ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 921 ดูสีหน้าประจบประแจงของเขาสิ คงไม่มีอะไรดีแน่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 921 ดูสีหน้าประจบประแจงของเขาสิ คงไม่มีอะไรดีแน่
ตอนที่ 921 ดูสีหน้าประจบประแจงของเขาสิ คงไม่มีอะไรดีแน่
ด้วยนิสัยแบบนี้ของหยางหงเสีย การพูดทางโทรศัพท์คงไม่ได้ผลแน่นอน
หล่อนดูเหมือนเป็นคนเก็บตัว พูดน้อย แต่เมื่อตัดสินใจทำอะไรแล้ว มักจะยึดติดกับความคิดนั้นอย่างง่ายดาย
ความคิดหลายอย่างฝังรากลึก หากต้องการเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาจากรากฐาน
หลินเซี่ยบอกว่าจะไปทำอาหาร แต่โจวลี่หรงให้สะใภ้ทั้งสองนั่งพัก หล่อนจะเป็นคนทำเอง
ในบ้านมีลูกชิ้นสำเร็จรูปที่หลิวกุ้ยอิงเอามาให้ตอนเช้า
โจวลี่หรงแช่วุ้นเส้น หั่นผักบางส่วน แล้วทำจับฉ่าย
จากนั้นก็ลงไปซื้อซาลาเปาขึ้นมาอีกสองสามลูก
หลังจากซื้อซาลาเปาเสร็จและกำลังจะขึ้นบ้าน หล่อนก็ตั้งใจรออยู่ข้างล่างสักสองสามนาที เพื่อรอเฉินเจียซิ่ง
เฉินเจียซิ่งขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในชุมชน
“แม่ครับ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหงเสียถึงไม่ยอมสมัครอีกล่ะ?”
โจวลี่หรงมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แม่ก็อยากถามแกเหมือนกัน เมื่อคืนแกกลับไปพูดอะไรกับหงเสียกันแน่? แสร้งทำเป็นเห็นด้วย แต่จงใจให้หล่อนรู้ว่าแกถูกบังคับใช่ไหม? เพื่อให้หล่อนเป็นห่วง ทิ้งแกไม่ลง แล้วตัดสินใจยกเลิก?”
โจวลี่หรงก็พอจะเข้าใจนิสัยลูกชายของตัวเองอยู่บ้าง
ไอ้หนูนี่จับจุดอ่อนของหยางหงเสียได้แม่นยำ
หยางหงเสียเองก็เป็นภรรยาที่อ่อนโยนและรักครอบครัว ทั้งยังมีความคิดที่บริสุทธิ์
แค่เฉินเจียซิ่งใช้กลเล็กน้อยต่อหน้าหล่อน หยางหงเสียก็ถูกเขาหลอกจนหัวปั่น
“แม่ครับ แม่คิดว่าผมเป็นคนแบบไหนกันแน่?” เฉินเจียซิ่งมองแม่ของเขาอย่างไม่พอใจ แต่ในใจก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
เหมือนว่าเขาจะแสดงท่าทางน้อยใจและจนใจบางอย่างต่อหน้าหยางหงเสีย
ผู้หญิงโง่คนนั้นมักจะใส่ใจความรู้สึกของเขาเสมอ
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจำใจต้องยอมให้หยางหงเสียไปศึกษาต่อ แต่ในตอนนี้ หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของแม่ ในใจของเขานอกจากจะรู้สึกซาบซึ้งแล้ว ยังรู้สึกละอายใจด้วย
หล่อนมักจะให้ความสำคัญกับเขาเป็นอันดับแรกเสมอ และคอยใส่ใจความรู้สึกของเขาตลอด
ผู้หญิงที่ดีขนาดนี้จะทิ้งเขาไปเพราะถูกล่อลวงด้วยสิ่งยั่วยวนได้อย่างไร
เมื่อเข้าไปในบ้าน หลินเซี่ยก็บอกว่าจับฉ่ายสุกแล้ว เธอกำลังตักใส่ชาม พอเห็น เฉินเจียซิ่งมา ก็หยิบชามอีกใบมาตักให้เขาด้วย
เฉินเจียซิ่งเข้ามาแล้วก็นั่งลงข้างหยางหงเสีย เขาอุ้มเสี่ยวหู่จากอ้อมแขนของ หยางหงเสีย แล้วถามตรงประเด็นว่า “หงเสีย ผมก็ตกลงให้คุณไปศึกษาต่อแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ”
“มากินข้าวก่อนเถอะ คุยไปกินไป”
โจวลี่หรงอุ้มเสี่ยวหู่ไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตัวของเขา แล้วตักลูกชิ้นใส่ชามเล็กๆ ของเด็ก ป้อนให้เขากิน
“พี่สะใภ้ อย่าไปฟังหงเสียเลย ลงทะเบียนให้หล่อนเลย ผมสนับสนุนหล่อนจริงๆ นะ สนับสนุนหล่อนเต็มที่”
หลินเซี่ยกินข้าวไป ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนักกับคำพูดของเฉินเจียซิ่ง “กินข้าวเถอะ กินเสร็จแล้วพวกนายค่อยปรึกษากัน ตกลงกันได้แล้วค่อยบอกผลให้ฉันรู้ก็พอ”
การตอบสนองของหลินเซี่ยทำให้เสียงเตือนภัยดังขึ้นในใจของเฉินเจียซิ่ง เขามองไปที่หยางหงเสียด้วยสีหน้าตำหนิ
หลังจากกินอาหารเสร็จก็ถึงเวลานอนกลางวันของเสี่ยวหู่ หลินเซี่ยอุ้มเสี่ยวหู่เข้าไปในห้องนอน บอกว่าให้พวกเขาค่อยๆ ปรึกษากัน แล้วค่อยบอกผลให้เธอทราบทีหลัง
“หงเสีย เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องปรึกษากันอีกแล้ว สมัครเลย” เฉินเจียซิ่งพูด “ความกังวลที่ผมเคยมีตอนนี้หมดไปแล้ว ผมเชื่อใจคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข ผู้หญิงโง่แบบคุณ นอกจากผมแล้วใครจะเอาคุณล่ะ? ชาตินี้พวกเราจะไม่แยกจากกัน ผมยังมั่นใจในความรักของพวกเรามาก”
“คุณสมัครไปเรียนอย่างสบายใจเถอะ ผมก็จะตั้งใจทำงาน ผมรู้สึกว่าทักษะการถ่ายภาพของผมดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าวันไหนอาจจะมีคนชื่นชม และเสนอตำแหน่งงานที่ดีกว่าให้ผมก็ได้”
หยางหงเสียมองประตูห้องนอนของหลินเซี่ย แล้วขมวดคิ้วส่งสัญญาณให้เฉินเจียซิ่งไม่ให้พูดส่งเดช
“งานที่พี่สะใภ้เสนอให้คุณมันไม่ดีหรือไง? อย่าเนรคุณแบบนี้ได้ไหม?”
โจวลี่หรงที่อยู่ข้างๆ ก็จ้องมองเฉินเจียซิ่งผู้เนรคุณด้วยสายตาตำหนิ
“ผมหมายถึง ถ้ามีงานถ่ายภาพแบบเต็มเวลาที่เป็นทางการ ผมก็จะลาออกจากงานผู้ดูแลฝ่ายการตลาด”
เฉินเจียซิ่งจินตนาการว่า ถ้าได้บุกเข้าไปในวงการบันเทิงเป็นช่างภาพก็จะดีกว่า งานนั้นฟังดูหรูหราน่าสนใจ
เขาได้ติดต่อกับอาจารย์จางซ่วนแล้ว โดยแนะนำอย่างอ้อมๆ ว่าถ้าอาจารย์รู้จักงานที่น่าเชื่อถือ ก็หวังว่าจะช่วยแนะนำให้เขาด้วย
ตอนนี้จางซ่วนยังไม่ได้ตอบกลับมา
โจวลี่หรงได้ยินเฉินเจียซิ่งพูดถึงเรื่องลาออกอีกครั้ง สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เตือนเขาว่า “แกห้ามมีความคิดเหลวไหลนะ งานนี้ห้ามลาออกเด็ดขาด ลืมครั้งที่แล้วที่พูดเรื่องลาออกแล้วพ่อจะตีแกไปแล้วหรือยังไง? ถ้าลาออกแกก็จะกลายเป็นคนว่างงาน เป็นผู้ชายตัวโตซะเปล่าแต่ไม่มีงานที่น่าเชื่อถือ คิดว่ามันเหมาะสมหรือ?”
เฉินเจียซิ่งถูกแม่ดุ ได้แต่เบ้ปากแล้วเงียบไป
หลังจากที่หลินเซี่ยกล่อมลูกให้หลับแล้ว เธอก็เดินออกมาจากห้องนอน
เฉินเจียซิ่งเห็นหลินเซี่ยก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วเชิญให้เธอนั่ง
“พี่สะใภ้ครับ พวกเราได้ปรึกษากันแล้ว และตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว ผมสนับสนุนให้หงเสียไปเรียนต่อ คุณช่วยสมัครให้หล่อนด้วยนะครับ”
เฉินเจียซิ่งพูดจบก็ดึงแขนหยางหงเสียให้หล่อนแสดงความคิดเห็น
หยางหงเสียมองหลินเซี่ย ดูเหมือนว่าหล่อนตัดสินใจอย่างหนักแน่นแล้ว “พี่สะใภ้คะ งั้นช่วยสมัครให้ฉันด้วยนะคะ”
หลินเซี่ยมองพวกเขาด้วยหางตา แล้วถามว่า “แน่ใจนะ?”
หยางหงเสียพยักหน้าหนักแน่น “แน่นอนค่ะ”
“งั้นก็ได้” หลินเซี่ยมองดูสามีภรรยาคู่นี้ น้ำเสียงอ่อนลง “ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ต้องมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนทำไม”
โจวลี่หรงก็พูดเสริมข้างๆ “ใช่แล้ว ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว ต่อไปพวกแกต้องมีวุฒิภาวะให้มากกว่านี้ เจอปัญหาอะไรก็ปรึกษากับทุกคน อย่าใช้แต่อารมณ์”
หลินเซี่ยถามย้ำกับสามีภรรยาคู่นี้อีกครั้งว่าจะลงทะเบียนหรือไม่ ถ้าเธอลงทะเบียนให้ที่เซี่ยงไฮ้แล้วก็ต้องไปเรียนต่อ
หยางหงเสียมองเฉินเจียซิ่งอย่างลังเล รอให้เขาแสดงท่าที เฉินเจียซิ่งพูดอย่างเด็ดขาด “พี่สะใภ้ พวกเราตัดสินใจแล้ว คุณลงทะเบียนให้หงเสียเถอะ”
“ฉันขอประกาศก่อนว่าเรียนจบกลับมาแล้วต้องทำงานกับฉัน เชื่อฟังคำสั่งฉันทุกอย่าง ถ้าเรียนจบแล้วลาออกไม่ทำ ก็อย่าไปเรียนเลยจะดีกว่า”
หยางหงเสียรับปากอย่างมั่นคง “พี่สะใภ้ ฉันจะทำงานกับคุณแน่นอนค่ะ”
หลินเซี่ยตอบรับ “งั้นก็ได้”
เธอโทรไปที่สำนักงานรับสมัครนักศึกษาที่เซี่ยงไฮ้ ลงทะเบียนให้ชุนฟาง หลินเยี่ยน และหยางหงเสียทั้งสามคน หลังจากลงทะเบียนแล้ว ทางนั้นบอกให้หลินเซี่ยส่งข้อมูลของพวกหล่อนทางจดหมาย เริ่มเรียนอย่างเป็นทางการวันที่ 1 เมษายน ให้พวกหล่อนไปถึงก่อนสองวันเพื่อจัดการเรื่องที่พัก
หลังลงทะเบียนแล้ว ทุกอย่างก็เป็นที่แน่นอน
เฉินเจียซิ่งต้องกลับไปทำงานที่หน่วยงาน ก่อนจะออกไป เขานึกอะไรขึ้นมาไม่รู้ จึงหันกลับมามองหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
หลินเซี่ยรู้สึกขนลุกเมื่อถูกเขาจ้องมอง เธอถามอย่างหงุดหงิด “มีอะไร? มีธุระอะไรอีกล่ะ?”
ดูจากสีหน้าประจบประแจงของเขาแล้ว คงไม่มีอะไรดีแน่ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สมัครตั้งแต่แรกก็จบละ วุ่นวายคนอื่นไปทั่วเลยสองคนนี้นี่
เจียซิ่งจะขอตามไปเซี่ยงไฮ้หรือเปล่าเนี่ย ท่าทางแบบนี้
ไหหม่า(海馬)