ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 936 จะเอาเงินหรือเอาหน้า? แน่นอนว่าต้องเอาเงิน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 936 จะเอาเงินหรือเอาหน้า? แน่นอนว่าต้องเอาเงิน
ตอนที่ 936 จะเอาเงินหรือเอาหน้า? แน่นอนว่าต้องเอาเงิน
วังซูเฟินพยายามทุกวิถีทางที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้ ก่อนหน้านี้ก็ขอร้องพ่อแม่สามีให้ช่วยพูดกับเซี่ยไห่
และตอนนี้เซี่ยไห่ก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
นี่คือโอกาส
แม้เซี่ยไห่จะดูดุดันและปากร้าย แต่หล่อนทำงานร่วมกับเขามาหนึ่งปี จึงพอเข้าใจนิสัยของเขา
เขาเป็นเจ้านายที่มีความเป็นมนุษย์ ถ้าผู้ใหญ่พูดสักคำ เขาก็คงจะให้เกียรติบ้าง
ภายใต้การส่งสัญญาณทางสายตาของวังซูเฟิน ผู้เฒ่าเฉินจึงเอ่ยปากขึ้นในที่สุด “เซี่ยไห่ ฉันต้องขอโทษจริงๆ ลูกสะใภ้รองของฉันสร้างปัญหาให้เธอแล้ว”
เซี่ยไห่ไม่ได้ให้ทางลงแก่ผู้เฒ่าเฉินเลยสำหรับคำขอโทษนั้น เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ลุงเฉิน คุณพูดถูกแล้ว หล่อนสร้างปัญหาให้ผมมากเกินไป คุณรู้ไหมว่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ห้องเต้นรำขาดทุนหนักแค่ไหน? ค่าเครื่องดื่มและค่าไฟฟ้าทั้งหมดของห้องเต้นรำ ผมต้องสำรองจ่ายไปก่อน รวมถึงเงินเดือนพนักงาน ก็ต้องใช้รายได้จากห้องเต้นรำอื่นๆ มาชดเชย”
ผู้เฒ่าเฉินรู้แค่ว่าการบริหารห้องเต้นรำขาดทุน แต่เขาไม่มีความคิดชัดเจนว่าขาดทุนมากแค่ไหน
ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ สายตาที่เขามองวังซูเฟินก็เย็นชาลงไปอีก เขาไม่คิดจริงๆ ว่าสถานการณ์จะร้ายแรงขนาดนี้
ผู้เฒ่าเฉินสั่งวังซูเฟินด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลับไปจัดการเรื่องเอกสารกับเถ้าแก่เซี่ยเถอะ เธอไม่สามารถทำงานนี้ได้ อย่าไปสร้างปัญหาให้คนอื่นเลย”
วังซูเฟินยังหวังว่าคนแก่จะช่วยขอร้องพูดอะไรให้หล่อนในตอนนี้
อย่างมากหล่อนก็พร้อมจะทำงานฟรีให้เขาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อชดใช้ ค่อยๆ หาเงินที่ขาดทุนไปกลับมา แต่พ่อสามีของหล่อนกลับไม่ให้โอกาสเลย
เขาไม่ขอร้องแทนหล่อน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเซี่ยไห่จะไม่ยอม?
“พ่อ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ในเวลาแบบนี้ พ่ออย่าซ้ำเติมสิ พ่อช่วยพูดดีๆ ให้หน่อยไม่ได้เหรอ? พ่อต้องการทำลายครอบครัวของเราหรือไง?”
วังซูเฟินร้อนใจจริงๆ ถ้าวันนี้หล่อนไปจัดการเอกสารลาออกกับเซี่ยไห่ ต่อไปห้องเต้นรำสวินเมิ่งในเมืองหนานเฉิงก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหล่อนอีกเลย
หล่อนก็จะกลายเป็นคนว่างงาน วงสังคมเพื่อนฝูงที่หล่อนสร้างมาอย่างยากลำบากในเมืองหนานเฉิงก็จะหายไปเพราะเสียงานนี้ไป
คนอื่นต่างคิดว่าห้องเต้นรำนี้เป็นของหล่อน ดังนั้นเพื่อนเก่าจึงให้ความเคารพนับถือเธอมาก
ตอนนี้หล่อนจะเผชิญหน้ากับเพื่อนๆ ได้อย่างไร?
อีกทั้งสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวก็ไม่สู้ดีนัก
แต่ตอนนี้ พ่อสามีใจร้ายกลับไม่ยอมพูดแม้แต่คำเดียวเพื่อช่วยพวกเขา
วังซูเฟินเมื่อร้อนใจก็แสดงธาตุแท้ออกมา ท่าทีที่มีต่อผู้เฒ่าเฉินนั้นแย่มาก
สีหน้าของหล่อนบิดเบี้ยว ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าแม่ค้าตลาดเสียอีก
ท่าทีของวังซูเฟินที่มีต่อผู้เฒ่าเฉิน ทำให้เฉินเจียเหอไม่พอใจอย่างมาก เขาชักสีหน้าบึ้งตึง มองวังซูเฟินพลางเตือนเสียงเย็น “อาสะใภ้รอง โปรดให้ความเคารพคุณปู่ของผมหน่อย”
ตอนนี้วังซูเฟินไม่รู้จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างไรแล้ว
ทั้งๆ ที่คนที่หล่อนต้องการพบอยู่ตรงหน้าทั้งหมด แต่หล่อนกลับไม่รู้ว่าจะพูดกับใคร จะโน้มน้าวพวกเขาอย่างไร
ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเฉินไม่พูดอะไร พวกเขาไม่มีหน้าตาพอจะขอร้องแทนวังซูเฟิน
จากคุณสมบัติและบุคลิกที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้ ล้วนแต่แย่มากทั้งสิ้น
เซี่ยไห่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ต้องพูดถึงความสามารถ แค่นิสัยใจคอ เซี่ยไห่ก็คงไม่มีทางใช้งานเธออีกแล้ว
เซี่ยไห่เองก็ไม่อยากอยู่ในบ้านตระกูลเฉินนานนัก เขาดูเวลา ลู่เจิ้งอวี่กับนักบัญชีหลิวน่าจะมาถึงในไม่ช้า
เขามองด้วยสายตาเย็นชา จมอยู่ในความคิดโดยไม่พูดอะไร
ผู้เฒ่าเฉินก็รู้จักกาลเทศะดี
เพียงแต่คอยขอโทษแทนวังซูเฟินตลอด
และยังแนะนำให้วังซูเฟินรู้จักความสามารถของตัวเอง
ผ่านไปประมาณสิบนาที มีคนมาเคาะประตู
เฉินเจียเหอเดินไปเปิดประตูอย่างเป็นธรรมชาติ
“พี่เฉิน” ลู่เจิ้งอวี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูมีสีหน้าประหม่า พอเห็นเฉินเจียเหอเป็นคนเปิดประตู ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาเคยมาที่ชุมชนบ้านพักทหารครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน บรรยากาศที่เคร่งขรึมทำให้เขารู้สึกกังวลมาก
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเติบโตขึ้นแล้ว แต่การมาที่นี่ก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี
“เชิญเข้ามาครับ”
เฉินเจียเหอเชิญเขาและนักบัญชีหลิวเข้ามา
ทั้งสองคนเข้ามา ลู่เจิ้งอวี่ทักทายคู่สามีภรรยาตระกูลเฉินอย่างนอบน้อม
ผู้เฒ่าเฉินจำชายหนุ่มในชุดสูทได้ สีหน้าดีใจ “นี่คือเสี่ยวลู่สินะ? ไม่ได้เจอกันนาน เด็กคนนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆ”
เซี่ยไห่พูดว่า “ทำงานกับผม จะไม่เปลี่ยนได้ยังไง? ผมฝึกฝนมาเอง” พูดพลางชายตามองวังซูเฟินอย่างเย็นชา
ก็มีแต่ลูกสะใภ้บ้านเฉินนี่แหละที่ช่วยอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น
“ลุงเฉินครับ ใครที่ทำงานกับผม ผมไม่เคยเอาเปรียบใครทั้งนั้น พี่วังทำงานโดดเด่นเมื่อปีที่แล้ว ผมก็ให้โบนัสตอนสิ้นปี ตอนนี้หล่อนทำตัวเองเดือดร้อน จะมาโทษผมก็ไม่ได้”
นักบัญชีหลิวถือสมุดบัญชีมาแล้ว ลู่เจิ้งอวี่ก็อยู่ด้วย เซี่ยไห่ถือโอกาสนี้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน “เรื่องนี้ไม่มีทางประนีประนอมใดๆ ถ้าผมให้โอกาสหล่อนครั้งนี้ ต่อไปผู้จัดการคนอื่นๆ ของผมก็คงจะทำตาม ผมก็แค่ธุรกิจเล็กๆ ทนการรบกวนใดๆ ไม่ได้”
“ให้พี่วังไปหางานใหม่เถอะครับ”
วังซูเฟินตอนนี้มองดูนักบัญชีหลิวกับ ลู่เจิ้งอวี่ ที่มาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง หัวใจที่เคยแขวนลอยอยู่ก็ดับวูบลงในที่สุด
เห็นนักบัญชีหลิวกำลังพลิกดูเอกสารและหยิบปากกาออกมา วังซูเฟินก็รู้สึกมึนงงไปหมด หล่อนเอ่ยปากอย่างโกรธเคือง “เถ้าแก่เซี่ย ฉันก็เคยทำประโยชน์ให้กับห้องเต้นรำมาก่อน คุณจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้นะ”
เซี่ยไห่ได้ยินคำพูดของหล่อน ก็รู้สึกราวกับได้ฟังเรื่องตลกอะไรสักอย่าง
ทำให้เขาหัวเราะออกมาด้วยความโมโห
“คุณนายวัง ผมตั้งใจจะเก็บหน้าคุณไว้บ้าง พวกเราจะจัดการเอกสารกันอย่างเงียบๆ แต่เมื่อคุณพูดแบบนี้ ผมก็ต้องพูดอะไรกับคุณหน่อยแล้ว”
เซี่ยไห่ ส่งสัญญาณให้นักบัญชีหลิวส่งสมุดบัญชีให้เขา
เซี่ยไห่สั่งการเฉินเจียเหอ อย่างเด็ดขาด “เจียเหอ ไปเอาแว่นสายตายาวของผู้เฒ่าเฉิน มา ให้เขาดูสมุดบัญชีนี้ ให้เธอตายตาหลับ”
เฉินเจียเหอ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาไปที่ห้องของคุณปู่
จากนั้นเซี่ยไห่ก็เรียกเฉินเจิ้งกั๋ว “มานี่ พี่เฉิน คุณก็นั่งลงดูด้วย”
เฉินเจิ้งกั๋วบอกว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องรายงานพวกนี้ เซี่ยไห่บอกว่าเขาสามารถอธิบายให้ฟังได้
เฉินเจิ้งกั๋วจูงมือพาไปนั่งข้างๆ ผู้เฒ่าเฉิน
เฉินเจียเหอรีบไปหยิบแว่นสายตายาวมาสวมให้คนแก่ทันที
เซี่ยไห่เปิดสมุดบัญชี
อธิบายให้พวกเขาฟังถึงสถานการณ์การดำเนินงานของ วังซูเฟิน ในสองเดือนที่ผ่านมา
“ลุงเฉิน พี่เฉิน ดูนี่สิ ตั้งแต่เดือนแรกบัญชีก็ไม่ปกติแล้ว ทุกเดือนซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจำนวนเท่ากัน แต่ยอดขายแทบไม่มีเลย ไม่พอแม้แต่ต้นทุนของเรา”
เซี่ยไห่ใช้ปากกาชี้ที่สมุดบัญชี เพื่อให้แน่ใจว่าอธิบายให้พวกเขาเข้าใจชัดเจน “แต่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงมีอยู่ตลอด แถมค่าไฟฟ้ายังสูงกว่าหลายเดือนก่อนด้วยซ้ำ”
“กลัวฉันจะจับได้ เลยทำบัญชีปลอมมาให้ฉันดู คิดว่าจะหลอกฉันได้ คิดว่าฉัน เซี่ยไห่ เป็นคนโง่จริงๆ เลยสินะ?”
เซี่ยไห่พูดด้วยความโกรธแล้วฟาดสมุดบัญชีลงบนโต๊ะ
เซี่ยไห่มองวังซูเฟินด้วยสายตาเย็นชา “ฉันเห็นแก่ความเป็นญาติ ไม่ได้พูดอะไรเลย แค่ให้เธอทำเรื่องลาออก แล้วเธอมาวุ่นวายอะไรแบบนี้? ใครกันแน่ที่ใจร้าย? เรื่องนี้ถ้าเป็นเจ้านายคนอื่น เชื่อไหมว่าจะต้องให้เธอชดใช้เงินแน่นอน? ยังจะจ่ายเงินเดือนให้เธออีกเหรอ?”
หลังจากผู้เฒ่าเฉินและเฉินเจิ้งกั๋วเข้าใจสมุดบัญชีแล้ว ใบหน้าของทั้งสองคนก็แดงก่ำด้วยความอับอาย
หน้าแก่ๆ ของวังซูเฟินถูกทำให้อับอายขายหน้าจนหมดสิ้น
“เงินที่ขาดทุนฉันยอมรับเอง เมืองหนานเฉิงฉันก็ต้องปรับปรุงและบริหารจัดการใหม่ ฉันยอมรับทุกอย่างแล้ว ฉันจะจ่ายค่าความผิดพลาดจากการเลือกของตัวเอง”
เซี่ยไห่พูดกับนักบัญชีหลิวว่า “เอกสารทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม?”
นักบัญชีหลิวตอบอย่างสุภาพและมืออาชีพ “คุณเซี่ย ทุกอย่างพร้อมแล้ว แค่คุณวังซูเฟินเซ็นชื่อหรือประทับตราก็เสร็จ ฉันก็คำนวณเงินเดือนของหล่อนตามที่คุณสั่งแล้ว”
“เซ็นชื่อเถอะ พวกเรายังมีงานต้องทำ ไม่มีเวลามาเถียงกับคุณที่นี่”
หัวใจของวังซูเฟินจมดิ่งถึงก้นเหว หล่อนยืนนิ่งไม่ขยับ จนผู้เฒ่าเฉินตวาดด้วยความโกรธ “ยังไม่รีบจัดการเอกสารอีก? จะเก็บหน้าตัวเองไว้บ้างไม่ได้หรือ?”
ถูกจับจ้องด้วยสายตามากมาย วังซูเฟินไม่มีทางเลี่ยงได้อีก สุดท้ายจึงต้องเซ็นชื่อด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
นักบัญชีหลิวจ่ายเงินเดือนพื้นฐานครึ่งเดือนให้หล่อน รวมทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบหยวน
ทำได้อย่างสุดความสามารถจริงๆ
ปกติถ้าฮอลล์เต้นรำดำเนินกิจการตามปกติ มีกำไรดี เงินเดือนของหล่อนแต่ละเดือนจะอยู่ที่ประมาณสามถึงสี่ร้อยหยวน
ได้เงินมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐเสียอีก
ตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลย
ทำตัวเองจนหมดตัว
หลังวังซูเฟินเซ็นชื่อเสร็จแล้วก็จ่ายเงินเดือนให้ ซึ่งตามความเห็นของผู้เฒ่าเฉิน เงินเดือนครึ่งเดือนนี้ วังซูเฟินไม่ควรได้รับเลย
ทำให้ห้องเต้นรำเกือบล้มละลาย
ยังมีหน้ามารับเงินเดือนอีก
แต่วังซูเฟินไม่ได้มีความคิดแบบนั้น หล่อนเสียงานไปแล้ว
จะไม่ให้หล่อนรับเงินเดือนครั้งสุดท้ายอีกหรือ?
จะเอาหน้าหรือเอาเงิน?
แน่นอนว่าต้องเอาเงิน
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ป้าทำตัวเองแท้ๆ จะมาโทษคนอื่นไม่ได้นะ ที่จ่ายเงินเดือนครึ่งเดือนสุดท้ายให้ก็ถือว่าไว้หน้ากันสุดๆ แล้ว
ไหหม่า(海馬)