ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 952 คุณอาคนรวย
ตอนที่ 952 คุณอาคนรวย
“เธอล่ะ? ถ้าเกิดฉันไม่ทำงานนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้ว เธอมองอนาคตไว้ยังไงบ้าง?” เซี่ยอวี่ถามลินดา
ลินดายักไหล่ “ไม่รู้สิ ก็คงต้องดูแลคนใหม่ไปเรื่อยๆ แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าฉันพร้อมจะออกจากวงการกับเธอหรอกนะ”
“นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เธอเองก็ควรจะแต่งงานกับน้องชายฉันได้แล้ว ฉันขอบอกเธอไว้เลย พอเธอแต่งงานและมีลูกเมื่อไหร่ ตอนนั้นความคิดในใจเธอจะเปลี่ยนไปจากตอนนี้แบบร้อยแปดสิบองศา อะไรที่เป็นเรื่องอาชีพการงานชื่อเสียงแบบที่ผู้หญิงเก่งทำกันอะไรพวกนั้น เธอจะโยนทิ้งไปหมดเลย”
“นั่นมันเธอ ไม่ได้หมายถึงทุกคนสักหน่อย”
“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”
“ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร ฉันก็ขออวยพรให้เธอ ฉันรู้ว่าหลายปีมานี้เธอลำบากและเหนื่อยมาก ตอนนี้เธอมีความสุขเป็นของตัวเอง อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว ฉันก็สนับสนุนเธออย่างเต็มที่”
เซี่ยอวี่พิงลินดา ถอนหายใจ “หลายปีมานี้ฉันลำบากจริงๆ ฉันรู้ว่าเธอลำบากกว่าฉันอีก สิ่งที่เธอทุ่มเทให้เบื้องหลังมันไม่น้อยไปกว่าฉันเลย เธอไม่เหนื่อยหรือ?”
“ไม่เหนื่อย” สีหน้าของลินดาฉายแววขมขื่น “พูดตามตรง ฉันไม่มีความกล้าและความมั่นใจเหมือนเธอหรอก”
อีกทั้งหล่อนยังได้พบกับผู้ชายที่รักหล่อนที่สุด ถูกห้อมล้อมด้วยความสุข
แต่กับตนเองแล้วไม่เหมือนกัน
แม้เซี่ยไห่จะถือว่าเป็นผู้ชายที่น่าเชื่อถือมาจนถึงตอนนี้ และครอบครัวเซี่ยก็เต็มไปด้วยความรัก
แต่ความรักครั้งนี้จะเป็นนิรันดร์หรือ?
ถ้าในอนาคตหล่อนกับเซี่ยไห่เกิดความขัดแย้งกัน หรือมีปัญหาด้านความรู้สึก แล้วครอบครัวเซี่ยจะเข้าข้างใคร?
หล่อนไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่มีญาติทางฝ่ายแม่
เพื่อนคนเดียวที่สนิทที่สุดของหล่อนก็คือเซี่ยอวี่
ไม่รู้ว่าถ้าหล่อนแต่งงานกับเซี่ยไห่แล้ว ในอนาคตถ้ามีปัญหากับเซี่ยไห่ เซี่ยอวี่จะเข้าข้างใคร? จะยังคงสนับสนุนหล่อนเหมือนเดิมหรือไม่? พวกหล่อนจะห่างเหินกันหรือเปล่า?
หล่อนยอมเหนื่อยกับงานดีกว่า งานทำให้หล่อนรู้สึกเติมเต็ม เงินในกระเป๋าสตางค์ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัย
“พอเถอะ เธอไม่ใช่ร่มนะ อย่าฝืนตัวเองเลย ไม่เหนื่อยอะไรกัน?” เซี่ยอวี่มองลินดาด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนรัก เราสองคนเป็นใครกับใคร ทำไมจะไม่รู้ไส้กันล่ะ ฉันสงสารเธอจริงๆ ฉันหวังให้เธอมีความสุข หวังให้เธอไม่ต้องลำบากมากขนาดนี้ พวกเราทำงานมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนวิถีชีวิตได้แล้ว น้องชายฉันเป็นผู้ชายที่ไว้ใจได้มาก เขารักเธอมาก และมีความรับผิดชอบด้วย ฉันคิดว่าเธอควรวางความกังวลลง แล้วก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว”
“เธอเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ เธอควรจะเปลี่ยนวิถีชีวิตได้แล้ว! ถ้ามีครอบครัวเล็กๆ ของตัวเอง เธอจะมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น ตอนนี้ชีวิตเธอไม่มีจุดหมาย หาเงินได้แต่ในใจก็ยังว่างเปล่า เมื่อเวลาผ่านไปเห็นคนรอบข้างต่างมีครอบครัวและลูก เธอจะยิ่งรู้สึกเหงามากขึ้นเรื่อยๆ นะ”
ลินดาฟังคำพูดของเซี่ยอวี่ สีหน้าดูหม่นหมอง ก้มหน้าลงพูดว่า “ฉันเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันได้ชีวิตใหม่แล้ว พูดตามตรงกับเธอนะ ความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ”
เซี่ยอวี่คุยกับลินดาอย่างเปิดอกเปิดใจ ดูเหมือนว่าเธอจะพูดให้ลินดาคล้อยตามได้จริงๆ
ลินดาพยักหน้า “อืม ฉันจะลองคิดดู”
เซี่ยอวี่มองหล่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “ยังจะคิดอะไรอีก? ฉันบอกเธอแล้วว่าเรื่องนี้ต้องจัดลำดับความสำคัญไว้อย่างแรก อย่าเลื่อนออกไปอีก”
“แล้วเธอจะออกจากวงการจริงๆ หรือ?” ลินดาถามอย่างจริงจังขณะมองหล่อน
หล่อนจำเป็นต้องทำความเข้าใจในคำถามนี้ให้ชัดเจน หล่อนต้องรู้ความคิดที่แท้จริงในใจของเซี่ยอวี่
เพื่อที่จะได้วางแผนการทำงานต่อไปและเตรียมการล่วงหน้า
เซี่ยอวี่ยิ้มเล็กน้อย “ล้อเล่นน่ะ ฉันอายุยังน้อยจะออกจากวงการทำไม? สองสามวันนี้ฉันคิดใคร่ครวญว่าอยากให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้น ตอนนี้ฉันมีลูกแล้วนี่นา อยากให้เวลากับหล่อนมากขึ้น ส่วนเสี่ยวไป๋ของฉันก็ทำงานหนักมาก ฉันเลยอยากอยู่เป็นเพื่อนเขามากขึ้น ต่อไปถ้าเขากลับจากที่ทำงานแล้วได้เห็นฉันและได้กินอาหารที่ฉันทำเอง เขาคงจะมีความสุขมากแน่ๆ”
ลินดามองดูสีหน้าที่เคลิบเคลิ้มของเซี่ยอวี่ด้วยท่าทางอึ้งๆ “ใช่ เขาดูมีความสุขมาก แต่ความสุขแบบนี้จะรักษาไว้ได้ตลอดชีวิตจริงๆ หรือ?”
ความรักมีวันหมดอายุ
เซี่ยอวี่ชายตามองหล่อน “เธอพูดอะไรของเธอน่ะ ทำไมจะรักษาไว้ไม่ได้ล่ะ?”
“ถึงรักษาไว้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้รู้สึกมีความสุขก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวลาเถอะ”
เซี่ยอวี่มองหล่อนพลางพูดว่า “ฉันว่าเธอมองโลกในแง่ร้ายยิ่งกว่าฉันอีก ใครจะไปรู้เรื่องในอนาคตล่ะ แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเป็นยังไง ฉันจึงคิดว่าพวกเราไม่ควรคิดมากเกินไป ความสุขที่อยู่ตรงหน้าสำคัญที่สุด ถ้าวันหนึ่งความรักของเสี่ยวไป๋ที่มีต่อฉันจืดจางลงจริงๆ ฉันก็จะปล่อยมือ”
“แต่กับลูกของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้หล่อนต้องเสียใจแม้แต่นิดเดียว เมื่อฉันให้กำเนิดหล่อนมาแล้ว ฉันก็จะให้ชีวิตที่ดีที่สุดและการดูแลที่อบอุ่นที่สุดแก่หล่อน”
เซี่ยอวี่กลัวว่าลินดาจะไม่พอใจเธอ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายและยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลนะ ต่อไปฉันก็จะยังแสดงละครอยู่ ถ้าเจอบทดีๆ ก็จะแสดง เหลือแค่รอดูว่าจะมีโอกาสไหม ฉันหวังจริงๆ ว่าเธอจะลดปริมาณงานลงบ้าง ทำงานช้าลงหน่อย และเพลิดเพลินกับชีวิตให้มากขึ้น”
เซี่ยอวี่พูดอย่างจริงใจ ลินดานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “เข้าใจแล้ว”
เซี่ยไห่รับสายจากเซี่ยอวี่แล้วก็มาด้วยความดีใจ
เขายังซื้อของเล่นเล็กๆ น้อยๆ มาให้หลานสาวมากมาย แม้เด็กยังไม่ครบเดือนและยังไม่รู้จักเล่น แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคุณอาคนรวยที่จ่ายเงินซื้ออย่างใจป้ำ
เซี่ยอวี่เห็นตุ๊กตาฝรั่งและของเล่นมากมายที่เซี่ยไห่นำเข้ามาแล้วก็อดขำไม่ได้
“นายซื้อของพวกนี้มาทำไมกัน? หลานยังไม่ครบเดือนเลย ดูสิ ซื้อมาหลายครั้งแล้ว กองอยู่เต็มกล่องกระดาษใหญ่จนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหนแล้ว!”
เซี่ยไห่พูดว่า “ตอนนี้ยังเล่นไม่ได้ก็เล่นทีหลังสิ อ้อ ยัยหนูยังใส่สร้อยคอกุญแจอายุยืนที่ผมซื้อให้อยู่หรือเปล่า? ผมบอกพี่ไว้เลยว่าอันนั้นซื้อมาจากเซี่ยงไฮ้เลยนะ แพงมาก อย่าทำให้หลานทำหายล่ะ”
ครั้งที่แล้วที่เซี่ยไห่ไปเซี่ยงไฮ้ เขากลับมาพร้อมกับกุญแจอายุยืนที่สวยงามมากสำหรับเสี่ยวเย่จือ
มีคุณค่าอย่างยิ่ง
เขาพูดพลางพยายามดึงคอเสื้อของเสี่ยวเย่จือลงเพื่อตรวจดู
เซี่ยอวี่ปัดมือของเขาออกทันที “หล่อนใส่อยู่นะ อย่าไปดึงสิ เดี๋ยวหลานก็ตื่นหรอก”
เซี่ยไห่เห็นเซี่ยอวี่ไม่ยอมให้เขาแตะต้องเด็ก เขาจึงบ่นอย่างหงุดหงิด “พี่ไม่ยอมให้ผมอุ้มหลานสาวเลย แล้วพี่เรียกผมมาทำไมล่ะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อะไรก็เป็นไปได้ในอนาคต ขอแค่ปัจจุบันมีความสุขให้มากๆ ก็พอ
พี่ไห่รวยกับหลานมากเลยนะคะ