารถย้ายมาที่ไห่เฉิงได้” เฉินเจียเหอพูดพลางมองหน้าเธอ
หลินเซี่ยมีความสุขมากเมื่อได้ยินข่าวดีที่สอง “ดีเลยค่ะ ถ้าคุณน้าโทรมาอีกรอบ รบกวนขอบคุณเขาแทนฉันด้วยนะคะ”
เฉินเจียเหอลุกจากเก้าอี้แล้วมานั่งข้างเตียง มองเธอด้วยใบหน้าอ่อนโยน พูดเบา ๆ ว่า “มีอีกเรื่อง เซี่ยเซี่ย คุณปู่คุณย่าของผมท่านชอบคุณมาก พวกเขาออกปากพูดเองว่าจะอวยพรให้กับการแต่งงานของพวกเรา คุณปู่ยังฝากให้ผมมาถามคุณด้วยว่าคุณอยากกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่ออวยพรปีใหม่ให้กับลุงเซี่ยหรือเปล่า เพราะถึงยังไงลุงเซี่ยก็เป็นคนที่คุณให้ความสำคัญมากอีกคนหนึ่ง ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้ว ก็ควรไปทักทายลุงเซี่ยในสถานะใหม่”
เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอพูดถึงลุงเซี่ยอีกครั้ง สีหน้าของหลินเซี่ยก็แปรเปลี่ยนเป็นสับสน เธอเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะตอบว่า “ขอเวลาคิดหน่อยแล้วกันค่ะ”
“ได้ ถ้าคุณไป ผมก็จะไปด้วย”
เฉินเจียเหอบอกว่าปู่ย่าของเขาพูดออกปากว่าจะอวยพร แต่เขาไม่ได้เอ่ยถึงพ่อแม่ของตัวเองเลย หลินเซี่ยรู้ว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะยังไม่ยอมแพ้หรือยอมรับเธอทีเดียว ซึ่งเธอก็มีเหตุผลเกินกว่าจะถามอะไรเพิ่มเติม
อย่างน้อย โจวลี่หรงก็ไม่ได้มารบกวนเธออีก นั่นก็เพียงพอแล้ว
“น้องชายคุณเป็นยังไงบ้าง?” เธอถาม
“ตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว”
“คุณต้องคอยให้กำลังใจเขาบ่อย ๆ นะคะ อย่าปล่อยให้เขาอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา สภาพแวดล้อมเดิม ๆ จะยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่ หรือจะให้เขาออกมาเล่นกับหู่จือที่บ้านเราก็ได้ ฉันกำลังจะเปิดร้าน คุณไปขอให้เขามาช่วยฉันออกแบบร้านก็ดีนะ ฉันอยากได้ผู้ช่วยอยู่พอดีเลย”
จนถึงตอนนี้ หลินเซี่ยยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเฉินเจียวั่งเลยว่าเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้เขาไม่มาปรากฏตัวในงานแต่งงานของพี่ชายคนโต นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้ป่วยหนักขนาดไหน
ชาติที่แล้ว บางทีเขาอาจจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้านแบบนั้น ทำให้อาการป่วยทางจิตทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดเขาก็หมดความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ และเลือกที่จะฆ่าตัวตาย
เฉินเจียเหอพยักหน้า “ได้ ไว้ผมจะไปบอกเขา”
“นอนกันเถอะ”
เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เข้านอน
หลังจากนอนลง เขาคิดว่าควรไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอดีไหม แต่เขาไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น เพราะกลัวว่าตัวเองอาจถูกเตะจนกลิ้งลงจากเตียง ในขณะที่เขาลังเลอยู่นั้น หลินเซี่ยก็ผุดลุกขึ้นจากเตียง แล้ววิ่งออกไปนอกห้อง
เฉินเจียเหอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงวิ่งตามออกไปด้วยพลางถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?
“ฉันต้องไปจัดการเรื่องนั้น” หลินเซี่ยวิ่งไปที่ห้องน้ำ
“เรื่องไหน?” เฉินเจียเหอมองเธอแล้วถามด้วยความสับสน
หลินเซี่ยหันมาสบกับสายตาที่ทั้งว่างเปล่าและโง่เขลาของเขา ตอบไปสั้น ๆ ว่า “ป้าใหญ่มาน่ะ”
เฉินเจียเหอ “???”
“ประจำเดือนฉันมา เข้าใจไหม?”
ดวงตาของเฉินเจียเหอกะพริบปริบ ก่อนที่เขาจะร้องว่า อ้อ แล้วมองเธออย่างทำอะไรไม่ถูก “ผมควรทำยังไงดี? ผมต้องทำอะไรบ้าง?”
“คุณทำอะไรไม่ได้ และก็ไม่ต้องทำอะไรด้วย” หลินเซี่ยหาม้วนกระดาษชำระที่ยังไม่ได้แกะใช้งาน จากนั้นก็พูดพึมพำกับตัวเอง “แค่คืนเดียว ใช้กระดาษชำระไปก่อนก็แล้วกัน”
จากนั้นเธอก็ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อเธอออกมาอีกรอบ ร่างสูงของเฉินเจียเหอยังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตู มองมาทางเธอด้วยท่าทางเป็นกังวล
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจคำพูดของเธอแล้ว จึง ‘พับ’ กระดาษชำระหนา ๆ ไว้ให้เธอ
เมื่อหลินเซี่ยออกมา เขาถามอย่างเชื่องช้าว่า “นอกจากกระดาษชำระแล้ว ผมควรเตรียมอะไรไว้ให้คุณอีกบ้าง? เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อ พรุ่งนี้ผมจะแวะไปที่ห้างสรรพสินค้า หาดูว่าร้านค้าที่นั่นมีผ้าอนามัยขายไหม ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถซื้ออะไรก็ตามที่คุณต้องการได้ ไม่ต้องกังวลนะ”
ยุคสมัยนี้ผ้าอนามัยที่ผลิตภายในประเทศยังมีน้อยมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นขาดแคลนไปทั้งหมด
พอเฉินเจียเหอริเริ่มถามคำถามนี้ เธอได้ยินแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
ผู้ชายนิสัยแข็งทื่อน่าเบื่อ ทั้งยังดูเหมือนไม่ประสาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กลับกลายเป็นคนที่เอาใจใส่และเกรงใจเธอมากตลอดระยะเวลาที่เธอแต่งงานกับเขา
ตอนที่ทั้งสองอยู่ในชนบท เมื่อไหร่ก็ตามที่ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งเชือดหมู เขาจะพาเธอไปตลาดล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอเห็นฉากนองเลือด
เขายินดียืนหยัดต่อสู้กับครอบครัวตัวเองเพื่อเธอ
เขาไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่เมื่อกี้นี้เขาพยายามเรียนรู้ที่จะทำอาหารเพื่อรอเธอกลับบ้าน แถมยังพยายามทำความเข้าใจเรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอด้วยซ้ำ
หลินเซี่ยสูดลมหายใจ เดินไปกอดเอวสอบของเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ขอบคุณนะคะ คุณใจดีกับฉันมาก ๆ เลย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชื่อตอนชวนให้คิดลึกจังเลย ไหนจะฉากก่อนหน้านี้อีก
พี่เหออบอุ่นจังเลยค่ะ พ่อเตาผิง พ่อเตียงเตา จะหาผู้ชายที่ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของแฟนได้ที่ไหนอีก
ไหหม่า(海馬)