ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 915 ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ
ตอนที่ 915 ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ
ทางด้านโจวลี่หรงกลับถึงบ้านแล้ว แน่นอนว่าเฉินเจียซิ่งยังไม่มา
คนอื่นๆ ในบ้านต่างอยู่พร้อมหน้า
เฉินเจียวั่งกำลังฝึกงานที่สถาบันสถาปัตยกรรมในเมืองไห่เฉิง เลิกงานแล้วก็กลับมาบ้านตรงเวลา
“ลี่หรง ทำไมเธอถึงกลับมาล่ะ?” คุณย่าเฉินเห็นโจวลี่หรงกลับมาคนเดียวก็แปลกใจมาก “เสี่ยวหู่ล่ะ? เธอทิ้งหลานไว้แล้วกลับมาคนเดียวแบบนี้ เสี่ยวหู่จะไม่ร้องไห้ตอนกลางคืนหรือ?”
โจวลี่หรงถอดรองเท้าเดินเข้ามา ตอบว่า “แม่ ไม่หรอกค่ะ มีเซี่ยเซี่ยอยู่ด้วย หลานเรียบร้อยดีค่ะ”
หล่อนมองไปรอบๆ บ้าน ไม่เห็นเงาของเฉินเจียซิ่ง จึงถามทุกคนว่า “เจียซิ่งยังไม่มาหรือคะ?”
เฉินเจิ้นเจียงได้ยินดังนั้นก็มองหล่อนด้วยความสงสัย “ดึกขนาดนี้แล้วเจียซิ่งจะมาทำไม?”
โจวลี่หรงเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้พวกเขาฟัง
เฉินเจียวั่งกำลังนั่งดูทีวีกับผู้เฒ่า พอได้ยินคำพูดของแม่ เขาก็แสดงสีหน้าดูถูกออกมาอย่างเห็นชัด และแสดงความเห็นเป็นคนแรก “ถ้าพี่รองของผมยังทำตัวแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานคงถึงคราวชีวิตคู่ครั้งที่สองล่มสลายแน่”
เฉินเจียวั่งจ้องมองโทรทัศน์อย่างไร้อารมณ์ แล้วพูดออกมาอย่างมั่นคง “คุณย่า ผมไม่ได้พูดผิดนะ ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ดูเองสิ”
ตอนแต่งงานกับเสิ่นเสี่ยวเหมยคนเก่งคนนั้น เฉินเจียซิ่งก็ได้แค่เป็นลูกน้องคอยตามหลังเสิ่นเสี่ยวเหมย ถูกใช้งานไปทั่วโดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดังๆ
ตอนนี้แต่งงานกับคนที่เข้าใจเหตุผลและใช้ชีวิตอย่างมั่นคง เขากลับทำตัวเป็นใหญ่เสียเอง
ความสัมพันธ์นี้เหมือนไม้กระดานหก ต้องมีคนขึ้นคนลงเสมอ
ถ้าความสัมพันธ์ของคู่สมรสไม่สมดุล จะมีความสุขได้อย่างไร
เฉินเจิ้นเจียงฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วโกรธจัด สบถออกมา “ไอ้ลูกชาติหมา โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ให้หงเสียไป สมองมีปัญหาหรือไง”
ในฐานะพ่อสามี เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขารู้สึกตื่นเต้นและสนับสนุนมาก
ลูกชายบ้าของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
เมื่อก่อนตอนที่เฉินเจียซิ่งแต่งงานกับหยางหงเสีย ความจริงแล้วครอบครัวของพวกเขาก็มีข้อติติงเกี่ยวกับงานและภูมิหลังของหยางหงเสียอยู่บ้าง
เป็นเพราะคุณสมบัติของหยางหงเสีย และนิสัยที่ขยันขันแข็งของหล่อน พวกเขาจึงตกลงยินยอมกับการแต่งงานครั้งนี้
ตอนนี้มีโอกาสดีๆ ในการศึกษาต่อ ในอนาคตเมื่อหลินเซี่ยสร้างโรงเรียนขึ้นมา หยางหงเสียก็จะมีโอกาสเป็นครูในโรงเรียนนั้น
นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหยางหงเสียเท่านั้น แต่เป็นการเพิ่มเกียรติยศชื่อเสียงของทั้งตระกูลเฉินด้วย
เฉินเจิ้นเจียงกับผู้เฒ่าเฉินมีสีหน้าไม่พอใจ แถมเฉินเจียวั่งยังคอยเติมไฟ โจวลี่หรงจึงรีบปลอบประโลม “พวกคุณอย่าเพิ่งโกรธ เดี๋ยวรอให้เจียซิ่งมาแล้วค่อยคุยกับเขาดีๆ”
คุณย่าเฉินรีบพยักหน้า “ใช่ ทุกคนใจเย็นๆ ไว้ก่อน ไม่งั้นพอเขาเข้ามาแล้วเห็นสีหน้าไม่ดีของทุกคน จะตกใจหนีเตลิดไปเปล่าๆ”
ไม่นานนักก็มีเสียงดังมาจากประตู
เฉินเจียซิ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“แม่ครับ เกิดอะไรขึ้นที่บ้านหรือ? ทำไมให้ผมรีบมาล่ะ?”
เฉินเจียซิ่งเพิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เห็นว่ายกเว้นครอบครัวพี่ใหญ่ที่ไม่มาแล้ว คนอื่นๆ ต่างนั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนดูกระปรี้กระเปร่า ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพ่อดูแย่มาก มองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
ดูท่าทางแล้ว การเรียกเขากลับมาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
เฉินเจียซิ่งหดคอลงเล็กน้อย ถามอย่างระมัดระวัง “มีเรื่องอะไรกันแน่ครับ?”
“มานั่งตรงนี้สิ” โจวลี่หรงเรียกเขา
เฉินเจียวั่งไม่แม้แต่จะมองเฉินเจียซิ่ง แต่ก็ขยับก้นอย่างสุภาพเพื่อเปิดที่ให้เขานั่ง
“พวกเราได้ยินมาว่าหงเสียจะไปเรียนต่อเหรอ?” โจวลี่หรงถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
เฉินเจียซิ่งได้ยินคำพูดของแม่ ดวงตาก็วาววับเล็กน้อย
เอาละ ที่แท้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว
“ครับ พี่สะใภ้ใหญ่บอกแบบนั้น”
เฉินเจียซิ่งตัดสินใจโจมตีก่อน ถึงอย่างไรหงเสียก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจะพูดอะไรก็ไม่มีใครจับโกหกได้
“แต่หงเสียเป็นคนเข้าใจคนอื่น หล่อนเข้าใจความลำบากของพี่สะใภ้ใหญ่ จึงอยากอยู่ช่วยดูแลร้านแทน เมื่อมีโอกาสค่อยไปเรียนต่อ”
เขาปฏิเสธ “ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ”
เฉินเจียวั่งไม่ให้โอกาสเขาแก้ตัวเลย แค่นเสียงเบาๆ “คิดว่าพวกเราไม่รู้จักกันดีหรือไง?”
โจวลี่หรงมองเฉินเจียซิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง พยายามปรับทัศนคติของเขา
“เจียซิ่ง นี่เป็นโอกาสดีในการพัฒนาตัวเอง ลูกต้องสนับสนุนหงเสียสิ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าหล่อนมีลูกมือที่เพิ่งจบการฝึกงานอยู่หลายคน และตัวหล่อนเองก็อยู่ดูแลร้านอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คนเพิ่ม”
ผู้เฒ่าเฉินก็พูดอย่างจริงจัง “เธอต้องใจกว้างหน่อย อย่าคิดอะไรแคบๆ และเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว เธอต้องมองปัญหาให้ไกลกว่านี้ หงเสียเป็นคนรักของเธอ ถ้าหล่อนก้าวหน้า เธอก็จะได้หน้าด้วยไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ใช่แค่เธอ เมื่อหล่อนเรียนจบกลับมา พ่อแม่ของเธอรวมถึงครอบครัวของเราทั้งหมดก็จะได้หน้าด้วย”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือหงเสียชอบงานนี้ ในฐานะครอบครัว เราก็ควรสนับสนุนหล่อนให้พัฒนาตัวเองโดยไม่มีเงื่อนไข ให้หล่อนเก่งขึ้นเรื่อยๆ เธอในฐานะสามีหล่อนไม่ควรถ่วงหล่อนไว้”
“ใช่แล้ว พวกเธอทุกคนล้วนมีอนาคตที่สดใส ต่อไปเมื่ออาสะใภ้รองของเธอมา หล่อนจะยังเยาะเย้ยพวกเธอได้อีกหรือ?”
ผู้อาวุโสต่างพูดคุยกันเพื่อโน้มน้าวความคิดของเฉินเจียซิ่งจนสมองของเฉินเจียซิ่งมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าควรตอบสนองใครดี
หลังจากผู้อาวุโสพูดจบ เฉินเจียวั่ง มองไปที่พ่อแม่ของเขาแล้วพูดเสียงเรียบๆ ว่า “พ่อ แม่ พี่รองของผมกลัวว่าต่อไปถ้าพี่สะใภ้รองมีความสามารถมากกว่าเขา เขาอาจจะถูกเขี่ยทิ้งน่ะครับ”
เฉินเจียซิ่งได้ยินดังนั้นก็กัดฟันกรอดแล้วคำรามเสียงต่ำใส่น้องชายปากร้ายของตัวเอง “ถ้าแกไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ”
เฉินเจิ้นเจียงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจียวั่งพูดผิดตรงไหน? พวกเราจะมองเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ของแกไม่ออกหรือไง?”
เฉินเจียซิ่ง “!!!”
เฉินเจิ้นเจียงมองเขาแล้วสั่งสอน “ฉันขอบอกแกนะ เฉินเจียซิ่ง ความคิดแบบนี้ของแกมันผิดถนัด สามีภรรยาไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบความสามารถกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวหน้า แกอายุเท่าไหร่? ยังไม่ถึงสามสิบเลย นี่แกจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชาติเลยหรือ? แกไม่คิดจะพัฒนาตัวเองบ้างหรือ?”
“พ่อ ผมอยากก้าวหน้า ผมฝันถึงความก้าวหน้าทุกคืน แต่ผมไม่มีความสามารถนี่ครับ ตอนนี้ผมทำงานสองงาน ได้เงินเดือนสองที่ ผมคิดว่ามันก็ดีพอแล้ว แต่ว่าคนรอบตัวผมก้าวหน้าเร็วเกินไป ผมตามพวกเขาไม่ทันเลยครับ”
เขาถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “ผมเพิ่งรู้สึกดีที่ได้เงินเดือนสองที่ อารมณ์ดีขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น รู้สึกว่าสามารถยืดอกในบ้านได้ แต่ตอนนี้หงเสียก็จะไปเรียนต่อ ผมไล่ตามหล่อนไม่ทันแล้วครับ”
“เปรียบเทียบอะไรกัน? มีอะไรให้เปรียบเทียบด้วย?”
เฉินเจิ้นเจียงมองเขาแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “สามีภรรยาใช้ชีวิตด้วยกัน ก็แบ่งงานกันอยู่แล้ว แกสามารถรับผิดชอบงานบ้านมากขึ้น ดูแลบ้านให้มากขึ้นก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ? จำเป็นต้องเปรียบเทียบว่าใครหาเงินได้มากกว่ากันด้วยหรือ?”
เฉินเจียซิ่งรู้สึกว่าพ่อของเขารวมถึงปู่และคนอื่นๆ พูดจาไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาจึงถามกลับด้วยความไม่พอใจว่า “พ่อครับ ในฐานะผู้ชาย พ่อคิดว่าคำพูดแบบนี้น่าเชื่อถือหรือ? ถ้าพ่อหาเงินได้น้อยกว่าแม่ และด้อยกว่าแม่ในทุกด้าน พ่อจะรู้สึกยังไง?”
เฉินเจิ้นเจียงตอบอย่างเด็ดขาดว่า “ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอก ฉันจะสนับสนุนงานของแม่แกเต็มที่ พยายามทำงานเบื้องหลังให้ดี และแน่นอนว่าจะไม่ละทิ้งการพัฒนาตัวเองด้วย”
เฉินเจิ้นเจียงเตือนเขาด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดยิ่ง
“ฉันบอกแกไว้เลยว่าเรื่องนี้แกห้ามขัดขวางหงเสีย ให้พี่สะใภ้ใหญ่ลงทะเบียนให้หงเสียซะ ไม่อย่างนั้นความขัดแย้งระหว่างแกสองคนจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ และในอนาคตอาจจะเป็นจริงตามที่เจียวั่งพูดไว้ ว่าท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่ความล้มเหลว…”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันต้องโดนรุมจากคนในครอบครัวแบบนี้ละเจียซิ่งถึงจะฟัง
ไหหม่า(海馬)