ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 927 คุณถูกไล่ออกแล้ว
ตอนที่ 927 คุณถูกไล่ออกแล้ว
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เฉินเจียหมิงลูกชายของหล่อนเลิกกับแฟนที่ทำงานอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ หล่อนจึงพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ด้วยการเชิญญาติและเพื่อนของฝ่ายหญิง รวมถึงเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาจากสถานีโทรทัศน์มาเที่ยวที่ห้องเต้นรำโดยไม่กล้าเก็บค่าใช้จ่ายเลย
ในที่สุดความสัมพันธ์นี้ก็ล้มเหลว เฉินเจียหมิงไม่ยอมรับ จึงไปก่อเรื่องที่สถานีโทรทัศน์ พยายามทำลายงานของอีกฝ่าย ทำให้อดีตแฟนสาวแจ้งตำรวจจับเขาเข้าคุก หล่อนผู้เป็นแม่จึงต้องหาคนรู้จักมาช่วยจัดการ
ด้วยการเชิญคนมาร้องเพลงและเต้นรำที่ห้องเต้นรำ
คนรู้จักพาเพื่อนมาเที่ยวฟรีครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อคนในกรมตำรวจได้ เฉินเจียหมิงจึงถูกกักขังเป็นเวลาสองสัปดาห์
หล่อนรู้ดีว่าห้องเต้นรำขาดทุนในช่วงสองเดือนนี้จนไม่อาจชดเชยบัญชีคืนได้ อีกทั้งทรัพย์สินของครอบครัวพวกเขาก็หมดเกลี้ยงเพราะเรื่องวุ่นวายของลูกชาย
“วังซูเฟิน เดี๋ยวคุณช่วยดำเนินการลาออกด้วยนะครับ คุณถูกไล่ออกแล้ว”
วังซูเฟินลุกขึ้นยืน วิงวอนอย่างร้อนรน “เถ้าแก่เซี่ย ขอโอกาสให้ฉันอีกครั้งเถอะนะคะ ครั้งนี้เป็นเพราะที่บ้านฉันเกิดสถานการณ์พิเศษ คุณลองดูบัญชีปีที่แล้วสิ ฉันบริหารได้ดีมากไม่ใช่หรือ? ปีที่แล้วคุณยังชมว่าฉันบริหารจัดการได้ดีเลยนะคะ”
หล่อนในตอนนี้กำลังตกประหม่า ประกอบกับการสวมเสื้อขนสัตว์ที่ร้อนอบ จึงทำให้เหงื่อผุดเต็มหน้า ส่งผลให้แป้งที่หล่อนกระหน่ำประโคมบนหน้าไหลเยิ้มเป็นคราบขาว ดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง
“ปีที่แล้วคุณบริหารได้ดี เงินเดือนและโบนัสก็จ่ายให้คุณแล้ว ผมเป็นนักธุรกิจ ผมดูแค่ผลงาน ห้องเต้นรำของผมถูกคุณบริหารซะเละเทะ จำนวนลูกค้าลดลงอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงก็ตกต่ำลงอย่างหนักในไตรมาสนี้ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ครับ?”
เซี่ยไห่กล่าวต่อ “เดี๋ยวคุณไปจัดการเรื่องลาออกกับผู้ช่วยลู่ด้วยนะครับ เห็นแก่หน้าคุณที่เป็นญาติ ผมจะไม่เอาความในเรื่องรายได้ที่ขาดทุนไป”
วังซูเฟินยังอยากขอร้อง แต่เซี่ยไห่ดำเนินการประชุมต่อ หล่อนจึงได้แต่อดกลั้นเอาไว้
นักบัญชีหลิวถือรายงานและสมุดบัญชีมารายงานว่า “ไตรมาสนี้ยอดขายสูงสุดเป็นของห้องเต้นรำสาขาถนนชิงเนี่ยนที่เจิ้งซวี่รับผิดชอบครับ”
เซี่ยไห่มองไปทางเจิ้งซวี่ด้วยสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชม “คนรุ่นหลังช่างมีฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ เจิ้งซวี่เพิ่งทำงานได้สามเดือน ก็ทำให้พวกเราเห็นถึงความกล้าหาญและพลังของคนหนุ่มสาวแล้ว”
“พยายามต่อไปนะ”
แม้เจิ้งซวี่จะแต่งตัวฉูดฉาดเหมือนวัยรุ่นในสังคม แต่ในการประชุมเขากลับจริงจังและตั้งใจมาก เมื่อได้รับคำชมจากเซี่ยไห่ เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางถ่อมตัว “ขอบคุณผู้อาวุโสเซี่ยที่ให้กำลังใจครับ ผมจะพยายามต่อไป จะขอคำแนะนำและเรียนรู้จากพี่ซานและพี่ลู่ต่อไป จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังในความไว้วางใจและการสนับสนุนที่มีให้น้องชายคนนี้แน่นอนครับ”
เจิ้งซวี่ไม่เพียงแต่มีท่าทีถ่อมตัว แต่ยังให้ความเคารพต่อเจ้านายและหลินจินซานเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อน้องชายคนนี้ซึ่งแต่เดิมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก
โดยเฉพาะหลินจินซาน ตอนนี้เมื่อมองดูเจิ้งซวี่ แล้วดูผลประกอบการของห้องเต้นรำที่เขารับผิดชอบ ก็รู้สึกละอายใจอย่างมาก
น้องชายคนนี้อายุน้อยกว่าเขาสี่ห้าปี เพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ ก็เก่งขนาดนี้แล้ว เขาในฐานะพี่ใหญ่จึงรู้สึกกดดันอย่างมาก
เขาแอบสังเกตลู่เจิ้งอวี่อยู่ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สีหน้าของลู่เจิ้งอวี่ก็เหมือนกับเขา เขาถามเสียงเบาว่า “เจิ้งอวี่ รู้สึกกดดันมากไหม?”
ลู่เจิ้งอวี่เช็ดเหงื่อแล้วตอบว่า “นิดหน่อย”
“พวกเราพยายามกันต่อไปนะ”
หลังจากเลิกประชุม ลู่เจิ้งอวี่จะพาวังซูเฟินไปที่สำนักงานของนักบัญชีหลิวเพื่อดำเนินการเอกสาร แต่วังซูเฟินยังไม่ยอมแพ้ ไม่อยากสูญเสียงานไปแบบนี้
นี่ไม่ใช่แค่งานเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะทางสังคมของหล่อนด้วย
ร้านนั้นแต่เดิมก็เป็นของหล่อนอยู่แล้ว ดังนั้นหล่อนจึงโกหกคนในเมืองหนานเฉิงว่าตัวเองเป็นเจ้าของห้องเต้นรำ ทำให้ทุกคนให้ความเคารพหล่อนมาก
ถ้าตอนนี้หล่อนถูกปลดออกจากตำแหน่ง นอกจากจะตกงานแล้ว หล่อนจะไปอธิบายเรื่องนี้กับคนรู้จักอย่างไร?
หล่อนจะต้องอับอายขายหน้าแน่ๆ
วังซูเฟินขวางเซี่ยไห่ไว้ไม่ให้เขาออกจากห้องประชุม “เถ้าแก่เซี่ย เห็นแก่ที่พวกเราเป็นญาติกัน ขอโอกาสให้ฉันอีกครั้งได้ไหมคะ? ฉันสัญญาว่าต่อไปจะปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด จะบริหารงานให้ดี และสร้างผลงานแน่นอนค่ะ”
“ไม่มีโอกาสครั้งต่อไปแล้ว” เซี่ยไห่เดินออกจากห้องประชุม วังซูเฟินวิ่งตามไป แต่ก็ถูกเจิ้งซวี่ขวางเอาไว้ จนไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเซี่ยไห่ได้เลย
ลู่เจิ้งอวี่ทำท่าเชิญ พร้อมกับชี้ให้วังซูเฟินไปทำเรื่องที่สำนักงาน
“งั้นพรุ่งนี้ฉันค่อยมาทำเรื่องได้ไหม? ฉันเพิ่งรีบมาจากสถานีรถไฟ ตอนนี้รู้สึกมึนงงและตาพร่า กลัวว่าความดันจะขึ้นอีกแล้ว”
ทุกคน “!!!!”
วังซูเฟินยกมือขึ้นประคองศีรษะ ดูเหมือนจะเซไปเซมา ลู่เจิ้งอวี่กลัวว่าหล่อนจะเป็นลมต่อหน้า จึงจำใจต้องตกลงให้หล่อนมาทำเรื่องพรุ่งนี้เช้าแทน
ให้วันนี้หล่อนกลับไปก่อน
หลังจากวังซูเฟินจากไป หลินจินซานมองไปที่ทางออกของห้องเต้นรำ แล้วหันไปมองลู่เจิ้งอวี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมนายปล่อยให้หล่อนไปล่ะ? หล่อนต้องไปหาคนมาช่วยพูดแน่ๆ”
ลู่เจิ้งอวี่ทำสีหน้าจนใจ “พี่ก็เห็นสภาพหล่อนเมื่อกี้แล้วนี่ ถ้าผมยืนกรานจะพาหล่อนไปทำเรื่อง แล้วหล่อนเกิดเป็นลมต่อหน้า พวกเราจะทำยังไง?”
นักบัญชีหลิวแสดงความเห็นด้วยกับลู่เจิ้งอวี่
หลินจินซานแค่นเสียงเย็นชา “นั่นต้องเป็นการแสร้งทำแน่ๆ ร่างกายหล่อนแข็งแรงดี”
ลู่เจิ้งอวี่: “การแกล้งเป็นลมก็คือการเป็นลมชนิดหนึ่ง”
สิ่งที่ลู่เจิ้งอวี่กลัวที่สุดคือการต้องติดต่อกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าเล็กน้อย
พวกเขาเน้นเรื่องความกล้าที่จะทำทุกอย่าง
เขาไม่มีประสบการณ์จริงๆ ไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไร
หลินจินซานและเจิ้งซวี่ประชุมเสร็จแล้ว ตั้งใจจะกลับไปที่ห้องเต้นรำของตัวเอง ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาทำงานแล้ว พวกเขาต้องไปทำงาน
ลู่เจิ้งอวี่เรียกหลินจินซานที่เดินไปถึงประตูแล้วให้หยุด เขาครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที แล้วเอ่ยปาก “พี่ซาน ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณมีเวลา แวะมาที่นี่หน่อย”
หลินจินซานเข้าใจทันทีเมื่อเห็นสายตาขอความช่วยเหลือของลู่เจิ้งอวี่
“ได้ พรุ่งนี้เช้าฉันจะมา” มาช่วยเสริมกำลังให้นาย
เจิ้งซวี่ก็เข้าใจความหมายของลู่เจิ้งอวี่ เขายกมือขึ้นด้วย “พี่ลู่ ต้องการผมไหม? ผมก็จะมา”
สายตาของลู่เจิ้งอวี่ตกลงบนร่างของเจิ้งซวี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความดื้อรั้นไม่ยอมใคร เขาพยักหน้า “ถ้านายอยากมาก็มาได้”
“ได้เลย พี่ลู่ พรุ่งนี้เช้าผมกับพี่ซานจะมาช่วยคุณสร้างบรรยากาศ”
…
เป็นไปตามที่หลินจินซานกล่าวไว้จริงๆ วังซูเฟินไปขอความช่วยเหลือมาแล้ว
เฉินเจิ้งกั๋วและเฉินเจียหมิงมาถึงบ้านตระกูลเฉินแล้ว พ่อลูกคู่นี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ เฉินเจียหมิงเคยถูกขังคุกเพราะแฟนสาว
เมื่อคู่สามีภรรยาอาวุโสของตระกูลเฉินถาม พ่อลูกทั้งสองก็พูดอ้อมแอ้ม บอกว่าทั้งสองคนนิสัยไม่เข้ากัน
คนแก่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พอได้ยินว่าวังซูเฟินไปประชุมที่สำนักงานของเซี่ยไห่ ก็รู้สึกปลื้มใจ
ลูกชายคนนี้ของเขาอ่อนแอ หลานชายจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผลงานอะไร แถมยังตกงานอีก
แม้วังซูเฟินจะมีนิสัยที่ไม่น่าคบ แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง การมีความกล้าที่จะทำธุรกิจก็เป็นสิ่งที่ควรได้รับการสนับสนุน
สีหน้าปลื้มปีติของผู้เฒ่าเฉินยังไม่ทันจางหาย วังซูเฟินก็กลับมาแล้ว
ตอนนี้อากาศอุ่นขึ้น คนจำนวนมากบนท้องถนนต่างถอดเสื้อนวมออก แล้วสวมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆ หรือเสื้อโค้ทแทน
วังซูเฟินกลับสวมเสื้อคลุมขนมิงค์ตัวใหญ่ ดูหนาและหนักมาก
สีหน้าของหล่อนดูย่ำแย่มาก โดยเฉพาะเครื่องสำอางบนใบหน้าที่เลอะเทอะไปหมด ทำให้ดูอเนจอนาถมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เล่นเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานแบบนี้ จะบริหารร้านไม่เจ๊งไงไหว แถมลูกชายก็เอาแต่สร้างปัญหาให้พ่อแม่อีก
ไหหม่า(海馬)