ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 939 ความกังวลใจของเฉินเจิ้นเจียง
ตอนที่ 939 ความกังวลใจของเฉินเจิ้นเจียง
แม้ครอบครัวของเฉินเจิ้นกั๋วจะจากไปแล้ว แต่เฉินเจิ้นเจียงกลัวว่าพวกเขาจะยังวนเวียนอยู่ในชุมชนบ้านพักทหาร เขาจึงพูดกับเฉินเจียวั่งว่า “เจียวั่ง ลูกนั่งรถไปกับคนขับรถให้เขาขับไปรอบๆ หน่อย พวกอารองน่าจะยังอยู่ข้างนอก ถ้าพวกเขาไม่เห็นรถออกไป พวกเขาอาจจะกลับมาอีก”
เฉินเจียวั่งออกไปตรวจสอบและสอบถามทหารยามที่หน้าประตูชุมชนบ้านพักทหาร พวกเขาบอกว่าวังซูเฟินลากเฉินเจิ้นกั๋วไปแล้ว
กลัวจะต้องรับผิดชอบ วิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายอีก
คนขับรถขับไปทางโรงพยาบาลรอบหนึ่งแล้วกลับมาบอกว่าไม่เห็นครอบครัวของเฉินเจิ้นกั๋ว
เฉินเจิ้นเจียงกับเฉินเจียวั่งอยู่บ้านดูแลคนแก่ เฉินเจิ้นเจียงโทรหาโจวลี่หรงให้หล่อนกลับมาต้มซุปบำรุงให้คนแก่
เฉินเจียวั่งป้อนยาลดความดันให้คุณปู่และอยู่เฝ้าดูแลตลอด
ไม่นานเฉินเจิ้นกั๋วก็โทรมา หลังจากออกไปเขาก็ยังเป็นห่วงพ่อแก่ของตัวเอง จึงโทรมาถามอาการ
“อารอง ถ้าคุณเป็นห่วงคุณปู่ของผมจริงๆ ต่อไปก็อย่ามากระตุ้นอารมณ์ของท่านอีกเลย คุณก็อายุมากแล้ว รักษาหน้าตาบ้างสิ อย่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารำคาญ”
ในวันที่สอง จิตใจของผู้เฒ่าเพิ่งจะเริ่มฟื้นคืนสติ
หลังจากที่ครอบครัวของเฉินเจิ้นกั๋วจากไปเมื่อคืน พวกเขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
บ้านกลับคืนสู่ความเงียบสงบเหมือนเดิม แต่จิตใจของคู่สามีภรรยาเฉินยังคงหนักอึ้ง
ผู้เฒ่าเฉินแทบไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า นอนถอนหายใจอยู่บนเตียง
เฉินเจิ้นกั๋วก็เป็นลูกชายของพวกเขา และยังมีเฉินเจียหมิงด้วย แม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ก็เป็นหลานแท้ๆ ตอนนี้ทั้งครอบครัวตกงาน ชีวิตความเป็นอยู่แย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาในฐานะผู้เฒ่าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?
แต่พวกเขาก็แก่เกินไปแล้ว ไม่สามารถจัดการอะไรได้มากนัก
ครั้งนี้พวกเขาช่วยอะไรเรื่องของวังซูเฟินไม่ได้จริงๆ ไม่มีทางช่วยได้
แม้จะฝืนใจทำผิดหลักการ ยอมเสียหน้าไปขอร้องเซี่ยไห่ ด้วยนิสัยของเซี่ยไห่ เขาจะให้เกียรติพวกเขาได้อย่างไร เขาถึงกับบุกมาถึงบ้านเพื่อไล่วังซูเฟินออกแล้ว
อีกอย่างวังซูเฟินก็ไม่ใช่คนที่เหมาะกับงานนั้นจริงๆ ทำให้สุถานบันเทิงถึงกับล้มละลาย เจ้านายคนไหนจะกล้าจ้างอีกล่ะ?
เฉินเจียหมิงทำงาน ถ้าเขายอมเสียหน้าขอร้อง ก็อาจจะจัดการให้ได้ แต่หลังจากนั้นจะเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย
คุณย่าเฉินรู้สึกหนักอกหนักใจตั้งแต่เมื่อวาน
เห็นครอบครัวลูกชายคนรองเดินมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็รู้สึกผิดหวังและเจ็บปวด ทั้งโกรธและรู้สึกผิด
เมื่อคืนคู่สามีภรรยาแก่แทบไม่ได้นอน คุณย่าเฉินเห็นสามีดูไม่สดชื่น สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องพูดว่า “ตาเฒ่า พวกเราควรช่วยเจ้ารองดีไหม?”
“ถ้าพวกเขายังใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าชีวิตจะจบลงจริงๆ ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นลูกชายและหลานของเรา ถึงจะไม่เอาไหนก็เป็นความรับผิดชอบของเราด้วย เป็นเพราะเราไม่ได้อบรมลูกชายให้ดีตั้งแต่แรก ตอนนี้เราต้องจ่ายราคาที่สมควร ถ้าเรานั่งดูเฉยๆ ฉันรู้สึกผิดจริงๆ”
คุณย่าเฉินถอนหายใจ “ฉันก็กังวลว่าถ้าทั้งครอบครัวตกงาน พวกเขาอาจจะทำอะไรสุดโต่งออกมา ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่พวกเรา แม้แต่ครอบครัวลูกชายคนโตก็จะไม่มีความสุข”
ตอนที่ครอบครัวลูกชายคนรองรุ่งเรือง ลูกชายคนโตไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร แต่ถ้าพวกเขาตกต่ำ คนแรกที่จะได้รับผลกระทบก็คือเฉินเจิ้นเจียงและครอบครัว
ผู้เฒ่าเฉินพูดถึงเรื่องนี้แล้วโกรธจนตบโต๊ะ
“จะทำยังไงล่ะ? นิสัยแบบนั้นของพวกเขา คุณว่าจะทำยังไง? ชีวิตที่ดีๆ กลับถูกพวกเขาทำให้เป็นแบบนี้ แต่ก่อนชีวิตความเป็นอยู่ดีมาก ยังดูถูกพวกเราอีก ตอนนี้ทำไมถึงกลายเป็นสภาพแบบนี้ล่ะ?”
“เส้นทางชีวิตนั้นมีทั้งกว้างครึ่งหนึ่งและแคบครึ่งหนึ่ง ใครจะรับประกันได้ว่าชีวิตจะราบรื่นตลอดไป? เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราไม่สามารถนั่งดูพวกเขาแย่ลงเรื่อยๆ ได้ เฉินเจียหมิงยังหนุ่มและมีไฟ ถ้าไม่ได้ออกไปทำงาน หากไปเที่ยวเตร่ในสังคมจะทำอย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา ผู้เฒ่าเฉินแค่นเสียงเย็นชา “พวกเขารนหาที่ตายเอง จะโทษสวรรค์หรือแผ่นดินก็ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโทษพวกเรา”
“จริงด้วยๆ อย่าโมโหไปเลย”
คุณย่าเฉินรินน้ำให้สามีแก้วหนึ่งแล้วส่งให้ พูดต่อว่า “ฉันหมายความว่า คุณมีลูกน้องสองคนที่เมืองหนานเฉิงใช่ไหม ตอนปีใหม่พวกเขายังมาอวยพรคุณด้วย คุณช่วยพูดกับพวกเขาหน่อยได้ไหม ให้จัดการหางานให้เฉินเจียหมิงที่นั่น พวกเราไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก แค่ตำแหน่งธรรมดาๆ ที่เขาทำได้ก็พอ
เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ ฉันคิดว่าเขาคงรู้ตัวถึงความผิดพลาดแล้ว ตอนนี้ถ้าให้งานเขาสักอย่าง เขาน่าจะรู้จักทะนุถนอมนะ ถ้าพวกเรานั่งเฉยไม่สนใจ ฉันกลัวจริงๆ ว่าจะบีบให้พวกเขาหันไปเดินทางผิด”
“ในเมื่อพวกเรายังมีชีวิตอยู่ ก็ควรทำอะไรให้ลูกบ้าง ตลอดหลายปีมานี้คุณไม่เคยทำอะไรผิดหลักการเลย ไม่เคยตอบรับข้อเรียกร้องอะไรของพวกเขาเลย ตอนนี้คุณลองทำผิดกฎสักครั้งได้ไหม? พวกเราพาครอบครัวลูกชายคนรองกลับมาสู่ทางที่ถูกต้องกัน
คุณดูตระกูลเสิ่นสิ เพียงเพราะเหล่าเสิ่นไม่ทำอะไรเลย ไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ ตอนนี้ลูกหลานสามคนของพวกเขาเข้าคุกกันหมดแล้ว ฉันนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็กลัว ฉันกลัวจริงๆ ว่าครอบครัวลูกคนรองของเราจะทำอะไรสุดโต่ง คนถูกบีบคั้นมากๆ อะไรก็ทำออกมาได้ พวกเราไม่สามารถนั่งดูพวกเขาเดินผิดทางได้”
คำพูดของคุณย่าเฉิน ทำให้ผู้เฒ่าเฉินจมอยู่ในภวังค์ความคิด
ลูกชายและหลานชายของตัวเอง เขาจะใจร้ายตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาได้จริงๆ หรือ?
“ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งครอบครัวของพวกเขาก็มีความประพฤติที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว คนแบบนี้มักจะเกิดเรื่องได้ง่าย”
“เรื่องนี้ขอให้ฉันคิดดูก่อน”
ในขณะเดียวกัน เฉินเจิ้นกั๋วและครอบครัวก็ทำให้เฉินเจิ้นเจียงรู้สึกกังวลใจด้วย
แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีจิตใจเมตตามากมายอะไรจนต้องมาห่วงใยครอบครัวของ เฉินเจิ้นกั๋ว
แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เขาอดนึกถึงเฉินเจียซิ่งลูกชายของตัวเองไม่ได้
เขาเห็นพ่อของเขาโมโหหอบแฮ่กๆ เพราะเรื่องของครอบครัวเฉินเจิ้นกั๋ว ท่าทางที่ทั้งจนปัญญาและสิ้นหวังนั้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจ ในขณะเดียวกันเขาก็อดนึกเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้
ถ้าในอนาคตเฉินเจียซิ่งก็เป็นคนไม่เอาไหนเหมือนเฉินเจิ้นกั๋ว ไม่สามารถดูแลครอบครัวของตัวเองได้ดี จนสุดท้ายต้องมาขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเขา แล้วเขาจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร?
ถึงตอนนั้นเขาจะสามารถมองดูอย่างเฉยเมยได้หรือ?
เมื่อเฉินเจิ้นเจียงคิดถึงทุกสิ่งเหล่านี้ อารมณ์ของเขาก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที
โชคดีที่เฉินเจียซิ่งยังอายุน้อย ตอนนี้เขายังค่อนข้างว่านอนสอนง่าย ถ้าแก้ไขข้อบกพร่องของเขาอย่างดีและพยายามนำพาเขาไปในทางที่ถูกต้อง ทุกอย่างก็ยังทันเวลา
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เฉินเจิ้นเจียงส่งเพจเจอร์ไปหาเฉินเจียซิ่ง
ให้เขาโทรกลับมาหาตัวเอง
ในโทรศัพท์เฉินเจิ้นเจียงบอกว่ามีธุระกับเฉินเจียซิ่ง แต่ไม่ได้ให้เฉินเจียซิ่งกลับบ้าน แต่นัดเจอกันที่ร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เงียบสงบในเมืองไห่เฉิง
เฉินเจียซิ่งมาถึงร้านเหล้าที่พ่อของเขาบอกด้วยความสงสัยมากมาย
เมื่อเขามาถึง เห็นจักรยานเก่าๆ ของพ่อล็อคไว้จอดอยู่หน้าร้านเหล้า เขามองป้ายร้านเหล้าด้วยความงุนงงและรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
เขาไม่อาจหยุดคิดทบทวนชีวิตในช่วงนี้
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย
พ่อของเขาต้องการอะไรกันแน่?
เรียกเขามาที่นี่ทำไมโดยไม่มีเหตุผล? เขาไม่เชื่อหรอกว่าพ่อของเขาอยู่ๆ อยากจะมาดื่มเหล้ากับเขาสองคน ถ้าอยากดื่มจริงๆ ก็ต้องดื่มกับพี่ใหญ่แน่นอน
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปดื่มเหล้ากับเขาตามลำพังข้างนอก
เขาไม่มีหน้าตาพอที่จะทำแบบนั้น
เฉินเจียซิ่งครุ่นคิดอยู่ที่หน้าประตูสักครู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านเหล้าด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ
ทันทีที่เข้าไปก็เห็นเฉินเจิ้นเจียงนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุดของร้าน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ด้วยความเป็นลูกหลานในไส้ตัวเองอะนะ จะตัดขาดสิ้นเชิงมันก็ยาก เฮ้อ ขอให้ครอบครัวนั้นไม่เดินทางผิดแล้วกัน
ไหหม่า(海馬)