ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 903 พฤติกรรมอันตราย
ตอนที่ 903 พฤติกรรมอันตราย
เซี่ยไห่รู้สึกดีใจที่หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอเข้าใจในการกระทำของเขา
ส่วนคุณแม่เซี่ยมองไปทางประตูแล้วพูดเสียงเบา “พอเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วก็อย่าไปพูดถึงมันอีก อย่าให้พี่สาวแกได้ยินเลย จะได้ไม่กระทบจิตใจหล่อน”
ขนาดวันนั้นเซี่ยไห่เห็นเซี่ยปิงแล้วยังอารมณ์เสียจนควบคุมไม่ได้ ถ้าเซี่ยอวี่รู้เรื่องนี้เข้า หล่อนก็คงจะโมโหไม่แพ้เซี่ยไห่
หล่อนกำลังตั้งครรภ์และเป็นคุณแม่วัยกลางคน คุณแม่เซี่ยจึงกังวลเป็นพิเศษว่าร่างกายลูกสาวจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้
เซี่ยไห่ก็รู้จักกาลเทศะดี “ครับ ไม่พูดแล้ว พวกเราจะไม่บอกพี่สาวผมในเรื่องนี้แน่นอน”
หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาหลายคนมารวมตัวกันก็คงจะดื่มกันสักหน่อย
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องดื่มเหล้าเลย
เฉินเจียเหอกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อน ต้องคอยดูแลลูก เย่ไป๋ต้องดูแลเซี่ยอวี่ที่กำลังตั้งครรภ์ พวกเขาต่างก็เป็นห่วงกังวลตลอดเวลา กลัวว่าภรรยาและลูกจะเป็นอะไรไป เรื่องดื่มเหล้าจึงไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
แต่เฉินเจียเหอกับเย่ไป๋ต่างก็อยู่เฝ้าภรรยา และยืนกรานไม่ยอมดื่ม
เฉินเจียเหอไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นเลย เพราะลูกชายตัวน้อยกำลังหัดเดิน ต้องคอยดูแลตลอดเวลา
แถมหู่จือก็ซุกซน แอบวิ่งออกไปจุดประทัดอีก
เพราะกลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บที่มือกลับมา จึงต้องคอยจับตาดูตลอด
ครั้นเซี่ยไห่อยากเข้าไปอยู่ใกล้ลินดา ลินดาก็คุยกับหลินเซี่ยตลอด คุยเรื่องงาน คุยเรื่องผู้หญิง โดยไม่ยอมให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วมเลย
เขาจึงได้แต่นั่งอย่างเก้อเขินอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์
แต่รายการในโทรทัศน์ก็ไม่มีอะไรที่เขาอยากดู
ช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ ผู้ชายมารวมตัวกันทั้งทีกลับไม่ได้ดื่มเหล้าสักนิด ได้แต่นั่งเฉยๆ แบบนี้ ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
เซี่ยเหลยเห็นน้องชายของตนไม่มีอะไรทำ เบื่อจนต้องนั่งแกะเท้า ดังนั้น เขาจึงหยิบเหล้าดอกหอมหมื่นลี้ออกมาจากร้านอาหารอย่างเอาใจใส่
บอกว่าจะดื่มสักสองแก้วกับเซี่ยไห่
เซี่ยไห่มองเฉินเจียเหอแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองเซี่ยเหลย พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “พี่ใหญ่ เลิกเถอะ ผมไม่ดื่มกับพี่หรอก สองสามวันนี้พวกเราดื่มกันมาหลายมื้อแล้ว”
เซี่ยเหลย “???”
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของอารอง เธอจึงพูดเบาๆ กับเฉินเจียเหอว่า “ฉันจะดูแลลูก คุณไปดื่มสักสองแก้วกับอารองและพ่อของพวกเขาเถอะ อย่าดื่มมากนะ แค่จิบสองแก้วคุยกันเล็กน้อย”
เฉินเจียเหอเป็นห่วงลูก กลัวว่าหลินเซี่ยจะดูแลเสี่ยวหู่ไม่ไหว ที่สำคัญเขาก็หวังว่าหลินเซี่ยจะได้พูดคุยกับครอบครัวให้มากขึ้นเมื่อกลับบ้านเกิด อย่าให้ความคิดและเวลาทั้งหมดอยู่กับลูกเท่านั้น
หลิวกุ้ยอิงพูดว่า “ไม่เป็นไร พวกเราจะดูแลเอง”
หลิวกุ้ยอิงอุ้มเสี่ยวหู่เข้ามา เฉินเจียเหอก็ริบประทัดเล็กๆ ที่หู่จือแอบซุกไว้ในตัว แล้วเปิดการ์ตูนให้ดู วางใจแล้วก็ไปดื่มกับเซี่ยไห่และคนอื่นๆ
แน่นอนว่าเป็นเพียงการจิบเล็กน้อย นั่งคุยกันกินเมล็ดแตง
หู่จือเห็นแม่ของเขากำลังคุยกับคุณยายลินดาและคุณทวด พ่อก็ไปดื่มเหล้าแล้ว เขาจึงฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต หยิบประทัดบนขอบหน้าต่างใส่กระเป๋า แล้วไปหยิบไม้ขีดไฟจากในครัว แอบออกไปข้างนอก
ผลลัพธ์คือ เขาเพิ่งออกไป เฉินเจียเหอก็สังเกตเห็นเขาและแอบตามออกไปอย่างเงียบๆ
เฉินเจียเหอเห็นสถานการณ์แล้วตกใจมาก รีบก้าวเท้าเข้าไปคว้าคอเสื้อเขาแล้วลากออกมาจนถึงระยะปลอดภัย
เขาเพิ่งลากหู่จือออกมา ประทัดก็ระเบิดขึ้น
เฉินเจียเหอตกใจจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วตัว
ถ้าช้าไปอีกสองวินาที หู่จือก็อาจจะถูกสะเก็ดประทัดระเบิดจนบาดเจ็บได้
เฉินเจียเหอหน้าบึ้ง มองลูกชายที่ซุกซนและก่อกวนแล้วนึกอยากจะตีสักป้าบ แต่เห็นว่าเป็นช่วงปีใหม่ จึงยกมือขึ้นแล้วลดลงมา
หู่จือพูดอย่างไม่พอใจ “พ่อ ทำไมไม่ให้ผมจุดประทัดล่ะ เพื่อนๆ คนอื่นเขาก็จุดกัน”
“ลูกจุดเป็นหรือเปล่าเนี่ย? ใครบอกให้ลูกจุดแล้วเข้าไปดูใกล้ๆ ?” เฉินเจียเหอพูดเสียงดุ “ตอนเด็กๆ อาสามเคยจุดประทัดแล้วเกือบโดนระเบิดจนตาบอด อันตรายบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่มีทางแก้และกลับไปแก้ไขไม่ได้นะ”
หู่จือบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “ทำไมผมจะจุดไม่เป็นล่ะ? อารองเคยสอนผมแล้ว”
หู่จือไม่มีท่าทีที่จะยอมรับผิด เฉินเจียเหอคิดจะสั่งสอนเขา แต่ในเวลาและสถานที่เช่นนี้ยังไม่เหมาะสม
เขาจึงคว้าตัวหู่จือเข้าไปในห้องของเซี่ยไห่ แล้วสั่งให้ยืนรับโทษ “พ่อไม่ได้บอกเหรอว่าห้ามทำพฤติกรรมอันตรายทุกอย่าง ต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง ลูกลืมไปแล้วหรือ?”
หู่จือไม่อยากถูกลงโทษให้ยืน วันนี้เป็นวันปีใหม่นะ
ใครเขาจะมาลงโทษให้ยืนในวันปีใหม่กัน?
ครั้งสุดท้ายที่ถูกลงโทษให้ยืน ก็ตอนที่แม่ของเขาเพิ่งแต่งงานกับพ่อของเขา
ตอนนั้นเขาใช้หนังสติ๊กยิงจนหลังมือของแม่แตก แล้วถูกพ่อลงโทษให้ยืน…
หู่จือคิดจะขอความช่วยเหลือจากแม่ แต่พ่อของเขาไม่ให้โอกาสเข้าห้องเลย ให้เขายืนรับโทษอยู่ในห้องของคุณตารอง
หู่จือเห็นได้ชัดว่าพ่อของเขาโกรธจริงๆ เขาจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง ได้แต่ยืนหันหน้าเข้าผนังอย่างว่าง่าย
เฉินเจียเหอปิดประตูแล้วกลับไปที่ห้องโถงเพื่อดื่มสุราต่อ
“ไหนหู่จือล่ะ?” หลินเซี่ยถามหาหู่จือกับเฉินเจียเหอหลังจากที่ไม่เห็นเขาเป็นเวลานาน
เฉินเจียเหอตอบอย่างจริงจังว่า “เขาง่วงนอน กำลังนอนหลับอยู่ในห้องของอารอง”
เขาพูดเสร็จแล้วเสริมว่า “ตื่นเต้นกับเทศกาลปีใหม่มาก เมื่อคืนเลยนอนไม่พอ”
ตอนเช้าขณะที่พวกเขายังนอนกันอยู่ เขาก็ตื่นมาพูดเจื้อยแจ้วในบ้านแล้ว
หลินเซี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ได้ ปล่อยให้เขานอนสักหน่อยเถอะ”
เซี่ยอวี่พักผ่อนสักครู่ แล้วจึงร่วมสนทนากับหลินเซี่ยและคนอื่นๆ หลิวกุ้ยอิงยังทำอาหารเย็นพิเศษ จัดโต๊ะสองโต๊ะ ผู้ชายกินอาหารและจิบเหล้า ผู้หญิงพูดคุยกันอย่างสบายๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์
เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับหู่จือที่ถูกลงโทษให้ยืนอยู่นั้น ทุกนาทีช่างยาวนานเหลือเกิน
สำคัญที่สุดคือเขาไม่มีนาฬิกาดิจิทัล และในห้องของคุณตารองก็ไม่มีนาฬิกาแขวนผนัง
เขายืนหันหน้าเข้าผนังคิดทบทวนความผิด ไม่กล้าขยับตัว เพียงแค่ยืนตรงรอให้เวลาผ่านไปจนกว่าพ่อของเขาจะเข้ามาพูดว่า “เลิกได้”
แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เกิดอะไรขึ้น หู่จือยืนจนขาแข็งไปหมดแล้ว
เขาได้ยินเสียงหัวเราะและพูดคุยดังมาจากห้องโถง จนทนยืนต่อไปไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ประตูแล้วลองเรียกอย่างระมัดระวัง
“พ่อครับ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ?”
เฉินเจียเหอกำลังคุยกับเซี่ยไห่ จึงไม่ได้ยินเสียงของหู่จือเลย
“หู่จือ ตื่นแล้วหรือลูก?” หลินเซี่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
หลินเซี่ยโบกมือเรียก “เร็วเข้า มานี่สิลูก”
หู่จือไม่กล้าขัดคำสั่ง เขาเกาหัวแกรกๆ ใบหน้าน้อยๆ ย่นยู่ แสดงสีหน้าลำบากใจ “แม่ครับ ช่วยถามพ่อหน่อยว่าถึงเวลาแล้วหรือยังครับ?”
“เวลาอะไรลูก?” หลินเซี่ยสงสัย
เฉินเจียเหอยังกำหนดเวลานอนกลางวันให้หู่จือด้วยหรือ?
หู่จือก้มหน้างุด แล้วเอ่ยเสียงอ่อนแรงว่า “เวลาที่พ่อบอกให้ยืนรับโทษน่ะครับ ตอนนี้ครบหนึ่งชั่วโมงแล้วหรือยังครับ?”
หลินเซี่ย “!!!”
วันปีใหม่แท้ๆ ปล่อยให้หู่จือยืนรับโทษอยู่คนเดียวในห้องนั้นเหรอ?
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โอ๊ย เกือบไปแล้วไหมหู่จือ ดื้อแล้วเป็นไงล่ะ ถ้าพ่อไม่มาดึงออกทันนี่ วันปีใหม่จะกลายเป็นวันโศกนาฎกรรมเลยนะ
ไหหม่า(海馬)