ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 953 โกรธจนด่าตัวเอง
ตอนที่ 953 โกรธจนด่าตัวเอง
เซี่ยไห่รู้สึกฉุนเล็กน้อยที่เซี่ยอวี่ไม่ยอมให้เขาอุ้มเด็ก เขารู้สึกเบื่อหน่ายและอยากจะกลับไปเร็วๆ เพราะมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ แต่พี่สาวของเขาเรียกเขามาแล้วกลับไม่ให้เล่นกับหลาน เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองมาเสียเที่ยว
เซี่ยไห่กำลังจะบอกว่าเขาจะกลับก่อน แต่เซี่ยอวี่ก็รั้งเขาไว้ “เอาล่ะ นั่งลงเร็วเข้า ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย อย่าทำให้เด็กตื่น ถ้าเด็กตื่นขึ้นมาเราจะคุยกันไม่ได้”
เซี่ยอวี่มีสีหน้าจริงจัง เซี่ยไห่จึงมองหล่อนด้วยความสงสัย และลดเสียงลงเล็กน้อย “มีอะไรหรือ? พี่เพิ่งคลอดลูก จะมีเรื่องอะไรมาคุยกับผมได้?”
เซี่ยอวี่พูดอย่างหงุดหงิด “ไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แต่เป็นเรื่องของนายต่างหาก นั่งลงเร็วเข้า ไม่งั้นฉันจะไม่พูดแล้วนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่ เซี่ยไห่ก็ให้ความสนใจทันที รีบนั่งลงบนโซฟา จ้องมองเซี่ยอวี่อย่างกระตือรือร้น แล้วรีบถามว่า “เรื่องของผมเหรอ? เรื่องอะไรกัน? ผมจะมีเรื่องอะไรได้?”
เซี่ยอวี่ก็นั่งตัวตรงอย่างจริงจัง มองเซี่ยไห่ ไม่ได้ทำให้เขาต้องลุ้น แล้วถามอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันถามนายหน่อย เรื่องของนายกับลินดามันจะเป็นยังไงกันแน่? พวกนายคบกันมานานพอแล้วนะ มีความตั้งใจจะแต่งงานกันไหม? ถ้าไม่อยากแต่งก็รีบเลิกกันซะ สถานะตอนนี้ไม่ชัดเจนแล้วมันดูไม่ได้จริงๆ”
พอได้คุยเรื่องนี้ เซี่ยไห่แทบจะร้องไห้ “พี่ลองคิดดูสิ พวกพี่สองคนสนิทกันขนาดนั้น อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ตามหลักแล้วควรจะเข้ากันได้ดีใช่ไหม เย่ไป๋ตามจีบพี่ไม่นานพี่ก็ตกลงรับรักเขาแบบโง่ๆ ทั้งท้องทั้งแต่งงาน แต่คนของผมทำไมถึงดื้อขนาดนี้ล่ะ? เหมือนก้อนขี้ในชักโครกเลย ทั้งเหม็นทั้งแข็ง พูดอะไรก็ไม่ฟัง”
เซี่ยอวี่ “!!!”
หล่อนจ้องเซี่ยไห่อย่างอึ้งๆ แล้วพูดออกมาอย่างโมโห
“นายพูดจาให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม ถ้าลินดาได้ยินคำพูดแบบนี้ หล่อนคงอยากเชือดนายทิ้งมากกว่าจะแต่งงานกับนายเสียอีกน่ะ”
คนคนนี้ดีไปหมดทุกอย่าง ยกเว้นแต่มีวาจาร้ายกาจ
ปากกล้าขนาดนี้ ถึงขนาดด่าตัวเองยังได้
เซี่ยไห่หัวเราะเบาๆ แล้วอธิบายว่า “ผมแค่ยกตัวอย่างเท่านั้นนะพี่ หล่อนมีความคิดเป็นของตัวเองมากจนผมไม่รู้ว่าหล่อนคิดยังไง พี่ช่วยถามหล่อนให้ผมหรือยัง? หล่อนหมายความว่ายังไงกันแน่? หล่อนมองว่าผมไม่ดีพอหรือว่าแค่อยากคบกันไม่อยากแต่งงาน? จะมีวันไหนไหมที่หล่อนจะทิ้งผมไปกะทันหัน? พูดตามตรงผมรู้สึกไม่มั่นคงเลย ถ้าเกิดหล่อนกลับฮ่องกงไปล่ะจะทำยังไง? ใจผมไม่สงบเลย ไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย”
เซี่ยไห่เองก็ลองถามลินดาหลายครั้งแล้วเพื่อหยั่งเชิงความคิดของหล่อน อยากรู้ว่าในใจลึกๆ ของหล่อนคิดอะไรอยู่จริงๆ
ตอนนี้คบกันอยู่แบบนี้ แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมตอบตกลงสักที เขารู้สึกไม่มั่นใจเลยจริงๆ
“ลินดาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ก็แค่…นายก็รู้นี่ว่าชีวิตที่ผ่านมาของหล่อนลำบาก เจอเรื่องทุกข์ยากมามากเหมือนกับพวกเราในอดีต หล่อนเลยไม่รู้สึกมั่นคงปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความรัก มันยากมากที่จะเชื่อใจใครสักคนอย่างแท้จริง ตลอดหลายปีมานี้หล่อนก็อยู่คนเดียว ไม่มีพ่อแม่คอยจัดการให้ จนบางครั้งหล่อนก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรก้าวไปข้างหน้าอย่างไร
เรื่องนี้นายต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน นายต้องให้ความรู้สึกปลอดภัยและความไว้วางใจที่เพียงพอแก่หล่อน ต้องทำให้หล่อนรู้สึกว่านายเป็นคนที่คู่ควรกับการไว้วางใจ ตอนนี้หล่อนแค่ต้องการความกล้า ต้องการให้นายเป็นแรงผลักดันให้หล่อนก้าวไปข้างหน้า เมื่อหล่อนมีความกล้าแล้ว หล่อนก็จะตอบตกลงแต่งงานกับนายเอง”
เซี่ยอวี่มองเซี่ยไห่แล้วพูดอย่างเนิบนาบว่า “แล้วนายแสดงบุคลิกให้มันดูมั่นคงหน่อยได้ไหมล่ะ? อายุปูนนี้แล้วอย่าทำตัวเหลวไหลเลย ต่อไปเวลาอยู่ต่อหน้าลินดาต้องทำตัวเป็นลูกผู้ชาย นายต้องเป็นที่พักพิงของหล่อนนะ”
เซี่ยไห่พูดว่า “ผมว่าผมก็มั่นคงพอแล้วนะ เชื่อว่าหล่อนน่าจะเข้าใจความรู้สึกที่ผมมีต่อหล่อน พวกเราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว ผมไม่รู้ว่าหล่อนกำลังรออะไรอยู่ หล่อนเก็บงำความคิดเอาไว้มิดชิดมาก โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ค่อยเปิดใจคุยกับผม แม้แต่ตอนคุยกันก็ไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้เลย”
เซี่ยไห่พูดถึงหัวข้อนี้ด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างมาก
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีวุฒิภาวะ มั่นคง และประสบความสำเร็จ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อลินดาก็เป็นที่ประจักษ์ต่อฟ้าดิน
“พี่สาว พี่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับชีวิตรักของผม ก่อนที่ผมจะเจอหล่อน ชีวิตรักของผมก็เหมือนกระดาษเปล่าๆ นอกจากสาวที่ผมแอบชอบตอนวัยรุ่นแล้วก็แทบไม่มีความรักอื่นเลย หล่อนคงเป็นคนแรกที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นหล่อน ทั้งๆ ที่หล่อนเหมือนผู้ชายมากกว่า ไม่เหมือนกับผู้หญิงสวยอ่อนโยน น่ารัก ผมยาวสลวยอย่างที่ผมจินตนาการไว้เลย แต่ผมก็ยังตกหลุมรักหล่อน นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิตสินะ ในเมื่อผมเลือกหล่อนแล้ว ผมก็จะอยู่กับหล่อนตลอดไป”
แน่นอนว่าเซี่ยอวี่เชื่อใจเซี่ยไห่ หล่อนรู้จักนิสัยของน้องชายเป็นอย่างดี และเข้าใจดีกว่าใครๆ ว่าเขาเลือกคู่ครองอย่างพิถีพิถันแค่ไหนในเรื่องความรัก
ถ้าเขาไม่ได้ชอบลินดาจริงๆ เขาก็จะไม่มีทางเล่นละครหรือหลอกเล่นกับความรู้สึกของหล่อนเด็ดขาด
มันไม่จำเป็นเลย
ดวงตาของเซี่ยอวี่กะพริบเล็กน้อย ก่อนให้คำแนะนำกับเขา “งั้นก็แสดงออกให้ดีหน่อยสิ ฉันก็ลองหยั่งเชิงหล่อนดูแล้ว จริงๆ แล้วหล่อนก็อยากก้าวไปข้างหน้าเหมือนกัน แค่ต้องการจังหวะเท่านั้น นายพยายามหน่อย ขอแต่งงานอะไรแบบนี้ รีบจดทะเบียนซะ”
เซี่ยอวี่ให้คำแนะนำและวางแผนให้เขาอย่างจริงใจ คราวนี้เซี่ยไห่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ตอบรับอย่างว่าง่าย “อืม ได้”
ในช่วงไม่กี่วันต่อมา เซี่ยไห่ทำตามคำแนะนำของเซี่ยอวี่ เขาพูดคุยกับลินดาอย่างจริงใจสองครั้ง และพาหล่อนออกไปดูบ้านโดยเฉพาะ โดยตั้งใจจะซื้อบ้านใหม่สักหลังที่จะเป็นของพวกเขา
แม้ลินดาจะมีที่อยู่อาศัยของตัวเองแล้ว แต่เซี่ยไห่ในฐานะผู้ชายก็ควรเตรียมทุกอย่างที่ควรเตรียมให้พร้อม
อย่างน้อยการมีบ้านก็ทำให้มีแผนการชัดเจนสำหรับอนาคต
หลังจากที่เซี่ยไห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้ว เขาก็เริ่มพยายามโน้มน้าวลินดา หวังว่าหล่อนจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานลินดา แม้ว่าปากจะไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน แต่เซี่ยไห่สามารถรู้สึกได้ว่า จริงๆ แล้วในใจของหล่อนเริ่มอ่อนลงแล้ว
ทุกสิ่งที่เซี่ยไห่ทำ หล่อนล้วนมองเห็นอยู่ในสายตา รู้สึกได้ถึงความจริงใจของเซี่ยไห่ที่มีต่อหล่อน และเห็นได้ว่าเขาต้องการสร้างครอบครัวร่วมกับหล่อนจริงๆ
หล่อนเองก็ปรารถนาที่จะมีครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองเช่นกันไม่ใช่หรือ?
บางทีหล่อนควรจะกล้าก้าวออกไปอีกก้าวหนึ่ง เหมือนที่เซี่ยอวี่พูดไว้ ให้ทะนุถนอมปัจจุบัน ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ใครจะรู้เล่าว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร?
หล่อนเป็นคนที่ผ่านมรสุมชีวิตมาแล้ว และเป็นคนที่เห็นโลกมามาก ทำไมไม่ปล่อยวางสักหน่อยล่ะ?
ในขณะที่ลินดากำลังคิดฟุ้งซ่าน หล่อนก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเซี่ย
“พี่ลินดาคะ มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือหน่อยได้ไหมคะ?” หลินเซี่ยถามด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มทางโทรศัพท์
ลินดาถาม “ช่วยอะไรเหรอ?”
หลินเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งทางปลายสาย แล้วเอ่ยขึ้น “พี่มาที่ร้านเช่าชุดแต่งงานของฉันสักหน่อยได้ไหมคะ? มาแล้วเราค่อยคุยกันแบบละเอียด”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กลัวฝีปากเซี่ยไห่จะทำให้ลินดาเสียใจมาก เพราะบทจะด่าทีพี่แกด่าแรงและเจ็บอยู่
เซี่ยเซี่ยเรียกลินดาไปที่ร้านทำไมนะ?
ไหหม่า(海馬)