ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 948 ความรู้สึกเหมือนว่าที่ลูกเขยมาเยี่ยม
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 948 ความรู้สึกเหมือนว่าที่ลูกเขยมาเยี่ยม
ตอนที่ 948 ความรู้สึกเหมือนว่าที่ลูกเขยมาเยี่ยม
ลู่เจิ้งอวี่มองหลินเยี่ยนแวบหนึ่งแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนค่อยๆ นั่งลงข้างๆ หลินเยี่ยนอย่างระมัดระวัง
ทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหาร คุณแม่เซี่ยมองพวกเขาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู แล้วพูดว่า “พวกเด็กๆ จะต้องเดินทางไกล วันนี้พวกเราได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นการส่งพวกเธอแล้วนะ ต่อไปเมื่อไปอยู่ข้างนอก ต้องดูแลตัวเองให้ดี และป้องกันตัวเองด้วย ตอนฝึกอบรมก็ต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจเรียนรู้ ข้างนอกไม่ปลอดภัย ดังนั้นอย่าออกไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อย”
คุณแม่เซี่ยกำชับพวกหลินเยี่ยนอย่างจริงจังมาก
ชุนฟางตอบรับอย่างว่าง่าย “คุณย่า พวกเราจะจำไว้ค่ะ”
คุณแม่เซี่ยมองพวกหล่อนและพูดต่อไปว่า “พวกเธอออกไปพร้อมกับความหวังของทุกคน อย่าทำให้เซี่ยเซี่ยผิดหวังในตัวพวกเธอ ดูสิ โรงเรียนของเซี่ยเซี่ยกำลังจะสร้างเสร็จแล้ว พวกเธออยู่ข้างนอกแล้วต้องตั้งใจเรียนให้ดีๆ พยายามให้มากๆ เพราะเมื่อกลับมาพวกเธอจะต้องรับหน้าที่สำคัญนะ”
เซี่ยเหลยก็พูดเสริมว่า “ย่าของเธอพูดถูกแล้ว พวกเธอต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ เมื่ออยู่ข้างนอก ถ้ามีอะไรก็โทรกลับบ้านนะ”
หลินเยี่ยนกับชุนฟางพยักหน้าพร้อมกันและตอบว่า “ลุงเซี่ย พวกเราจะจำไว้ค่ะ”
พวกหล่อนทั้งสามเป็นเด็กสาวที่รู้ความมาก ครอบครัวไว้ใจพวกหล่อน สิ่งเดียวที่กังวลก็คือพวกหล่อนไม่เคยออกไปไกลบ้าน อาจจะหลงทางในเมืองใหญ่ หรือถูกคนอื่นรังแก หรืออาจจะเจอคนไม่ดี
ดังนั้นพวกเขาจึงกำชับซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า นอกเหนือจากการเรียนแล้วต้องไม่วิ่งเพ่นพ่านไปไหนเด็ดขาด
คุณย่าเซี่ยมองดูแล้วถามว่า “เจิ้งอวี่ เธอตั้งใจมาจากเมืองหนานเฉิงเพื่อมาส่งเสี่ยวเยี่ยนใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคุณย่าถามเขา ลู่เจิ้งอวี่ก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
เขาตอบอย่างเป็นทางการและจริงใจว่า “ครับ ใช่แล้วครับ คุณย่าเซี่ย ผมมาส่งเสี่ยวเยี่ยนครับ”
คุณย่าเซี่ยมองดูลู่เจิ้งอวี่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม นางมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอย่างเรียบร้อยข้างๆ แล้วยิ้มพูดว่า “ดีมาก หลานสาวของฉันเป็นเด็กดี แน่นอนว่าเธอก็เป็นหนุ่มที่ซื่อสัตย์และจริงใจ เมื่อพวกเธอทั้งสองคนมีใจให้กัน ก็จงทะนุถนอมความสัมพันธ์นี้ให้ดี”
ครอบครัวเซี่ยมีความประทับใจที่ดีมากต่อลู่เจิ้งอวี่
ลู่เจิ้งอวี่มาเยี่ยมวันนี้พร้อมของขวัญราคาแพง เห็นได้ชัดว่าเขามาในฐานะแฟนของหลินเยี่ยน
ดังนั้น ในฐานะผู้ปกครอง พวกเขาจึงต้องแสดงท่าทีอย่างจริงจัง
เซี่ยเหลยมองเขาแล้วพูดว่า “เสี่ยวลู่ พวกเราเคารพการตัดสินใจของเสี่ยวเยี่ยน และก็ชื่นชมเธอในฐานะคนหนุ่มคนนี้ด้วย แต่นี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ในฐานะผู้ปกครองของเสี่ยวเยี่ยน พวกเราจะคอยจับตาดูเธออยู่ตลอดเวลา และทดสอบเธอ ถ้าในอนาคตเธอผ่านการทดสอบได้ พวกเราก็จะอวยพรให้กับพวกเธอหนุ่มสาวอย่างแน่นอน”
ลู่เจิ้งอวี่ยืนตัวตรง ตอบกลับอย่างหนักแน่น “ลุงเซี่ย ผมจะต้องผ่านการทดสอบให้ได้ ผมจริงจังกับเสี่ยวเยี่ยนมาก”
ดังนั้น ทุกคนจึงอวยพรให้กับเขาและหลินเยี่ยน
แต่ว่า ในฐานะที่เป็นแม่ หลิวกุ้ยอิงย่อมมีความกังวลอยู่บ้าง
หล่อนมองไปที่ลู่เจิ้งอวี่ แล้วเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง
“เสี่ยวลู่ เธอเป็นหนุ่มที่ดีคนหนึ่ง แต่ว่าเสี่ยวเยี่ยนลูกสาวของฉันยังอายุน้อย อย่างที่เธอเห็นอยู่ว่าตอนนี้หล่อนกำลังจะไปศึกษาต่อที่ต่างเมือง หลังจากกลับมา พี่สาวของหล่อนก็จะจัดการงานที่สำคัญกว่าให้หล่อน อาจจะแต่งงานกับเธอไม่ได้ในเร็ววันนี้ ไม่ทราบว่าเธอมองปัญหานี้อย่างไร?”
ก่อนหน้านี้หลิวกุ้ยอิงก็อยากจะหาโอกาสคุยกับลู่เจิ้งอวี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ลู่เจิ้งอวี่ ถูกส่งตัวไปเมืองหนานเฉิงอย่างกะทันหัน
การหารือจึงต้องเลื่อนออกไปอีก
หลิวกุ้ยอิงมีสีหน้าเคร่งเครียด หล่อนจำเป็นต้องถามความหมายของลู่เจิ้งอวี่ให้ชัดเจน
จำเป็นต้องเหลือทางออกไว้สำหรับอนาคตของหลินเยี่ยน
ลู่เจิ้งอวี่ตอบ
ลู่เจิ้งอวี่เข้าใจอดีตของหลินเยี่ยน เขารู้ว่าการที่หล่อนออกมาจากชนบทและก้าวมาถึงจุดนี้ได้นั้นยากลำบากแค่ไหน
เขายังชื่นชมความแข็งแกร่งที่อยู่ในตัวของหลินเยี่ยนอีกด้วย
แต่หลิวกุ้ยอิงยังคงมีความกังวล “แต่ทางด้านพ่อแม่ของเธอล่ะ พวกเขาจะไม่กดดันเธอหรือ?”
“ไม่หรอกครับ เรื่องการแต่งงานของผมนั้นผมเป็นคนตัดสินใจเอง พ่อแม่ของผมจะเข้าใจผม พวกเขาก็หวังว่าผมจะสามารถหาผู้หญิงที่ผมชอบมาใช้ชีวิตร่วมกันได้”
วันนี้ลู่เจิ้งอวี่ดูเหมือนจะมาอย่างมีการเตรียมตัวมาอย่างดี แม้จะรู้สึกประหม่า แต่ทุกประโยคที่เขาตอบนั้นฟังดูหนักแน่นและมีพลัง
แสดงออกถึงทัศนคติของตัวเองอย่างจริงใจและชัดเจน
ลู่เจิ้งอวี่เป็นลูกผู้ชาย การที่เขาสามารถให้คำมั่นสัญญาแบบนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าเขาได้คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
คุณแม่เซี่ยเห็นหลิวกุ้ยอิงดูจริงจังเกินไป นางจึงยิ้มและพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
“พอเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว รีบกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวเด็กๆ จะตกเครื่องบิน”
หลินจินซานก็ไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อเห็นเฉินเจียซิ่งแสดงออกเช่นนั้น เขาก็รีบคีบอาหารให้ภรรยาของตนอย่างกระตือรือร้น ราวกับกำลังแข่งขันกับเฉินเจียซิ่ง
ลู่เจิ้งอวี่เห็นพี่ชายทั้งสองคนเอาอกเอาใจภรรยาเช่นนั้น ส่วนหลินเยี่ยนก็นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาจึงลองทำตามบ้าง แต่หลินเยี่ยนกลับพูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องคีบให้ฉันหรอก ฉันจัดการเองได้ คุณกินของคุณไปเถอะ”
หลินเยี่ยนรู้สึกอายมาก แน่นอนว่าพี่ชายของหล่อนและเฉินเจียซิ่งต่างก็แต่งงานแล้ว สามีภรรยาจะทำอะไรก็ได้ แต่หล่อนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะทำแบบนั้น รู้สึกว่ามันค่อนข้างหวานเลี่ยน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าครอบครัว
หลังจากกินอาหารเสร็จยังมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อย หลินเซี่ยจึงอธิบายข้อควรระวังเมื่อไปถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ให้พวกหล่อนทั้งสามคนฟังอีกครั้ง
ในขณะที่ครอบครัวเซี่ยกำลังวุ่นวายกับการบรรจุอาหารสำหรับการเดินทางลงในกระเป๋าของหลินเยี่ยนและชุนฟาง เฉินเจียซิ่งก็ดึงตัวหยางหงเสียออกไปข้างนอก
เฉินเจียซิ่งจับมือหล่อนไว้ มองหล่อนด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก แล้วเอ่ยปากว่า “หงเสีย…หลังจากที่คุณไปแล้ว ต้องทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการเรียนนะ รู้ไหม?”
หยางหงเสียพูดอย่างหงุดหงิดว่า “คุณหมายความว่ายังไง? ถ้าไม่ให้ฉันทุ่มเทกับการเรียน แล้วจะให้ฉันจะไปทุ่มเทกับอะไรล่ะ?”
เฉินเจียซิ่งลูบจมูกตัวเอง แล้วพูดต่อไปอย่างไม่กลัวตาย “ที่ผมหมายถึงคือ…เมื่อไปอยู่ข้างนอก พยายามอย่าคบเพื่อนมากนัก โลกภายนอกค่อนข้างวุ่นวาย มีคนสับสนวุ่นวายบางคน เราก็ไม่คุ้นเคย ไม่เข้าใจ การติดต่อด้วยอาจทำให้เสียเปรียบได้ โดยเฉพาะผู้ชายบางคน…”
“พอแล้วๆ ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้ว ฉันเป็นคนยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? คุณจะไม่ระแวงสงสัยไปเสียทุกเรื่องได้ไหม? ฉันไปเรียนด้วยทุนรัฐบาล ไม่ได้ไปเพื่อหาเพื่อน อีกอย่าง ในเมืองไห่เฉิงฉันยังหาเพื่อนได้ไม่กี่คนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมืองใหญ่ แล้วฉันจะไปหาเพื่อนได้ยังไง?”
หยางหงเสียสะบัดมือของเขาออกอย่างโกรธๆ เฉินเจียซิ่งจับมือหล่อนไว้อีกครั้ง แล้วหัวเราะคิกคัก “ผมเชื่อใจคุณ แค่อยากเตือนคุณนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นถ้าคุณถูกคนหลอกตอนอยู่ข้างนอกแล้วผมไม่ได้อยู่ข้างๆ ผมก็จะเป็นห่วงน่ะสิ”
หยางหงเสียมองเขา แล้วเตือนอย่างหงุดหงิด “อย่าเพิ่งพูดถึงฉันเลย ฉันยังไม่ได้เตือนคุณ ตอนที่ฉันไม่อยู่ คุณต้องตั้งใจทำงานให้ดีๆ นะ อย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อย”
เฉินเจียซิ่งได้ยินคำพูดของหยางหงเสียก็รีบพูด “ผมจะมีความคิดเพ้อเจ้ออะไรได้ล่ะ?”
“คุณอย่าคิดจะลาออกบ่อยๆ แล้วก็นะ งานที่ร้านเช่าชุดแต่งงานก็ต้องใส่ใจหน่อย ตอนที่พวกเราไม่อยู่ มีแค่คุณกับพี่สะใภ้อยู่ในร้าน คุณต้องช่วยแบ่งเบาภาระงานของหล่อนบ้าง ตอนถ่ายรูปให้ลูกค้าก็ต้องตั้งใจหน่อยนะ”
เฉินเจียซิ่งได้ยินภรรยาเตือนเรื่องงาน เขาก็ทุบอกรับรอง”คุณวางใจได้เลย ผมจริงจังมากนะ”
เซี่ยอวี่กำลังจะเข้ากองถ่าย ต่อจากนี้หลินเซี่ยก็จะไปที่กองถ่ายเพื่อทำหน้าที่เป็นสไตลิสต์ประจำตัวของเซี่ยอวี่
เฉินเจียซิ่งยังคิดว่าจะแสดงฝีมือให้ดี บางทีหลินเซี่ยอาจจะหางานให้เขาทำในกองถ่ายด้วยก็ได้
ตอนนี้ทักษะการถ่ายภาพของเขาพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมาก ลูกค้าหลายคนชมว่าเขาถ่ายรูปได้ดี
เฉินเจียซิ่งคิดว่า ถ้าตอนนี้มีโอกาสอยู่ตรงหน้าเขา เขาจะต้องคว้ามันไว้ให้ได้ด้วยความสามารถของตัวเอง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้แล้วก็ระวังตัวกันดีๆ นะสาวๆ เมืองใหญ่สิ่งล่อใจมันเยอะ
ไหหม่า(海馬)