ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 934 ตรงไปยังชุมชนบ้านพักทหาร
ตอนที่ 934 ตรงไปยังชุมชนบ้านพักทหาร
วันรุ่งขึ้น
หลินเซี่ยตื่นขึ้นมาแล้วรีบไปดูลูกชายทันที เมื่อคืนก่อนเข้านอนเธอแวะไปดูที่ห้องพ่อ เห็นเจ้าตัวน้อยเล่นจนเหนื่อยแล้วหลับไป เธอกลัวว่าเขาจะตื่นมาร้องไห้ ช่วงครึ่งแรกของคืนเธอจึงแทบไม่ได้หลับเลย หลังจากนั้นก็คุยกับแม่และหลินเยี่ยน จนทั้งสามคนไม่รู้ตัวว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อใด
พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็สว่างแล้ว
“พ่อคะ เสี่ยวหู่ยังหลับอยู่เหรอ?” เธอมองดูเด็กน้อยน่ารักที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสายตาอ่อนโยน
รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังจะละลายเพราะความน่ารักของลูกชาย
เซี่ยเหลยพูดเสียงนุ่มนวลว่า “ยังไม่ตื่นหรอก เมื่อคืนเล่นดึก เด็กเล็กๆ ชอบนอนนานอยู่แล้ว ปล่อยให้เขานอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”
ในฐานะคุณตา การที่หลานชายนอนกับเขาได้ทั้งคืนโดยไม่ร้องไห้ไม่งอแงทำให้เขารู้สึกดีมาก
รู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษ
เขามองดูหลานชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “พ่อคิดว่าเมื่อคืนเขาจะร้องไห้สักครั้งสองครั้ง จะร้องหาเธอ ที่ไหนได้ เล่นจนเหนื่อยแล้วก็หลับเลย หลับยาวจนสว่างเชียว”
“เขาชินกับการนอนกับคุณปู่คุณย่าของเขา เขาจึงไม่ค่อยมาหาฉัน เขาก็ชอบคุณเหมือนกัน อาจจะได้กลิ่นตัวคุณแล้วรู้สึกอุ่นใจก็ได้”
คำพูดของหลินเซี่ยทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยเหลยยิ่งเจิดจ้าขึ้น
ตอนเช้า เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงจะไปร้านอาหาร ก่อนออกเดินทางหลิวกุ้ยอิงได้เตรียมอาหารเช้าให้พวกเธอเรียบร้อยแล้ว
หลินเยี่ยนก็ต้องไปทำงานเช่นกัน ทั้งสามคนตั้งใจจะออกไปพร้อมกัน เซี่ยเหลยกำชับหลินเซี่ยให้อยู่บ้านวันนี้ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น
ถ้าเธอไปทำงานที่ร้านเช่าชุดแต่งงาน วังซูเฟินจะต้องตามมารบกวนแน่นอน
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ วังซูเฟินคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
พวกเขากลัวจริงๆ ว่าวังซูเฟินผู้หญิงที่น่ารำคาญคนนั้นจะคอยตามรังควานลูกสาวของพวกเขาไม่เลิก ทำให้เธอต้องลำบากใจ
“พ่อ พวกคุณไปทำธุระเถอะ วันนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่ากับเสี่ยวหู่ ฉันไม่ออกไปไหนหรอก”
หลินเซี่ยอุ้มเสี่ยวหู่ไว้ ส่งเซี่ยเหลยและคนอื่นๆ ที่ประตูใหญ่ มองพวกเขาเดินห่างออกไปแล้วจึงหันกลับเข้าบ้าน
เจิ้งซวี่ยังหนุ่มแน่นและหัวร้อน เดินตามหลังหลินจินซาน คิดวางแผนต่างๆ นานาว่าถ้าป้าวังยังลากเท้าไม่ยอมทำเรื่องเอกสาร พวกเขาควรจัดการอย่างไร
“พี่ซาน เดี๋ยวพวกเราใช้วิธีแข็งกร้าวเลย บังคับให้หล่อนเซ็นชื่อประทับตราทำนองนี้”
“ไอ้หนุ่ม แกใจเย็นๆ หน่อยได้ไหม? ไม่ว่าเราจะทำอะไร อันดับแรกต้องถูกต้องตามกฎหมาย เข้าใจกฎหมายไหมเจ้าหนุ่ม?”
โดนหลินจินซานดุเสียยกใหญ่ เจิ้งซวี่ก็เอามือลูบจมูก หัวเราะแห้งๆ “ผมแค่คิดว่าพวกเราจะได้แก้ปัญหาเร็วๆ”
“วิธีที่แกเสนอมาเมื่อกี้ไม่ได้แก้ปัญหา มีแต่จะทำให้ปัญหายุ่งยากขึ้น”
ตอนนี้หลินจินซานมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น การจัดการปัญหาก็รอบคอบขึ้นมากเมื่อได้ทำงานกับเซี่ยไห่
เซี่ยไห่สอนพวกเขาว่า ไม่ว่าจะทำอะไรต้องเคารพกฎหมายก่อนเป็นอันดับแรก
เขากับเจิ้งซวี่มาถึงหน้าร้านอาหารของตัวเองพอดี เห็นแม่ของเขากับเซี่ยเหลยกำลังเปิดร้าน
หลินจินซานทักทายพวกเขา
เซี่ยเหลยรู้ดีว่าหลินจินซานมาที่นี่ทำไม เขารู้สึกเป็นห่วง จึงเข้ามากำชับหลินจินซาน “จินซาน เดี๋ยวพวกแกระวังวิธีการหน่อยนะ แก้ปัญหานี้ให้ดีๆ ล่ะ”
พวกเขาเคยพบกับวังซูเฟินมาก่อน ซึ่งหล่อนเป็นคนที่ยากจะจัดการ
หลินจินซานพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ลุงเซี่ย คุณวางใจได้ พวกเราแค่มาเป็นเพื่อนเสี่ยวลู่ย ให้ป้าวังจัดการเอกสารเท่านั้น”
“ได้ ไปเถอะ”
หลินจินซานไปที่ห้องเต้นรำกับเจิ้งซวี่ ลู่เจิ้งอวี่จะพักที่นี่คืนนี้ ตอนนี้นักบัญชีหลิวกำลังรออยู่ในสำนักงานแล้ว
นักบัญชีหลิวได้จัดการบัญชีทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงสถานการณ์ขาดทุนของห้องเต้นรำทีวังซูเฟินบริหาร และสลิปเงินเดือนของเธอเอง
เซี่ยไห่เป็นเจ้านายที่มีเมตตามาก แม้ว่าวังซูเฟินจะบริหารห้องเต้นรำจนเป็นแบบนี้ เขาก็ยังให้นักบัญชีหลิวคำนวณเงินเดือนของวังซูเฟิน
พอหลินจินซานกับเจิ้งซวี่เข้าไป ลู่เจิ้งอวี่ก็รีบถามทันที “พี่ซาน ไม่มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม?”
เมื่อวานหลินจินซานเคยบอกว่าวังซูเฟินแน่นอนว่าจะไม่ยอมแพ้ หล่อนจะพยายามหาคนช่วยเหลือและวิ่งเต้นเพื่อโน้มน้าวเซี่ยไห่
ลู่เจิ้งอวี่กลัวว่าวังซูเฟินจะไปหาหลินเซี่ย
หลินจินซานมองเขาแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะเบาๆ “ไม่มีหรอก จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ยังไง?”
“ถึงนายจะไม่รู้จักน้องสาวของฉัน แต่นายก็รู้จักหัวหน้าของพวกเราดีใช่ไหม มันเป็นเรื่องหลักการ ใครจะกล้าไปขอร้องแทนคนแบบนั้นต่อหน้าเขา?”
หลินจินซานกล่าวว่า “เมื่อวานเขาพูดที่บ้านว่า ใครกล้าขอร้องแทนวังซูเฟิน เขาจะจัดการคนนั้น”
ลู่เจิ้งอวี่กับนักบัญชีหลิวได้ยินคำพูดของหลินจินซาน ก็วางใจลง “ดีแล้ว”
เนื้อร้ายแบบนั้น พวกเขาทุกคนก็อยากกำจัดทิ้ง
หลายคนนั่งรวมกัน เริ่มปรึกษากันว่าจะแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุดได้อย่างไร
นักบัญชีหลิวบอกว่าหล่อนเตรียมเอกสารทั้งหมดพร้อมแล้ว แค่รอให้วังซูเฟินมาแล้วโน้มน้าวให้หล่อนเซ็นชื่อหรือประทับตรา รับเงินเดือนที่เหลือแล้วไปก็พอ
“ใกล้ 9 โมงแล้ว ทำไมวังซูเฟินยังไม่มาอีก?”
ลู่เจิ้งอวี่ดูนาฬิกา อดกระวนกระวายไม่ได้
“จะไม่มาแล้วหรือเปล่า?” เจิ้งซวี่หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง สะบัดผมแสกกลาง พูดตรงๆ ว่า “พี่ซาน พี่รู้ไหมว่าวังซูเฟินอยู่ที่ไหน? ผมจะไปตามหล่อน”
ผู้หญิงคนนั้นเมื่อวานพูดอ้ำอึ้งแกล้งป่วย เห็นชัดว่าแค่ถ่วงเวลา ไม่อยากมาดำเนินเรื่อง
วันนี้ฟังความเห็นของหลินจินซานแล้ว หล่อนก็ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ดังนั้นวันนี้คงไม่มาดำเนินเรื่องอีก
แน่นอนว่าหล่อนคงกำลังคิดหาวิธีประวิงเวลาอยู่
เมื่อหล่อนหลบหน้าไม่มา ก็ไม่เห็นจะต้องรอ พวกเขาควรไปหาหล่อนเองเลยดีกว่า
หลินจินซานกดมือห้ามเจิ้งซวี่เอาไว้
“ใจเย็นๆ ก่อน รออีกสักหน่อย”
การรอครั้งนี้กินเวลาไปหนึ่งชั่วโมง
พอถึงเวลาสิบโมงกว่า เซี่ยไห่ก็โทรมาสอบถามสถานการณ์
เมื่อลู่เจิ้งอวี่บอกว่าวังซูเฟินยังไม่มา ปลายสายอย่างเซี่ยไห่ก็ระเบิดอารมณ์ “ไม่มาแล้วทำไมพวกนายไม่โทรมาบอกฉัน?”
ลู่เจิ้งอวี่พูดเสียงอ่อย “พวกเราคิดว่าจะรออีกสักหน่อย”
“รออะไรกันอยู่?”
เซี่ยไห่สั่งเขา “พอได้แล้ว ให้ทุกคนไปทำงานของตัวเองเถอะ วันนี้หล่อนคงไม่ไปดำเนินเรื่องเอกสารเองแน่ เชื่อฉันเถอะ”
ตอนนี้เซี่ยไห่กำลังตรวจงานที่หน่วยงานก่อสร้างพอดี
งานก่อสร้างกำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
หลังจากเขาออกมาจากหน่วยงานก่อสร้าง ก็ตรงไปที่บ้านของเฉินเจียเหอทันที
เมื่อเขาไปถึง เฉินเจียเหอกำลังอยู่บ้านพอดี
“อารอง ทำไมคุณมาที่นี่?” เฉินเจียเหอถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเซี่ยไห่ที่หน้าประตูบ้านอย่างไม่คาดคิด
“นายรู้ไหมว่าวังซูเฟินอยู่ที่ไหน?” เซี่ยไห่ถามอย่างไม่สบอารมณ์ ตรงประเด็นทันที
เฉินเจียเหอตอบว่า “น่าจะอยู่ที่ชุมชนบ้านพักทหาร ผมกับแม่กำลังจะกลับบ้านพอดี”
เขาตั้งใจจะกลับไปแสดงท่าที ให้หล่อนเลิกล้มความคิดที่จะใช้เส้นสายเสียที
“ไปกันเถอะ ฉันก็จะไปด้วย” เซี่ยไห่อธิบาย “แค่ให้หล่อนไปจัดการเรื่องลาออกเช้านี้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นตัว คาดว่าคงจะพยายามเบี้ยวหรือยังไม่ยอมแพ้ อาจจะพยายามใช้ความสัมพันธ์ผ่านครอบครัวพวกนายเพื่อรักษางานไว้”
“ฉันขอบอกพวกนายเลยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก! คนคนนี้เป็นเหมือนเนื้อร้าย ฉันต้องไล่ออกให้ได้”
ต่อหน้าเฉินเจียเหอ เซี่ยไห่มักจะพูดอะไรก็พูด และสามารถแสดงความคิดและอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเองได้
“นายรู้ไหมว่าป้าคนนั้นทำให้ฉันขาดทุนไปเท่าไหร่? สองเดือนแทบไม่มียอดขายเลย ทั้งหมดเป็นการเข้าฟรี หัวใจฉันเจ็บปวดจนเลือดแทบไหลเลยรู้ไหม?
ที่น่าโมโหที่สุดคือ คนที่หล่อนพามาร้องคาราโอเกะไม่จำกัดเวลา ทำให้ลูกค้าที่จ่ายเงินจริงๆ ไม่มีที่นั่ง ตอนนี้ชื่อเสียงของห้องเต้นรำถูกหล่อนทำให้เสียหายไปแล้ว สูญเสียลูกค้าไปอย่างหนัก ถึงฉันจะส่งคนไปจัดการใหม่ การจะกู้ชื่อเสียงกลับมาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก”
ตอนนี้เซี่ยไห่รู้สึกเสียใจจนอยากทุบอกชกหัวตัวเอง ว่าไม่ควรร่วมงานกับวังซูเฟินตั้งแต่แรกเลย
ตอนนั้นหลังจากที่เขาสำรวจเสร็จ คิดว่าร้านของวังซูเฟินก็ไม่เลว ก็เลยคิดจะเช่ามาทำเป็นห้องเต้นรำ
วังซูเฟินตอนนั้นอยากร่วมหุ้นกับเขา แต่เขายังไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้ จึงเปลี่ยนรูปแบบ ให้หล่อนจัดการแค่ห้องเต้นรำ ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อื่น
ปีที่แล้ว วังซูเฟินบอกว่าขาดเงิน เลยขายร้านให้เขาไป
ตอนนั้นดูเหมือนจะบอกว่าจะเอาไปลงทุนธุรกิจอะไรสักอย่างให้ลูกชาย
เฉินเจียเหอกล่าวว่า
“เรื่องนี้ผมได้ยินมาแล้ว เฉินเจียหมิงมีปัญหานิดหน่อย หล่อนกำลังหาคนช่วยเหลือลูกชาย ดังนั้นจึงขอให้คนอื่นช่วยฟรีๆ”
เมื่อพูดถึงลูกชายของวังซูเฟิน เซี่ยไห่ยิ่งรู้สึกดูถูกมากขึ้น
“อารอง มาแล้วหรือ?” ตอนนี้โจวลี่หรง ถือกระเป๋าเดินออกมาจากบ้าน
เซี่ยไห่พยักหน้า ทั้งสามคนเดินลงบันได
เซี่ยไห่ขับรถมา เฉินเจียเหอกับโจวลี่หรงจึงติดรถมาด้วย
เมื่อใกล้ถึงบ้านตระกูลเฉิน เซี่ยไห่ก็โทรหาลู่เจิ้งอวี่อีกครั้ง
“คุณพานักบัญชีหลิวมาพร้อมกับสมุดบัญชี รายงาน และเอกสารทั้งหมด มาที่ ชุมชนบ้านพักทหาร”
“ชุมชนบ้านพักทหาร?” ลู่เจิ้งอวี่ประหลาดใจ
“บ้านพี่เฉินของคุณไง ไม่เข้าใจหรือ?”
เซี่ยไห่อารมณ์ไม่ดี พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
ลู่เจิ้งอวี่รีบตอบรับทันที บอกว่าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คราวนี้เถ้าแก่เซี่ยบุกถึงบ้านเองเลย ป้าจะหนีความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ
ไหหม่า(海馬)