ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 906 โปรดอย่าดูถูกผม
ตอนที่ 906 โปรดอย่าดูถูกผม
สำหรับนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของกิจการ การทำเงินและทำธุรกิจสำคัญกว่าการฉลองปีใหม่มาก
หลังจากวันที่ 11 เดือนแรกตามปฏิทินจันทรคติผ่านไป อากาศเริ่มอุ่นขึ้น หลินเซี่ยและเซี่ยไห่ก็คิดว่าถึงเวลาเริ่มก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนแล้ว
คนงานก่อสร้างชุดนี้ล้วนเป็นคนที่อู๋เซิ่งหงส่งมาจากเซินเจิ้น มีบริษัทก่อสร้างที่รับเหมาโรงแรมใหญ่ในเซินเจิ้นเป็นผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่ผู้จัดการโครงการไปจนถึงคนงานล้วนมีความเชี่ยวชาญและขยันขันแข็งมาก พอมาถึงเมืองไห่เฉิงก็เริ่มวางแผนการทำงานทันที
ใช้แบบแปลนตามที่เฉินเจียวั่งออกแบบไว้
เมื่อทุกอย่างพร้อม หลังจากเทศกาลโคมไฟในวันที่ 15 เดือนแรกผ่านไป ก็เริ่มลงมือก่อสร้าง
เซี่ยไห่สนใจธุรกิจก่อสร้างมากในตอนนี้ ดังนั้นช่วงแรกเขาจึงไปควบคุมดูแลที่หน้างานทุกวัน
ปีที่แล้วขุดฐานรากเสร็จแล้ว ตอนนี้เริ่มงานโครงสร้างได้เลย
วันนี้ ขณะที่เซี่ยไห่กำลังคุยกับผู้รับผิดชอบหน้างานเกี่ยวกับปัญหาคอนกรีต เขาเหลือบไปเห็นเงาคนๆ หนึ่งเดินไปเดินมาอยู่นอกประตูใหญ่ของพื้นที่ก่อสร้าง
เขาเจรจากับผู้รับผิดชอบที่หน้างานเสร็จแล้ว และตรวจตราดูความคืบหน้าของงานก่อสร้างอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าผู้จัดการโครงการและผู้รับผิดชอบทั้งหลายล้วนมีความเชี่ยวชาญจนเขาไม่จำเป็นต้องขมวดคิ้วอยู่ที่หน้างาน เซี่ยไห่จึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องเต้นรำ
ขณะที่เขาเดินออกมาจากประตูใหญ่ของสถานที่ก่อสร้าง ก็เห็นร่างที่เขาเหลือบเห็นก่อนหน้านี้ยังคงเดินวนเวียนอยู่ริมถนน
อีกฝ่ายหันหลังให้เขา แต่เซี่ยไห่รู้สึกว่าร่างนั้นดูคุ้นตาอยู่บ้าง
เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้ ถือกุญแจรถพลางฮัมเพลงเตรียมจะเปิดประตูรถ
ทันทีที่เขาเพิ่งหยิบกุญแจรถและเปิดประตู กำลังจะขึ้นรถ ร่างที่อยู่ริมถนนนั้นก็หันมาและเห็นเขาเช่นกัน
อีกฝ่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าอันหนักอึ้งเดินเข้ามาทักทายเขา
“สวัสดีครับเถ้าแก่เซี่ย”
ชายคนนั้นมองเซี่ยไห่ด้วยสายตาที่หลบเลี่ยงอยู่บ้าง แม้แต่จะมองตาเขาตรงๆ ก็ไม่กล้า เขาทักทายเสร็จแล้วก็ก้มหน้าลงอย่างเก้ๆ กังๆ
เซี่ยไห่ได้ยินเสียงคนทักทาย เขาหันกลับไปมองร่างที่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา งงอยู่สองวินาทีก่อนจะจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เซี่ยไห่มองชายคนนั้น สีหน้าฉายแววระแวง แต่ก็ยิ้มทักทาย “โอ้ พี่หวัง มาทำอะไรที่นี่หรือ?”
เซี่ยไห่มองสำรวจเขา หรี่ตาถาม “เดินดู? ที่นี่มีอะไรให้ดูล่ะ? พี่หวัง อย่าคิดทำอะไรไม่ดีอีกนะ ดูสิ พวกเราเริ่มก่อสร้างแล้ว ถ้าคุณมารบกวนหรือขัดขวางการทำงานของพวกเราอีก ผมจะแจ้งตำรวจจริงๆ แล้ว”
เซี่ยไห่มองเขาด้วยสีหน้าจริงจังและเตือน “ก่อนหน้านี้ผมเห็นแก่หน้าแม่ของคุณ จึงไว้หน้าคุณหน่อย แต่ถ้าคุณทำให้เราเสียผลประโยชน์จริงๆ ด้วยการขัดขวางการก่อสร้าง ผมจะไม่เกรงใจใครทั้งนั้น ถ้าคุณกล้าป่วน ผมก็กล้าส่งคุณเข้าคุก คุณเชื่อไหม?”
หวังเว่ยตงฟังคำพูดของเซี่ยไห่ เขาไม่ได้โกรธหรือหุนหันเหมือนตอนที่เจอกันครั้งก่อน
มุมปากเขาฉายแววขมขื่น แล้วอธิบายอย่างสงบ
“เถ้าแก่เซี่ย คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาก่อเรื่องหรอก”
“ไม่ได้มาก่อเรื่องก็ดีแล้ว ผมรู้ว่าคุณเสียดายที่ดินของครอบครัว คุณเดินดูรอบๆ ได้นะ ดูว่าตึกสูงใหญ่นี้จะผุดขึ้นมาจากพื้นดินได้อย่างไร ดูว่าที่ดินของคุณจะปล่อยให้รกร้างดี หรือให้พวกเราใช้ประโยชน์สร้างเป็นโรงเรียนจะดีกว่า?”
เซี่ยไห่รู้สึกสงสารชายคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ ใครกันล่ะจะอยากขายที่ดิน?
ทุกคนต่างก็ไม่มีทางเลือกถึงได้ต้องทำแบบนี้
เซี่ยไห่ก็มีความเป็นมนุษย์มากเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับหวังเว่ยตง “พอเถอะ กลับบ้านกันเถอะ คุณอายุมากกว่าผมอีก โตเป็นผู้ใหญ่หน่อย อย่าทำอะไรที่ทำให้คนแก่ เมีย และลูกต้องกังวลอีกเลย ช่างมันเถอะ ผมคาดว่าคุณคงยังใช้หนี้ไม่หมด ตั้งใจทำงานหาเงินใช้หนี้ซะ”
จริงอยู่ที่หนี้ยังใช้ไม่หมด แม่ชรากำลังป่วย ต้องใช้เงินรักษา ลูกชายกำลังจะเปิดเทอม ก็ต้องใช้เงินลงทะเบียน
ที่บ้านยังมีหนี้สินอีกเล็กน้อยที่ต้องชำระ และหลังจากกลับมาที่เมืองไห่เฉิง เขาก็พบว่าการหางานที่มีเงินเดือนดีๆ นั้นยากเหลือเกิน
เขาไม่มีชามข้าวเหล็ก และยังไม่มีฝีมือ
แต่ก่อนเคยเป็นสัตวแพทย์ ก็รู้แค่การรักษาสัตว์ ตอนนี้อยากกลับไปทำงานที่สถานีสัตวแพทย์ แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการเขาอีกแล้ว
มองดูวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งผ่านไปแล้ว ค่าลงทะเบียนของลูกชายยังไม่มี แม่ชราลากสังขารที่อ่อนแอทุกวัน เขาก็ทนดูไม่ได้จริงๆ
เซี่ยไห่พูดจบก็ขึ้นรถ ตั้งใจจะสตาร์ทรถแล้วออกไป
หวังเว่ยตงเงยหน้าขึ้น แต่จู่ๆ ก็ขวางหน้ารถไว้
“เถ้าแก่เซี่ย รอเดี๋ยว”
เขามองเข้าไปในรถด้วยความหวังไปยังเซี่ยไห่
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนจะไม่กล้าเอ่ยปาก สุดท้ายก็ลูบหน้าตัวเอง ตัดสินใจบางอย่างและรวบรวมความกล้าพูดกับเขาว่า “เถ้าแก่เซี่ย ที่นี่ยังขาดคนอยู่ไหมครับ? ผมอยากหางานทำที่นี่”
หวังเว่ยตงยังคงมีท่าทางอึดอัด พยักหน้าและพูดว่า “ครับ แม่ของผมบอกว่าคุณเคยสัญญากับท่านไว้ว่า ถ้าผมอยากทำงานที่นี่ คุณจะให้งานผมสักตำแหน่ง”
ตอนแรกหวังเว่ยตงยังรู้สึกเขินอายที่จะพูด แต่พอได้บอกความต้องการและความลำบากของตัวเองออกไปแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกอายอีกต่อไป
เมื่อเทียบกับความยากลำบากของครอบครัวเขาและชีวิตที่ขัดสนในตอนนี้ การขอให้คนอื่นให้งานทำมันเป็นเรื่องน่าอายตรงไหนกัน?
เขาต้องการทำมาหากินด้วยกำลังของตัวเอง ไม่ใช่ขอทาน
“คุณจริงจังเหรอ?” เซี่ยไห่นั่งอยู่ในรถ มือข้างหนึ่งเท้าคาง มองหวังเว่ยตงอย่างสบายๆ และถาม
“จริงจังครับ ผมอยากทำงานที่นี่”
คนคนนี้ยอมมาทำงานที่ไซต์งานของพวกเขาจริงๆ เหรอ?
ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อก่อนทุกคนก็มีเรื่องไม่สบอารมณ์กัน เซี่ยไห่จึงมีความกังวลของเขาเอง
เขามองหน้าหวังเว่ยตงแล้วถาม
คำพูดของเซี่ยไห่ทำให้หวังเว่ยตงรู้สึกถูกดูถูก เขาจ้องเซี่ยไห่ด้วยอารมณ์โกรธ แล้วพูดว่า “เถ้าแก่เซี่ย คุณหมายความว่ายังไง? ผมหวังเว่ยตงอาจไม่มีความสามารถมากนัก แต่อย่างน้อยผมก็มีจรรยาบรรณขั้นพื้นฐาน ก่อนหน้านี้ที่ผมไม่เห็นด้วยกับแม่ของผมเรื่องซื้อที่ดิน และอยากเอาที่ดินกลับคืน ผมก็คิดจะใช้วิธีการที่ถูกต้อง ไม่ใช่แอบทำอะไรลับหลัง ถึงคุณไม่อยากให้งานผมทำก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้เคารพผมหน่อย”
สีหน้าของหวังเว่ยตงดูจริงจังมาก
เมื่อครู่เขาไม่กล้าสบตากับเซี่ยไห่ แต่ตอนนี้ขณะที่กำลังแก้ต่างให้ตัวเอง เขามองเซี่ยไห่ด้วยสายตาที่มั่นคงและคมกริบ
เซี่ยไห่ตกใจกับสายตาของเขา
และรู้สึกได้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นรุนแรงเกินไป
เซี่ยไห่เก็บท่าทีเย้ยหยันลง มองเขาและอธิบายอย่างจริงจัง “พี่หวัง อย่าเพิ่งร้อนรนไปเลย นี่เป็นโครงการใหญ่ การรับคนเข้าทำงานมีข้อกำหนดที่เข้มงวดในทุกด้าน อีกทั้งคุณก็มีความสัมพันธ์พิเศษกับที่ดินผืนนี้ และเราก็เคยมีปัญหากันมาก่อน ใช่ไหม? สิ่งที่ผมควรถามผมก็ต้องถามให้ชัดเจน ผมเป็นนักธุรกิจ ผลประโยชน์ต้องมาก่อน โปรดเข้าใจด้วย”
หวังเว่ยตงทำหน้าบึ้ง สีหน้าเคร่งเครียด “ผมเข้าใจดี แต่ขอร้องเถ้าแก่เซี่ยว่าคราวหน้าพูดจาให้เคารพพวกเราชาวบ้านยากจนบ้าง”
“ถ้าคุณไม่เชื่อใจผมก็ช่างเถอะ ถือว่าวันนี้ผมไม่ได้มาที่นี่”
พูดจบ เขาก็จะหันหลังเดินจากไปด้วยนิสัยดื้อรั้น
“พี่หวัง รอก่อน”
เซี่ยไห่เรียกเขาไว้
เขาเปิดประตูรถเดินลงมา เดินไปขวางหน้าหวังเว่ยตงไว้
จากนั้นล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้หนึ่งมวน
เซี่ยไห่มองเขาอย่างอ่อนใจแล้วพูดเสียงเบา “ดูสิ ทำไมคุณอารมณ์ร้อนแบบนี้? ไม่มีความอดทนเลย ทนไม่ได้แม้แต่ความไม่พอใจเพียงนิดเดียว พวกเราอายุปูนนี้แล้ว ใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว มีความทุกข์อะไรที่ไม่เคยผ่านมา? ผมพูดแค่สองประโยคคุณก็ทนไม่ได้ ดูเหมือนชีวิตยังไม่ลำบากพอ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความจนมันน่ากลัว และยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีกถ้ามีหนี้ที่ต้องใช้
รอลุ้นว่าหวังเว่ยตงจะได้ทำงานอะไรเลย
ไหหม่า(海馬)