ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 905 ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้เชื่อมโยงกัน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 905 ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้เชื่อมโยงกัน
ตอนที่ 905 ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้เชื่อมโยงกัน
ในช่วงไม่กี่วันต่อมา หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอเริ่มไปเยี่ยมญาติคนอื่นๆ อีกครั้ง
นอกจากผู้อาวุโสฝ่ายเฉินเจียเหอที่ต้องไปอวยพรปีใหม่แล้ว พวกเขายังให้ความสำคัญกับการไปเยี่ยมบ้านเซี่ยหลานเป็นพิเศษ
เซี่ยหลานถือเป็นญาติฝ่ายหญิงของเธอ และเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับเธอ หลินเซี่ยจึงจำเป็นต้องจัดให้เซี่ยหลานอยู่ในลำดับต้นๆ
ในบ้านมีแค่เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้หลง แม้จะติดบทกลอนคู่และตกแต่งบ้านให้มีบรรยากาศเทศกาลปีใหม่ แต่ก็ยังดูเงียบเหงาเพราะมีคนน้อย
เมื่อเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยพาลูกสองคนมาเยี่ยม บ้านก็กลับมาคึกคักขึ้นทันที
เช้านี้หลินเซี่ยโทรศัพท์มาบอก เซี่ยหลานกับเสิ่นอวี้หลงก็รอคอยพวกเขามาตั้งแต่เช้าแล้ว
พอเด็กสองคนเข้าประตูมา เสิ่นอวี้หลงก็อุ้มเสี่ยวหู่ขึ้นมา ให้เรียกเขาว่าน้า
ล่าสุดเสี่ยวหู่ได้รับการสอนจากหลินจินซาน จึงออกเสียงคำว่าน้าได้จริงๆ
เมื่อเสิ่นอวี้หลงได้ยินเสียงเล็กๆ ของเสี่ยวหู่ที่คล้ายจะเรียกเขาว่าน้า เขาก็ดีใจอุ้มเด็กน้อยเข้าบ้านแล้วพูดกับเซี่ยหลาน ว่า “แม่ครับ แม่ได้ยินไหม?”
หู่จือก็เรียกเขาว่าลุงเช่นกัน เสิ่นอวี้หลงดูเหมือนจะจมอยู่ในความสุขที่เสี่ยวหู่เรียกเขาว่าน้า จนไม่ค่อยสังเกตว่าหู่จือเรียกเขา
เซี่ยหลานหยิบขนมและลูกอมมากมายให้เด็กๆ เสิ่นอวี้หลงหาของเล่นเล็กๆ สองชิ้นมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วยัดใส่มือเสี่ยวหู่
เสิ่นอวี้หลงดูผอมลงไปมากกว่าเดิม บอกว่าเรียนหนัก ช่วงปีใหม่ก็อ่านหนังสือตลอด
เซี่ยหลานหัวเราะ พลางบอกหลินเซี่ยว่าถ้าพวกเขาไม่มา เสิ่นอวี้หลงก็คงจะสละเวลาแค่ครึ่งวันเพื่อวางหนังสือ
ไม่อย่างนั้นเขาก็จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องกระทั่งในวันปีใหม่
เมื่อวานไปอวยพรปู่ย่าตายาย ตอนกลางคืนกลับมาก็จมอยู่กับหนังสืออีก
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของเซี่ยหลานแล้วรู้สึกสงสารเสิ่นอวี้หลง เธอยิ้มพลางพูดว่า “อวี้หลง ตอนนี้ปีใหม่อยู่นะ นายก็ผ่อนคลายบ้างสิ อย่าบีบคั้นตัวเองมากนัก”
สภาพร่างกายของเสิ่นอวี้หลงไม่เหมือนนักเรียนคนอื่น ยังต้องระวังอยู่บ้าง
“พี่สาว ไม่เป็นไรหรอก ผมอยู่เฉยๆ ก็เบื่อ ไม่เรียนก็ไม่รู้จะทำอะไร” เขาพูดถึงตรงนี้แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้บรรยากาศปีใหม่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
เสิ่นอวี้หลงนึกถึงความทรงจำวัยเด็กอย่างห้ามใจไม่ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
หลินเซี่ยกลับไม่รู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดของเขาสักเท่าใด
เธอแทบจะจำไม่ได้เลยว่าบรรยากาศและสถานการณ์ในบ้านสกุลเสิ่นเมื่อก่อนเป็นอย่างไร
ต่อให้นึกถึงมันได้ เธอก็คร้านจะนึกถึง
มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีอะไร
ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้เชื่อมโยงกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องที่เติบโตมาภายใต้ชายคาเดียวกัน
ช่วงเวลาแห่งความสุขในวัยเด็กที่เสิ่นอวี้หลงคิดถึง สำหรับเธอแล้วก็แค่นั้น
แม้เธอจะเคยได้รับเงินอั่งเปาเมื่อก่อน แต่เธอรู้ว่านอกจากเซี่ยหลานแล้ว คนอื่นๆ ล้วนให้อย่างฝืนใจ
และจำนวนเงินที่ให้เธอก็มีเพียงครึ่งหนึ่งที่เสิ่นอวี้หลงกับเสิ่นเสี่ยวเหมยได้รับเท่านั้น
ตอนเด็กๆ แม้เธอจะโง่ แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงการปฏิบัติที่แตกต่างอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
หลินเซี่ยมองดูความคิดถึงและความเหงาในดวงตาของเสิ่นอวี้หลงในตอนนี้ จิตใจของเธอสงบและชาด้าน
“พี่ครับ จริงๆ แล้วพวกเราควรไปเยี่ยมคุณปู่นะครับ” ในขณะที่เซี่ยหลานและเฉินเจียเหอกำลังยุ่งอยู่ในครัว เสิ่นอวี้หลงก็มองดูเซี่ยหลาน และเสนอความต้องการนี้อีกครั้ง
แม่ของเขาไม่ให้เขาไปเยี่ยมคุณปู่ ประกอบกับการเรียนที่หนักหน่วง เขาจึงไม่ได้ไปอีกเลย
แต่ในช่วงปีใหม่นี้ เสิ่นอวี้หลงกลับนึกถึงภาพความอบอุ่นของครอบครัวในอดีต เขารู้สึกคิดถึงคุณปู่อย่างกะทันหัน
แม้กระทั่งคิดถึงเสิ่นเถี่ยจวินด้วย
พวกเขาล้วนเป็นญาติของเขาทั้งนั้น
ทำไมชีวิตถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?
“อวี้หลง ถ้านายอยากไปก็ไปเถอะ แต่อย่าชวนฉัน” หลินเซี่ยมองเขาอย่างจริงจัง น้ำเสียงก็เคร่งขรึมและจริงจังมาก “ฉันเคยบอกแล้วว่าว่าฉันไม่อยากมีเรื่องเกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น”
“นายไปเยี่ยมเยียนพวกเขาเถอะ ฉันไม่มีความเห็นอะไร และก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอความเห็นด้วย ฉันแค่อยากรักษาความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างพวกเรา ไม่อยากทำให้ตัวเองต้องลำบากใจ”
ตอนนี้เธอสามารถเผชิญหน้ากับใครก็ตาม เผชิญกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างสงบและทำตามใจตัวเอง กล้าที่จะปฏิเสธอย่างกล้าหาญ
เสิ่นอวี้หลงถูกเธอปฏิเสธอย่างหนักแน่นเช่นนั้น สีหน้าของเขาฉายแววผิดหวัง
เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถโน้มน้าวหลินเซี่ยได้
เขาไม่ควรมีความหวังใดๆ เลย
หลินเซี่ยไม่ใช่หลินเซี่ยคนเดิมที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองอีกต่อไป
ตอนนี้เธอทั้งแข็งแกร่งและมั่นใจ
เสิ่นอวี้หลงไม่พูดอะไรอีก
เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หลินเซี่ยก็ไม่อยากทำให้อารมณ์ของทุกคนเสีย เธอจึงยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา คุยกับเสิ่นอวี้หลงถึงเรื่องตลกๆ ที่หู่จือถูกทำโทษให้ยืนสำนึกผิดในวันที่สองของปีใหม่
พวกเขาอยู่ที่บ้านเซี่ยหลานจนถึงบ่าย เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยก็เตรียมตัวจะกลับ เสิ่นอวี้หลงอยู่กินข้าวกับพวกเขาจนเสร็จแล้วก็กลับห้องไปอ่านหนังสือ
หลินเซี่ยรู้สึกได้ว่าเสิ่นอวี้หลงมีความห่างเหินกับพวกเขาอยู่บ้าง
เธอรู้ดีว่าผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเถี่ยจวินตามใจเสิ่นอวี้หลงมาตั้งแต่เด็ก เสิ่นอวี้หลงจะสามารถตัดพวกเขาออกจากใจได้อย่างไร
เหมือนที่เธอบอกกับเสิ่นอวี้หลง เธอไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นหรือก้าวก่ายเขา
แต่ในใจเธอก็ยังคงมีความระแวดระวังและป้องกันตัวต่อการอยู่ร่วมกับเสิ่นอวี้หลงน้องชายคนนี้อยู่
………
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทุกคนต่างยุ่งกับการไปเยี่ยมญาติและอวยพรปีใหม่ หลังจากหลินเซี่ยไปอวยพรผู้ใหญ่ที่สำคัญแล้ว เธอก็เริ่มวุ่นวายกับการจัดการงาน
ยังไม่ถึงวันที่สิบห้าเดือนแรก ร้านเช่าชุดแต่งงานก็เปิดแล้ว หยางหงเสียกับหลินเยี่ยนเริ่มเข้างานแล้ว
ส่วนที่ร้านเสริมสวยในเดือนแรกแทบไม่มีลูกค้าเลย เนื่องจากความเชื่อพื้นบ้านที่ว่าตัดผมในช่วงปีใหม่จะทำให้ญาติตาย แถมชุนฟางก็เพิ่งแต่งงาน หลินเซี่ยจึงให้หล่อนหยุดพักผ่อนเป็นพิเศษอีกระยะหนึ่ง
รอจนถึงปลายเดือนแรกค่อยกลับมาทำงาน ให้เด็กฝึกงานสองคนดูแลร้านก็พอ
ร้านค้าอื่นๆ ก็ทยอยเปิดประตูกันแล้ว ส่วนห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ก็เปิดทำการตามปกติทันทีหลังจากวันที่ห้าของเดือนแรกผ่านไป
ลู่เจิ้งอวี่บอกว่าชายชื่อเซี่ยปิงมาที่ห้องเต้นรำในวันแรกที่เปิดทำการ เขาดื่มเหล้าไปมากมาย และนั่งอยู่จนกระทั่งร้านปิดจึงจากไป
เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินข่าวนี้ เขาเพียงแค่ตอบรับเบาๆ ด้วยเสียงอืมเท่านั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครอยากไปเยี่ยมคนเลวพวกนั้นก็ไปเยี่ยมเลย เซี่ยเซี่ยไม่ไปแน่นอน เจ็บครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
ไหหม่า(海馬)
………………..