ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 904 ไม่มีการลงโทษใดที่สูญเปล่า
ตอนที่ 904 ไม่มีการลงโทษใดที่สูญเปล่า
“หู่จือ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพ่อถึงลงโทษให้ลูกยืนสำนึกผิด? ลูกไม่ได้กำลังนอนหลับอยู่หรอกหรือ?”
หลินเซี่ยเดินไปจูงมือหู่จือเข้าห้องโถง แม้จะรู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ก็ยังคงรักษาหน้าให้เฉินเจียเหอ
เธอมองไปที่เฉินเจียเหอที่กำลังดื่มเหล้าอยู่แล้วเอ่ยปาก
“เฉินเจียเหอ ออกมาหน่อย”
หลินเซี่ยกลัวว่าถ้าผู้ใหญ่รู้เรื่องพฤติกรรมของเฉินเจียเหอ พวกเขาจะรุมด่าเขา จึงตั้งใจจะเรียกเขาออกไปข้างนอกเพื่อสอบถามสถานการณ์
เฉินเจียเหอหันมาเห็นภรรยาจูงมือหู่จือยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าน้อยๆ ดูโกรธจัด เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามเธอออกไปที่ลานบ้าน
หลินเซี่ยขมวดคิ้ว มองเขาด้วยสีหน้าน้อยใจ รอให้เขาอธิบาย
เฉินเจียเหอชำเลืองมองหู่จือที่เธอจูงมือไว้ แล้วพูดเสียงเรียบๆ
“ไอ้ตัวเล็กนี่มาฟ้องคุณหรือ?”
“ช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ควรพูดกันดีๆ ทุกคนกำลังฉลองปีใหม่กันอย่างสนุกสนานในห้องโถง แต่คุณกลับให้เด็กไปยืนรับโทษอยู่คนเดียวตรงนั้น มันต่างอะไรกับการทารุณกรรมล่ะ”
หลินเซี่ยเดิมทีกำลังลากเฉินเจียเหอออกไปคุยนอกประตู แต่สุดท้ายคนอื่นๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงพากันมารุมล้อม
พวกเขาคิดว่าทั้งสองทะเลาะกัน จึงอยากจะเข้ามาห้าม แต่เมื่อได้ยินหลินเซี่ยพูดว่าเมื่อครู่หู่จือไม่ได้นอนอยู่ในห้อง แต่ถูกเฉินเจียเหอขังไว้ในห้องของเซี่ยไห่และให้ยืนรับโทษ ผู้ใหญ่ที่ตามใจเด็กอยู่แล้วต่างก็มีสีหน้าไม่พอใจ
ทำไมเฉินเจียเหอถึงทำแบบนี้กับหู่จือได้?
โดยเฉพาะเซี่ยไห่ที่ขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณลองถามเขาดูสิครับว่าทำไมผมถึงให้เขายืนรับโทษ?” เฉินเจียเหอมองหู่จือพลางเอ่ยด้วยเสียงเข้ม “บอกไปสิ”
หู่จือไม่กล้าสบตาพ่อของเขา ก้มหน้าพูดเสียงอ่อย “ผมจุดประทัดครับ”
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจียเหอเอ๊ย เขาจุดประทัดแค่นี้จะให้ยืนรับโทษทำไมกัน? ช่วงปีใหม่แบบนี้ไม่ให้เด็กจุดประทัดแล้วจะให้ทำอะไร? นั่นมันเรื่องที่เด็กผู้ชายทำกันทั้งนั้น พวกเธออย่าเข้มงวดกับเด็กมากเกินไปเลย”
คำตอบของหู่จือยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ตำหนิเฉินเจียเหอมากขึ้น เฉินเจียเหอโกรธจนเอามือกอดอก มองหู่จือแล้วพูดเสียงเข้มอีกครั้ง “อย่าพูดแค่ครึ่งเดียว บอกทุกคนสิว่าลูกจุดประทัดยังไง?”
“ผม… ผมก็แค่จุดมันเฉยๆ ครับ” หู่จือก้มหน้าต่ำลงกว่าเดิม
เฉินเจียเหอ “!!!”
เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะคิดว่าเด็กคนนี้จะยอมรับผิดด้วยตัวเอง
เขามองทุกคนด้วยสีหน้าจนปัญญา “หลังจากจุดประทัดเสร็จ เจ้าเด็กโง่นี่ก็ชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ถ้าผมไม่ได้วิ่งออกไปคว้าตัวกลับมาได้ทันเวลา ตอนนี้หน้าเขาอาจจะเละเสียโฉมหรือไม่ก็ลูกตาระเบิดจนบอดไปแล้ว”
“อะไรนะ? จุดประทัดแล้วยังเข้าไปดูใกล้ๆ อีกเหรอ?”
“หู่จือ ทำไมโง่อย่างนี้ล่ะ? นั่นมันอันตรายมากรู้ไหม?”
หลังจากฟังคำบอกเล่าของเฉินเจียเหอ ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวภายหลัง
ในตอนนี้ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า… การลงโทษให้ยืนเฉยๆ นั้นเบาเกินไป
หลินเซี่ยก็รู้สึกหมดคำพูดเช่นกัน
อย่างที่เขาว่า การตีเด็กนั้นไม่มีครั้งไหนที่สูญเปล่าเลย!
“เจ้าเด็กนี่ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามนักล่ะ? จุดประทัดแล้วต้องวิ่งไปให้ไกลสิ เข้าไปดูใกล้ๆ ทำไมกัน?”
หู่จือก้มหน้าไม่กล้ามองทุกคน เอ่ยเสียงเบาราวกับยุง “ผมจุดแล้วมันไม่ดัง ผมก็เลยอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
คุณแม่เซี่ยจูงมือเขา มองเขาด้วยความรักและเมตตา พร้อมอธิบายเหตุผล “เด็กโง่ นั่นมันอันตรายมากนะ ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด พ่อเธอไม่ได้ตีเธอก็ดีแล้ว ที่เขาลงโทษให้ยืนสำนึกผิดถือเป็นการลงโทษที่เบาที่สุดแล้ว”
“พอแล้วๆ พวกคุณดื่มเหล้ากันต่อเถอะ เด็กคนนี้ฉันจะดูแลเอง”
คุณแม่เซี่ยพาหู่จือเข้าไปในห้อง นั่งดูทีวีด้วยกันพร้อมสอนความรู้เรื่องความปลอดภัยต่างๆ
จริงๆ แล้วหู่จือเข้าใจทุกอย่าง แต่เด็กผู้ชายก็มักจะซุกซนและชอบเคลื่อนไหว
หลายเรื่องที่พ่อแม่เคยสอนเขา เขาก็รู้ แต่พอเล่นก็ลืมไปหมด
ตอนนี้ทุกคนต่างพากันอธิบายถึงอันตรายของการจุดประทัดให้เขาฟังทีละคน
หลิวกุ้ยอิงยังยกตัวอย่างเรื่องที่หลินจินซานโดนประทัดระเบิดบาดเจ็บตอนอยู่ในชนบท
“ลุงเธอเคยจุดประทัดดินในช่วงปีใหม่ เขาจุดแล้วรอตั้งนานก็ไม่มีเสียง เลยเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาถือไว้ในมือ ประทัดนั่นก็ระเบิดในมือเขาเลย ตอนนั้นฝ่ามือเละไปหมด อาการหนักมาก ตลอดช่วงปีใหม่เขาต้องพันมือเอาไว้ ถ้าดูดีๆ ตอนนี้ก็ยังเห็นรอยแผลเป็นที่ฝ่ามืออยู่เลย”
เมื่อเริ่มแรก หู่จือไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด และไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายของการจุดพลุและประทัด แต่ตอนนี้เมื่อได้ฟังยายพูดเสียงอ่อนโยนเล่าถึงบทเรียนของลุงในอดีต หู่จือจึงค่อยๆ เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
เขาตระหนักถึงความผิดพลาดอย่างแท้จริง เดินไปหน้าหลินเซี่ย ใบหน้าน้อยๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาสารภาพว่า “แม่ครับ ผมทำให้แม่เป็นห่วง ต่อไปผมจะไม่ซุกซนอีกแล้ว เวลาจุดประทัดผมจะทำภายใต้การดูแลของพวกคุณแน่นอน และจะไม่แอบไปจุดคนเดียวข้างนอกอีก”
“ดีที่รู้ บางครั้งที่ผู้ใหญ่พูดกับลูกอาจฟังดูน่ารำคาญ แต่ไม่มีคำไหนที่พูดเล่นๆ ทุกคำมีประโยชน์ ลูกต้องฟังให้ดีนะ ดูแลตัวเองให้ดี”
หลินเซี่ยส่งสายตาให้เขา เป็นสัญญาณบอกให้เขารู้
หู่จือเข้าใจความหมายของหลินเซี่ย รีบเดินไปหน้าเฉินเจียเหอ ก้มหน้าพูดเสียงอ่อย “พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว พ่อทำถูกแล้วให้ผมยืนรับโทษ ต่อไปผมจะไม่เข้าไปดูใกล้ๆ ตอนจุดประทัดอีก”
เฉินเจียเหอกินเมล็ดแตงโมพลางชายตามองเขาอย่างเรียบเฉย
“วางใจได้ ต่อไปลูกไม่มีโอกาสจุดประทัดอีกแล้ว”
หู่จือ “!!!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ หู่จือมองไปทางหลินเซี่ยอย่างขอความช่วยเหลือ ช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ไม่ให้เขาจุดประทัดได้อย่างไร?
เด็กๆ คนอื่นในชุมชนบ้านพักทหารก็จุดกัน แถมพวกเขายังจุดพลุและประทัดลูกใหญ่ด้วย
“เรื่องนี้แม่ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ใครใช้ให้ลูกไม่ทำตามกฎล่ะ? ในเมื่อตอนนี้พ่อไม่ให้จุดประทัดแล้ว ลูกก็อยู่เฉยๆ ไปเถอะ”
หู่จือรู้สึกเหมือนชีวิตไม่มีความหมายอีกต่อไป
ไม่ได้จุดประทัด บรรยากาศปีใหม่ก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
กินของอร่อยเขาก็เบื่อแล้ว เงินอั่งเปาก็เก็บไว้แล้ว จะกินลูกอมก็กลัวฟันผุจนไม่กล้ากิน ความสนุกของวันปีใหม่เลยมีแค่การจุดประทัดอย่างเดียว ตอนนี้ยังถูกริบสิทธิ์ไปอีก
ความสุขหายไปในพริบตา
…
พอถึงช่วงบ่ายที่บ้านตระกูลเซี่ย หลิวกุ้ยอิงก็ทำบะหมี่ซอสถั่วเหลือง หลังจากทุกคนกินเสร็จก็เตรียมตัวแยกย้ายกันกลับ
เฉินเจียเหอและคนอื่นๆ ขึ้นรถของเย่ไป๋ ส่วนเซี่ยไห่ไปส่งลินดา
ลินดาอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยได้สองวันก็ทนไม่ไหว อยากกลับบ้านตัวเอง
พวกเขาเพิ่งจะไป หลินจินซานกับชุนฟางก็กลับมาจากการไปเยี่ยมบ้านพ่อตาพอดี
เขาถูกชุนฟางขี่มอเตอร์ไซค์พากลับมา
เมื่อเห็นหลินจินซานเมา หลิวกุ้ยอิงเดิมทีอยากจะบ่น แต่ถูกเซี่ยเหลยห้ามเอาไว้
เซี่ยเหลยห้ามหล่อนไว้ “เขยใหม่ก็ต้องดื่มเหล้าสิ ถ้าไม่มีใครรินเหล้าให้เขา แสดงว่าเขาไม่มีมนุษยสัมพันธ์ ดื่มเหล้าถึงจะถือว่ายอมรับสถานะของเขา”
เมื่อได้ฟังเซี่ยเหลยอธิบายเช่นนั้น หลิวกุ้ยอิงก็กลืนคำพูดที่จะออกมาจากปากกลับเข้าไป
ในตอนนี้เมื่อฟังคำพูดของเซี่ยเหลย หล่อนก็อดนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยแต่งงานกันในชนบท และพวกเขาไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านตระกูลหลินไม่ได้
อย่าว่าแต่เหล้าเลย แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ได้กิน
ในตอนนั้น ลึกๆ ในใจของลูกสาวและลูกเขยคงจะรู้สึกผิดหวังและเศร้าใจมาก
พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้รับความสนใจ แต่ยังต้องช่วยหล่อนโต้เถียงกับหลินเอ้อร์ฝูและคนอื่นๆ อีกด้วย
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ได้ออกจากสถานที่นั้นมาพร้อมกับหลินเซี่ย เมื่อนึกถึงชีวิตในอดีต หล่อนยังคงรู้สึกอึดอัด
หล่อนพูดกับชุนฟางว่า “ชุนฟาง ช่วยพาจินซานเข้าไปนอนในห้องเร็ว”
หลิวกุ้ยอิงต้มน้ำแกงแก้เมาให้หลินจินซาน แล้วให้ชุนฟางนำเข้าไปให้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฟังพี่เหอก่อนทุกคน พี่เหอไม่ลงโทษลูกโดยไม่มีเหตุผลหรอก
ไหหม่า(海馬)