ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 943 ทั้งแม่และลูกสาวปลอดภัย
ตอนที่ 943 ทั้งแม่และลูกสาวปลอดภัย
คุณแม่เซี่ยกำลังสวมรองเท้าเตรียมตัวพร้อมออกไปแล้ว
เซี่ยไห่ไม่อยากพานางไป แต่หญิงชรากลับแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยว ไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธ
เขาจึงไม่กล้าแสดงออกอย่างชัดเจนนัก เพราะกลัวว่านางจะสังเกตเห็นความผิดปกติ
เซี่ยไห่มองแม่ที่สวมรองเท้าเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกลังเลใจ
พี่สาวของเขากำลังจะคลอดลูก การพาแม่ไปเฝ้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่เมื่อเขานึกถึงน้ำเสียงที่เย่ไป๋พยายามกดให้เบาลงทางโทรศัพท์อย่างตั้งใจปิดบังหญิงชรา หัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้ง
หากพี่สาวของเขายังไม่ออกจากห้องคลอดเสียที แม่ผู้ชราก็จะรอด้วยความกระวนกระวายอยู่ข้างนอก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของทุกคน เขาจึงหันไปพูดกับคุณแม่เซี่ยว่า
“ผมมีธุระด่วนที่ห้องเต้นรำ ไปโรงพยาบาลไม่สะดวก แม่รออยู่ที่บ้านก่อนนะครับ ผมจะไปจัดการธุระให้เสร็จแล้วกลับมารับ”
เขาแอบกลัวว่าคุณแม่เซี่ยจะไม่ยอม จึงหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดหาทางออก
คุณแม่เซี่ยพูดว่า “ยังไม่ทันคลอดเลย จะกินโจ๊กข้าวฟ่างทำไม หล่อนน่ะไม่ชอบกินโจ๊กข้าวฟ่างที่สุดเลยนะ”
เซี่ยไห่หยุดฝีเท้า มองดูคุณแม่เซี่ยแล้วอธิบายด้วยความอดทน
“แม่ครับ แม่แก่แล้ว ทำอะไรก็เชื่องช้าลงมาก ที่ให้แม่ทำโจ๊กข้าวฟ่างก็เพราะว่าหล่อนกินไม่ได้ไงครับ ให้หล่อนค่อยๆ ปรับตัวก่อน ผมจำได้ว่าตอนเซี่ยเซี่ยอยู่เดือนหลังคลอดก็กินโจ๊กข้าวฟ่าง ถ้าพี่สาวผมกินไม่ลงจะทำยังไง? ผมได้ยินมาว่าอาหารพวกนี้บำรุงกระเพาะ ดีทั้งกับแม่ที่เพิ่งคลอดและเด็ก พอคลอดแล้วก็ควรให้หล่อนกินโจ๊กข้าวฟ่างนะครับ”
คำพูดของเซี่ยไห่ทำให้คุณแม่เซี่ยเห็นด้วย “จริงด้วย ตอนอยู่เดือนหลังคลอดพวกแกสามคน โจ๊กข้าวฟ่างถือเป็นของหายากทีเดียว”
“ใช่ครับ ยิ่งต้องให้พี่สาวผมกินใหญ่ การอยู่เดือนหลังคลอดเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ควรปล่อยให้หล่อนเลือกกินตามใจชอบ วันนี้ให้หล่อนลองกินมื้อหนึ่งก่อนเป็นการปรับตัว”
เซี่ยไห่เห็นสีหน้าของหญิงชราอ่อนลง เขาจึงพูดต่อ “งั้นแม่ช่วยต้มให้หน่อยนะครับ ผมจะไปห้องเต้นรำสักหน่อย เดี๋ยวจะกลับมารับ”
คุณแม่เซี่ยเริ่มใจอ่อนกับคำหว่านล้อมของเซี่ยไห่ นางมองลูกชายพลางยิ้มพูด “เสี่ยวไห่ ตอนนี้แกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ เจอปัญหาอะไรก็คิดรอบคอบกว่าแม่แก่ๆ คนนี้เสียอีก กระทั่งเป็นห่วงพี่สาวแกตอนอยู่เดือนแล้ว”
“แม่ครับ ผมโตขนาดนี้แล้ว เมื่อก่อนก็อยากจะช่วยคิดช่วยทำอะไรพวกนี้เหมือน แต่ก็ไม่มีโอกาสเลยนี่ครับ”
“ผมไปก่อนนะครับ”
หลังเซี่ยไห่หว่านล้อมคุณแม่เซี่ยสำเร็จ เขาก็หันหลัง สีหน้าเปลี่ยนเป็นร้อนรนทันที ก้าวเดินฉับๆ ออกจากประตูใหญ่ไปที่รถแล้วเปิดประตูรถ เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาล ก็เจอพี่สะใภ้ใหญ่กำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพอดี
เซี่ยไห่จอดรถเรียบร้อยแล้ว จึงตะโกนไปทางด้านหลังของพวกเขา “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่”
เซี่ยเหลยหันกลับมา เห็นเซี่ยไห่วิ่งเข้ามาก็มองไปด้านหลังของเซี่ยไห่แวบหนึ่ง แล้วถามว่า “แม่ไม่ได้มาด้วยใช่ไหม?”
“ไม่ได้มา ผมไม่ได้บอกแม่”
“ไปกันเถอะ รีบขึ้นไปกัน”
เมื่อมาถึงประตูห้องคลอด หลินเซี่ยและเย่ไป๋พร้อมคนอื่นๆ ยังคงรออย่างกระวนกระวายใจ
“เสี่ยวอวี่ยังไม่ออกมาอีกหรือ” เซี่ยเหลยวิ่งเร็วเกินไปจนขากะเผลกเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย
เขาลืมไปว่าต้องควบคุมขาทั้งสองข้างให้ก้าวไปพร้อมกันอย่างคนปกติ ทำให้ท่าทางการเดินกะเผลกของเขาดูไม่ชัดเจนนัก
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่” ตอนนี้เย่ไป๋ถอดเสื้อนอกออกแล้ว ในฤดูใบไม้ผลิแบบนี้เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใน แต่ครึ่งหลังของเสื้อกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ยังไม่ออกมาเลยครับ” เขาตอบ
เขายิ่งตื่นเต้นและกังวลมากขึ้น
“เข้าไปราวชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเราใจเย็น ๆ รอกันเถอะ” เย่ไป๋พูดปลอบใจทุกคน แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาเองที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร นิ้วมือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
บรรยากาศในห้องโถงด้านนอกห้องคลอดเต็มไปด้วยความตึงเครียดอย่างหนัก
แม้จะมีความสุขที่ได้ต้อนรับชีวิตใหม่ แต่ความกังวลกลับก่อตัวขึ้นในใจของทุกคนมากกว่า
ในที่สุดวันสำคัญของเซี่ยอวี่ก็มาถึง เสียงบ่นของคุณแม่เซี่ยที่มักจะพร่ำบอกว่าหล่อนอายุมากแล้ว คลอดยาก ทำให้ทุกคนรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดที่ปิดสนิท หัวใจของพวกเขาเต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล
หลินเซี่ยมองดูสีหน้าเคร่งเครียดของทุกคน ความรู้สึกที่ปะปนไปด้วยความกังวลใจผุดขึ้นมาในใจของเธอเช่นกัน
ย้อนกลับไปตอนที่เธอคลอดลูก คนในครอบครัวของเธอก็คงอยู่ในสภาพแบบเดียวกันนี้ รอคอยอยู่หน้าห้องคลอดอย่างกระวนกระวายใจ ราวกับว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า โชคดีที่เวลาคลอดของเธอนั้นเร็วกว่าคนอื่น ๆ
ท่ามกลางความกังวลใจที่แผ่คลุมไปทั่วห้อง ในที่สุดประตูห้องคลอดก็เปิดออก เย่ไป๋เห็นหมอที่สวมหน้ากากเดินออกมาจากประตูแล้วก็รีบรุดเข้าไปหา “คุณหมอครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
คุณหมอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คลอดแล้วครับ ทั้งแม่และลูกสาวปลอดภัยดี”
หัวหน้าหวงตอบว่า “ได้ คุณฆ่าเชื้อก่อน แล้วเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนหล่อนได้ คนแม่ยังต้องสังเกตอาการอีกสักพัก กำลังให้น้ำเกลือ เดี๋ยวจะอุ้มเด็กออกมาให้”
หลังได้รับอนุญาตจากหัวหน้าหวงแล้ว เย่ไป๋จึงรีบเดินเข้าไปในห้องคลอดอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ แม่กับลูกสาวปลอดภัยใช่ไหม”
เซี่ยไห่มองเซี่ยเหลยด้วยความดีใจและถามเพื่อยืนยัน “พี่ใหญ่ พี่สาวของผมคลอดลูกสาวใช่ไหมครับ”
สีหน้าของเซี่ยเหลยผ่อนคลายลงในที่สุด “อืม”
ทุกคนรู้สึกโล่งอกไปครึ่งหนึ่ง
หมอบอกว่าทั้งแม่และลูกสาวปลอดภัย นั่นก็แปลว่าปลอดภัยแน่นอน
แต่เนื่องจากยังไม่ได้เห็นตัวจริง พวกเขาจึงยังไม่อาจผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่นานนักพยาบาลก็อุ้มทารกน้อยที่ถูกพันห่อในผ้าอย่างดีเดินออกมา
พยาบาลร้องเรียก “ใครเป็นญาติของคุณแม่เซี่ยอวี่คะ?”
“พวกเราเองครับ/ค่ะ”
พยาบาลดูเหมือนจะลังเล ไม่รู้ว่าควรจะส่งเด็กให้ใคร
ทันใดนั้นเซี่ยไห่ก็ตระหนักได้ว่า การกระทำเมื่อครู่เป็นเพียงสัญชาตญาณ เขารู้สึกเขินอายจึงยิ้มแหยๆ และรีบชักมือกลับทันที
เขานึกว่าตัวเองกำลังจะอุ้มเสี่ยวหู่
เด็กแรกเกิดแบบนี้ เขาจะอุ้มได้อย่างไร?
ในที่สุดหลี่เหม่ยเฟิงก็เป็นคนอุ้มเด็กขึ้นมา หลินเซี่ยและคนอื่นๆ ต่างเข้ามามุงดูกันอย่างใกล้ชิดเพื่อชื่นชมทารกน้อย
ทุกคนมองดูทารกน้อยที่ยังไม่ลืมตา ดวงตาของพวกเขาเริ่มชื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะเซี่ยเหลย อาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกซาบซึ้งได้ง่ายมาก
เขาร้องไห้ง่ายขึ้นแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย แต่นี่คือลูกของน้องสาว เป็นหลานสาวของเขาเอง ทำให้อดนึกถึงเซี่ยอวี่ที่ดูแลเขามาหลายปีอย่างยากลำบาก ทำงานอย่างหนักหน่วง และละทิ้งปัญหาส่วนตัวไปไม่ได้
ในที่สุดหล่อนก็มีครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ
ในใจของเขานอกจากความยินดีแล้วก็ยังรู้สึกโล่งใจ ราวกับได้ปลดโซ่ตรวนอันหนักอึ้งออกไป
“ใช่แล้ว หลานสาวของฉันน่ารักจริงๆ” เซี่ยไห่รับคำอย่างเสียไม่ได้ แม้ในใจจะมองดูหลานสาวแบบผ่านๆ เพราะยังรู้สึกว่าทารกแรกเกิดนั้นยากที่จะอธิบายความน่ารักได้จริงๆ
เขาตัดสินใจรออีกสักสองวันให้เด็กเริ่มมีรูปร่างหน้าตาชัดเจนขึ้น แล้วค่อยชมจากใจจริงก็ยังไม่สาย
หลี่เหม่ยเฟิงอุ้มเด็กไปที่ห้องพักผู้ป่วย เซี่ยเหลยบอกให้หลิวกุ้ยอิงตามไปช่วยดูแลด้วย พวกเขารอเซี่ยอวี่ที่อยู่ในห้องคลอดอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดเซี่ยอวี่ก็คลอดลูกสาวออกมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งแม่และลูกแข็งแรงดี เซี่ยไห่จึงกล้าไปรับคุณแม่เซี่ยจากที่บ้านมาที่นี่
หากหญิงชรามาถึงในตอนนี้ นางคงจะดีใจและตื้นตันใจเป็นพิเศษ
แต่ถ้าพานางมาที่นี่เมื่อก่อนหน้านี้ เกรงว่านางคงจะอดเป็นห่วงจนร้องไห้ไม่ได้แน่ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดีใจด้วยค่ะที่คุณดาราคลอดลูกได้อย่างราบรื่น ทำเอาคนอื่นลุ้นระทึกตามกันหมด
ไหหม่า(海馬)