ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 947 การเลี้ยงส่ง
ตอนที่ 947 การเลี้ยงส่ง
ทางด้านนี้ หลิวกุ้ยอิงกับเซี่ยเหลยกลับบ้านตอนเที่ยง เริ่มเตรียมอาหารมื้อใหญ่
พวกเขาตั้งใจทำอาหารอร่อยๆ เพื่อเลี้ยงส่งหลินเยี่ยนกับชุนฟาง รวมถึงทุกคนที่จะเดินทางไปด้วย
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยไห่กับลินดาจะไปส่งพวกหลินเยี่ยน เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ลินดาเป็นคนที่เคยผ่านโลกกว้างมาเยอะ มีหล่อนอยู่ด้วย หลินเยี่ยนกับชุนฟาง รวมถึงคนอื่นๆ คงจะมีคนคอยดูแลในทุกๆ ด้าน
ตอนที่เซี่ยไห่กับลินดากลับมาถึงบ้าน หยางหงเสียก็อยู่ที่นั่นด้วย หลินเซี่ยกับโจวลี่หรงก็พาลูกๆ มาด้วย
ตอนนี้โจวลี่หรงกับหลินเซี่ยทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอย่างกลมเกลียว ปกติมักจะอยู่บ้านกับเสี่ยวหู่ เมื่อหลินเซี่ยออกไปข้างนอกก็มักจะพาหล่อนและลูกไปด้วย เมื่อทั้งสามคนอยู่ด้วยกัน หลินเซี่ยรู้สึกสบายใจ และโจวลี่หรงก็ไม่รู้สึกเหงา
วันนี้แต่เดิมโจวลี่หรงบอกว่าจะทำอาหารให้หยางหงเสียกลับไปกิน แต่หลินเซี่ยกลัวว่าเวลาจะไม่พอ จึงตัดสินใจเรียกหยางหงเสียและเฉินเจียซิ่งมากินข้าวกับหลินเยี่ยนและคนอื่นๆ เลย พอกินเสร็จก็จะออกเดินทางทันที
และถือโอกาสนี้กำชับเรื่องต่างๆ กับพวกหล่อนทั้งสามคนอีกครั้ง
เฉินเจียซิ่งเพิ่งทราบเมื่อครู่นี้เองว่าเซี่ยไห่กับลินดาจะไปส่งพวกหล่อนที่เซี่ยงไฮ้ ทำให้เขารู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที
ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เขาคงซื้อตั๋วเครื่องบินไปส่งด้วยแล้ว
เฉินเจียซิ่งเดินเข้าไปใกล้หลินจินซานแล้วถามว่า “จินซาน นายไปด้วยกันไหม?”
หลินจินซานตอบ “ไปไม่ได้หรอก ฉันต้องดูแลห้องเต้นรำแทนรองผู้จัดการน่ะ”
เดิมทีเฉินเจียซิ่งคิดว่า ถ้าหลินจินซานไปเซี่ยงไฮ้ด้วย เขาจะได้ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย ได้ไปส่งภรรยาถึงที่หมายแล้วค่อยหาเวลาเที่ยวรอบเซี่ยงไฮ้เสียหน่อย ถือโอกาสเปิดหูเปิดตาไปด้วย
เพราะตั้งแต่ทำงานเป็นผู้ดูแลฝ่ายการตลาด เขาก็แทบไม่มีเวลาว่างนอกจากวันหยุด แถมยังไม่เคยได้ออกจากเมืองไห่เฉิงเลยสักครั้ง
เขาก็ค่อนข้างอยากเห็นโลกภายนอก แต่พอหลินจินซานพูดแบบนั้น เฉินเจียซิ่งก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป
หลินจินซานพูดพลางถอนหายใจ เขาเองก็อยากไปส่งภรรยาที่เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน ถึงแม้จะมีงานมากมายที่ต้องทำ แต่เมื่อนึกถึงอนาคตสดใสของภรรยา เขาก็อดใจหายไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ทิ้งงานในมือไปไม่ได้จริงๆ
“ทำไมนายถึงอยากไปล่ะ?” หลินจินซานหันไปถาม
หลินจินซานมองเฉินเจียซิ่งแล้วพูดว่า “พูดตามตรงก็อาลัยอาวรณ์จริงๆ นั่นแหละ แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ อาลัยอาวรณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่คว้าไว้ ต่อไปจะมานั่งเสียใจรึไง? บอกให้นะ พวกเราต้องมองการณ์ไกล ต้องสนับสนุนงานของภรรยาอย่างเต็มที่ ต่อไปพวกเขาก็จะสนับสนุนงานของพวกเราเหมือนกัน อย่าเห็นแก่ตัวกักขังหล่อนไว้ในบ้าน”
“ฉันบอกนายแล้วว่าห้ามคิดแบบนั้น ผู้หญิงแบกครึ่งท้องฟ้าได้ พวกเราต้องปรับตัวตามกระแสของยุคสมัย ต้องเปิดใจให้กว้าง ทุกคนต้องก้าวหน้าไปด้วยกัน อย่าได้มีทัศนคติแบบชายเป็นใหญ่เด็ดขาด”
เฉินเจียซิ่งยักไหล่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย ฉันสนับสนุนภรรยามากเลย”
หลินจินซานมองเขาอย่างดูถูกแล้วแค่นเสียงเบาๆ “แค่เล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ของนาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น”
เฉินเจียซิ่งลูบจมูก แล้วโต้แย้งว่า “ฉันเปลี่ยนไปแล้วนะ ได้โปรดเชื่อฉันเถอะ”
ทุกคนกำลังจะเริ่มกินอาหาร ลู่เจิ้งอวี่ก็มาถึง
เขาแต่งกายอย่างเป็นทางการมาก ในมือถือถุงใหญ่น้อยหลายใบ เดินมาที่ลานบ้านแล้วยืนอย่างเก้อเขินพลางเรียกชื่อของหลินเยี่ยน
เซี่ยเหลยเพิ่งออกมาจากครัว เมื่อเห็นลู่เจิ้งอวี่ก็ประหลาดใจชั่วขณะ จากนั้นก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น
หลินเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นลู่เจิ้งอวี่
เขาไม่ได้บอกหล่อนว่าจะมาที่บ้านของพวกเขานี่นา
ที่สำคัญคือตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในเมืองไห่เฉิงด้วยซ้ำ
เพราะว่าช่วงนี้ลู่เจิ้งอวี่ถูกเซี่ยไห่ส่งไปจัดการเรื่องห้องเต้นรำที่เมืองหนานเฉิง
นี่ก็เป็นสิ่งที่ลู่เจิ้งอวี่ขอเอง หลินเยี่ยนกำลังจะไปอบรมที่เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลาสามเดือน พูดตามตรงแล้วลู่เจิ้งอวี่ก็รู้สึกว่างเปล่าในใจ พอดีเซี่ยไห่บอกว่าจะเลือกผู้จัดการสักคนไปทำงานที่เมืองหนานเฉิงเพื่อจัดการห้องเต้นรำที่นั่นให้เรียบร้อย ฝึกอบรมพนักงานใหม่ แล้วเปิดกิจการอีกครั้ง ลู่เจิ้งอวี่จึงอาสาไปเมืองหนานเฉิงด้วยความกระตือรือร้น
ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะกลับมา
“อาลู่ คุณมาแล้วเหรอครับ” ทันทีที่เห็นลู่เจิ้งอวี่ หู่จือก็แสดงความยินดีอย่างสุดซึ้ง วิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ กอดขาเขาไว้แน่น
ลู่เจิ้งอวี่ยิ้มพลางลูบหัวเด็กชายเบาๆ “หู่จือ ตัวสูงขึ้นเยอะเลยนะ”
“อาลู่ เข้าบ้านกันเถอะครับ” หู่จือจูงมือใหญ่ของเขาเข้าไปในห้องโถง
เมื่อเข้ามาด้านใน ลู่เจิ้งอวี่ก็พบว่ามีคนอยู่เต็มห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทุกคนในตระกูลเซี่ย ใบหน้าของเขาก็ดูเก้อเขินเล็กน้อย ต่างจากท่าทีสบายๆ ตอนมาที่นี่ตามปกติอย่างสิ้นเชิง
ลู่เจิ้งอวี่สูดหายใจเข้าลึก ยิ้มทักทายคุณแม่เซี่ย ก่อนจะหันไปทักทายหลิวกุ้ยอิง สีหน้าของเขาดูเหมือนลูกเขยมือใหม่ที่เพิ่งเจอแม่ยายเป็นครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนมองเห็นความประหม่าของเขา ต่างก็อดหัวเราะไม่ได้
เฉินเจียซิ่งและหลินจินซานต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาก่อน เมื่อเห็นสีหน้าของลู่เจิ้งอวี่ในตอนนี้ ทั้งคู่ก็อดรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก
เซี่ยไห่ตบไหล่เขาเบาๆ พลางพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เธอจะตื่นเต้นอะไร? พูดติดอ่างไปหมดแล้ว ช่างไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย วางของลงแล้วมานั่งสิ”
เซี่ยไห่รับกล่องของขวัญจากมือของเขา
เมื่อเห็นของที่ลู่เจิ้งอวี่นำมา เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ “โอ้โห นายนี่เป็นพ่อบุญทุ่มจริงๆ มีแต่ของนำเข้าทั้งนั้นเลย นี่ซื้อของบำรุงให้ใครกัน? แถมยังมีเหล้าต่างประเทศด้วย”
ลู่เจิ้งอวี่เกาศีรษะ ตอบกลับด้วยสีหน้าเก้อเขิน “ผม…ผมซื้อให้คุณย่าและน้าหลิว ส่วนเหล้าซื้อให้ลุงเซี่ยครับ”
“ยังรู้จักเอาใจคนอื่นอยู่นี่ แล้วทำไมไม่ซื้อให้ฉันล่ะ?” เซี่ยไห่มองเขาแล้วพูดติดตลกว่า “พูดให้ถูกนะ ฉันเป็นคนแนะนำให้นายรู้จักกับเสี่ยวเยี่ยนคนแรกเลยนะ ถ้าไม่มีฉัน นายจะได้รู้จักเสี่ยวเยี่ยนไหม? แถมฉันยังเป็นเจ้านายของนายอีกด้วย นี่ไม่เห็นหัวคนอื่นเลยเหรอ ไม่รู้จักซื้อเหล้าดีๆ ให้ฉันสักขวด”
ลู่เจิ้งอวี่ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้น เขารีบพูดว่า “ครั้งหน้าผมจะซื้อให้ครับ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่ไห่อย่าแกล้งน้องแบบนั้นสิ น้องเพิ่งได้เป็นลูกเขยใหม่เอง
ไหหม่า(海馬)