ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 942 เซี่ยอวี่กำลังจะคลอด
ตอนที่ 942 เซี่ยอวี่กำลังจะคลอด
เซี่ยอวี่พูดว่า “พ่อ แม่ ตอนนี้ก็ตั้งชื่อเล่นว่าเสี่ยวเย่จือแล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงก็เรียกแบบนี้ ส่วนชื่อจริงค่อยๆ ตั้งตอนกลับไปก็ได้ ไม่ต้องรีบ”
“ได้”
หลังจากเซี่ยอวี่เข้าพักได้สิบวัน ในที่สุดก็มีสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้คลอด
หล่อนเริ่มปวดท้องในตอนกลางดึก โดยมีหัวหน้าแผนกสูตินรีเวชที่รับผิดชอบการทำคลอดมาตรวจด้วยตัวเอง
หลังจากตรวจแล้วก็บอกว่าปากมดลูกยังไม่เปิด ต้องรออีกสักพัก
แต่เซี่ยอวี่ยังคงไม่สบายตัวตลอดเวลา
ตอนแรกแค่รู้สึกกระสับกระส่ายและเจ็บปวดเป็นช่วงๆ จนกระทั่งความเจ็บปวดทวีรุนแรงแทบขาดใจ หล่อนก็รู้สึกอ่อนเพลียจนแทบทนไม่ไหว
เซี่ยอวี่เจ็บปวดจนเหงื่อท่วมใบหน้า เย่ไป๋กอดหล่อนไว้ หัวใจของเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าหล่อนเสียอีก
ในขณะที่เซี่ยอวี่กำลังทุกข์ทรมานที่สุด คุณแม่เซี่ยก็โทรมา
หญิงชราถามถึงสถานการณ์ของหล่อน ด้วยอยากรู้ว่าใกล้คลอดหรือยัง
เย่ไป๋เป็นคนรับสาย ตอนนี้เขาเริ่มพูดจาสับสนเพราะเป็นห่วงเซี่ยอวี่และรู้สึกตื่นเต้น
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เซี่ยอวี่กลับสูดหายใจลึกๆ แล้วยื่นมือมารับโทรศัพท์มือถือ “แม่คะ ยังอีกนานค่ะ วันนี้พวกคุณไม่ต้องมาหรอก รอให้ฉันใกล้จะคลอดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
คุณแม่เซี่ยพูดว่า “แม่อยากเอาน้ำซุปมาให้ลูกหน่อยน่ะ”
“ไม่ต้องค่ะ น้ำซุปที่แม่สามีทำอร่อยกว่าที่แม่ต้มอีก แม่อย่า…มาเลย”
“ทุกคนอย่ามานะคะ”
คนที่อยู่ปลายสายดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เสี่ยวอวี่ ลูกเป็นอะไรไป? ทำไมหายใจแรงแบบนั้น?”
“ออกกำลังกายค่ะ ไม่คุยแล้วนะ ฉันต้องออกกำลังกาย ตอนคลอดจะได้…คลอดง่าย”
ในฐานะนักแสดง หล่อนมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการแสดงก็จริง แต่การอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงเช่นนี้แล้วยังต้องคุยโทรศัพท์กับแม่ตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ว่าหล่อนทรมานแค่ไหน
“ยัยเด็กคนนี้นี่ แต่งงานออกไปไม่เท่าไหร่ก็เบื่อพวกเราแล้วสินะ”
เซี่ยอวี่วางสายทันที เย่ไป๋รีบคว้าโทรศัพท์มือถือไว้ก่อนที่มันจะตกลงพื้น
“เอาล่ะ เข้าห้องคลอดเร็ว”
วันนี้หลินเซี่ยอยู่ที่ร้านเพื่อสอนชุนฟางและคนอื่นๆ เกี่ยวกับข้อควรระวังในการไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ เพราะตอนกลางวันไม่มีเวลา พอตกบ่ายเสร็จงานแล้วเธอก็ตั้งใจจะกลับบ้าน แต่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้อาหญิงของเธอบอกทางโทรศัพท์ว่าอยากกินโร่วเจียโหมว*จากร้านใกล้ๆ ร้านของเธอ
(*แผ่นแป้งสอดไส้เนื้อของจีน คล้ายๆ กับแฮมเบอร์เกอร์)
หลินเซี่ยจึงซื้อโร่วเจียโหมวสองชิ้นแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ตรงไปโรงพยาบาล
เมื่อไปถึงห้องผู้ป่วย ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน
พอถามพยาบาลถึงรู้ว่าเซี่ยอวี่เข้าห้องคลอดแล้ว
หลินเซี่ยรู้สึกร้อนใจ รีบไปที่ห้องคลอดทันที
เย่ไป๋เห็นหลินเซี่ย ใบหน้าที่กังวลอยู่แล้วก็ยิ่งตกใจเล็กน้อย “เซี่ยเซี่ย เธอมาทำไม?”
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปด้านหลังของหลินเซี่ย และเห็นว่ามีแค่เธอคนเดียว คนอื่นๆ ในตระกูลเซี่ยไม่ได้มา
“อาเขย อาหญิงกำลังจะคลอดแล้วใช่ไหมคะ?” เมื่อหลินเซี่ยมาถึงห้องคลอด หัวใจของเธอก็พลันบีบรัดขึ้นมา
ความเจ็บปวดที่ฝังลึกในความทรงจำตอนที่เธอคลอดลูกก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ตอนนั้นเธอจะคลอดค่อนข้างเร็ว แต่ความเจ็บปวดที่ต้องทนก็ยังคงมีอยู่
ตอนนี้อาหญิงกำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ข้างใน หัวใจของเธอหนักอึ้งและรู้สึกเจ็บปวดแทน
สีหน้าของครอบครัวเย่ไป๋ก็ดูหนักอึ้งเช่นกัน
พวกเขาเดินไปเดินมาตลอดเวลา
“อย่ากังวลไปเลย ทุกอย่างจะไม่เป็นไร”
เย่ไป๋ปลอบโยนทุกคนแบบนี้ แต่บนหน้าผากของเขามีเม็ดเหงื่อซึมออกมา ใบหน้าซีดลงจนเกือบจะขาวเผือด
หลินเซี่ยถามเย่ไป๋ว่า “อาเขย บอกคุณย่าของฉันและคนอื่นๆ แล้วหรือยังคะ?”
เย่เจิ้งหัวครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดกับเย่ไป๋ว่า “ถ้าอย่างนั้นบอกพี่ใหญ่กับเถ้าแก่เซี่ยและคนอื่นๆ สักหน่อยดีไหม”
การคลอดลูกของเซี่ยอวี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ควรจะแจ้งให้ครอบครัวของหล่อนทราบ
หากกลัวว่าผู้สูงอายุจะเป็นห่วง อย่างน้อยก็ควรบอกพี่ชายและน้องชายของหล่อน
“ได้ ฉันจะโทรหาเซี่ยไห่”
หมอเย่ผู้สงบสุขุมและเก็บตัวเคยผ่านการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วน มือไม่เคยสั่นเลย
แต่ตอนนี้มือของเขากลับสั่นขณะหยิบโทรศัพท์มือถือจากซองโทรศัพท์ข้างเอวจนหยิบไม่ออกหลายครั้ง
หลินเซี่ยมองดูภาพนี้ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง
“พี่ใหญ่ครับ นี่ผมเองครับ” เย่ไป๋พยายามสุดความสามารถที่จะควบคุมสติ แล้วเอ่ยปากพูดทางโทรศัพท์ “เสี่ยวอวี่เข้าห้องคลอดแล้วครับ”
“อะไรนะ?” เซี่ยเหลยได้ยินข่าวนี้ก็ร้องเสียงสูงด้วยความร้อนใจ
เย่ไป๋อธิบาย “หล่อนกลัวคุณแม่จะเป็นห่วง เลยไม่ให้บอกคุณแม่ ตอนนี้พี่อยู่ที่ร้านอาหารใช่ไหมครับ?”
เซี่ยเหลยไม่ได้ตอบว่าตัวเองอยู่ที่ไหน พูดรัวเร็วแล้วก็วางสาย
ต่อมาเย่ไป๋ก็โทรหาเซี่ยไห่
ซึ่งคำถามแรกคือเซี่ยไห่อยู่ที่ไหน
พอได้ยินเซี่ยไห่บอกว่าอยู่บ้าน เขาก็พูดอึกอัก บอกให้เซี่ยไห่ออกไปนอกประตู เขามีเรื่องจะพูด
เซี่ยไห่ได้ยินน้ำเสียงระมัดระวังและกระวนกระวายอย่างยิ่งของเย่ไป๋ เขาก็ตอบรับเบาๆ แล้วถือโทรศัพท์เดินออกไปนอกประตูใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยไห่รีบถาม
“เสี่ยวอวี่เข้าห้องคลอดแล้ว”
พอเซี่ยไห่ได้ยินคำพูดของเย่ไป๋ อารมณ์ก็ร้อนรุ่มขึ้นมาทันที จนเกือบอุทานเสียงดัง แต่เย่ไป๋ที่อยู่ปลายสายรีบเตือนว่า “นายอย่าตะโกนนะ อย่าให้แม่เป็นห่วง”
เดิมทีเซี่ยไห่ได้ยินข่าวนี้ก็แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย พี่สาวของเขากำลังจะคลอดแล้ว หลานชายของเขากำลังจะเกิดแล้ว
แต่เมื่อได้ยินเสียงเตือนอันแผ่วเบาของเย่ไป๋ หัวใจเขาก็สั่นสะท้าน รีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? มีอันตรายหรือเปล่า?”
“รู้แล้ว”
เซี่ยไห่วางสาย เข้าบ้านบอกคุณแม่เซี่ยว่าที่ห้องเต้นรำมีธุระ เขาต้องไปทำงาน
ขณะที่เขากำลังจะออกจากบ้าน คุณแม่เซี่ยกลับเรียกเขาไว้ “แกรอแปบนึง แม่จะเปลี่ยนรองเท้า พาแม่ไปส่งโรงพยาบาลด้วย แม่จะไปเยี่ยมพี่สาวแกที่โรงพยาบาล”
เซี่ยไห่กลบเกลื่อนอารมณ์แปลกๆ ในดวงตา พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “จะไปดูอะไรล่ะ? หล่อนบอกแล้วว่าไม่อยากกินน้ำแกงที่แม่ต้ม แม่อยู่บ้านพักผ่อนดีกว่า”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตอนรอเบ่งคลอดนี่คือความทรมานอย่างแสนสาหัสเลยค่ะ กว่าจะคลอดก็ต้องทนเจ็บท้องข้ามวันข้ามคืน ฟังจากที่แม่เล่าก็รู้สึกว่าแม่เราเก่งมากจริงๆ ที่ทนเจ็บท้องนานเป็นวันๆ เพื่อคลอดเราแบบเบ่งคลอดตามธรรมชาติ
ไหหม่า(海馬)
………………..