ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 958 ข่าวดีในครอบครัว
ตอนที่ 958 ข่าวดีในครอบครัว
เมื่อได้ยินคำบ่นของหญิงชรา เซี่ยไห่ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “แม่ครับ แน่นอนว่าต้องมีข่าวดีสิครับ ไม่งั้นผมจะพาทุกคนมากินอาหารนอกบ้านทำไมล่ะ?”
อีกสักครู่ ถ้าแม่ผู้ชรารู้ว่าวันนี้เขาทำอะไรไป นางคงจะดีใจจนกระโดดโลดเต้นแน่ๆ
คุณแม่เซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม “แกมีข่าวดีอะไรหรือ? จะเปิดสาขาห้องเต้นรำอีกแล้วใช่ไหม?”
เมื่อไม่กี่วันก่อน เซี่ยไห่ไปดูงานที่เมืองเซี่ยงไฮ้กับลินดา หลังจากกลับมาก็พูดอย่างหนักแน่นว่าอยากจะเรียนรู้วิธีการตกแต่งและรูปแบบการบริหารจัดการห้องเต้นรำแบบเมืองที่พัฒนาแล้วอย่างเซี่ยงไฮ้
คุณแม่เซี่ยจึงคิดโดยสัญชาตญาณว่าเซี่ยไห่กำลังจะขยายธุรกิจอีกแล้ว
“แม่ครับ ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับห้องเต้นรำหรอก เป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง” เซี่ยไห่พูดพลางมองลินดาที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน
คุณแม่เซี่ยก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พอเห็นสายตาของลูกชายแบบนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที มองเซี่ยไห่กับลินดาด้วยความหวัง อยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็กลัวว่าลินดาจะรู้สึกอึดอัด จึงไม่กล้าถามตรงๆ ออกมา
นอกจากนี้ นางก็ไม่อยากผิดหวังอีกแล้ว
นางยิ้มแล้วเอ่ยปากว่า “จริงหรือ? เรื่องส่วนตัวของลูกสินะ? พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่กำลังทำอาหารอยู่ พวกเรานั่งลงกันก่อนแล้วค่อยๆ คุยกันนะ”
หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าวันนี้คุณย่าของเธอช่างใจเย็นเสียจริง มุมปากของเธอก็ยกขึ้นเล็กน้อย
โอ้โห แม่เฒ่าคนนี้ตอนนี้กลายเป็นคนใจเย็นขนาดนี้แล้ว ถึงกับไม่ซักถามอะไรเลย
เมื่อหลินเซี่ยจะไปช่วยงานในครัว ลินดาก็รีบลุกขึ้นตามไปด้วยทันที ทันทีที่ลินดาเดินออกไป สีหน้าของคุณแม่เซี่ยก็เปลี่ยนไปจากความสงบนิ่งเมื่อครู่ เขยิบเข้าไปใกล้ลูกชายแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวไห่ เรื่องดีๆ ที่ลูกพูดถึงคืออะไรกันแน่? บอกแม่ก่อนได้นะ”
เซี่ยไห่เห็นสายตาคาดหวังของแม่ แล้วอดขำไม่ได้ จึงพูดว่า “แม่ครับ แม่ไม่ได้บอกว่าไม่อยากรู้หรอกเหรอ? ทำไมถึงถามอีกล่ะ?”
“ไอ้ลูกบ้า แม่จะไม่อยากรู้ได้ยังไง? ถ้าลูกจะพูดเรื่องในห้องเต้นรำ แม่ไม่อยากรู้เลยสักนิด แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว แม่ก็อยากรู้แน่นอน เมื่อกี้ลูกมองลินดาทำไม? หล่อนตอบตกลงแต่งงานกับลูกแล้วใช่ไหม?”
เซี่ยไห่กอดอกพิงเก้าอี้ พยายามกลั้นหัวเราะ แกล้งไม่ตอบคำถาม
คุณแม่เซี่ยมองดูท่าทางสงบนิ่งของเขา ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้น จึงกดเสียงลงถามซักไซ้ “เร็วเข้าสิ บอกมาซะที เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ระหว่างพวกแกมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม? คำพูดที่พี่สาวแกบอกไว้ แกจำได้หมดหรือเปล่า? รู้จักจัดการอะไรบ้างหรือเปล่า?”
“แม่ลองเดาดูสิครับ” เซี่ยไห่ยังคงใจเย็นอย่างที่สุด แถมยังรินน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่งแล้วจิบอย่างช้าๆ
“จะให้ฉันเดาอะไรล่ะ?” คุณแม่เซี่ยมองดูท่าทางน่าหมั่นไส้ของเขา รู้สึกโมโหมาก จึงเริ่มพูดจาประชดประชัน “ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็ แกคงโน้มน้าวหล่อนไม่ได้แน่ๆ ไอ้หนูนี่ดูภายนอกก็ดูดีมีหน้ามีตา แต่ก็เก่งแค่เรื่องหาเงินเท่านั้นแหละ แต่เรื่องความรักนี่ไม่มีความสามารถเลยสักนิด ดูพี่ใหญ่แกสิ เป็นคนเงียบขรึมแท้ๆ ยังจัดการพี่สะใภ้ใหญ่ได้เลย ทำไมแกถึงไม่มีความสามารถอะไรเลยนะ?”
คุณแม่เซี่ยรู้สึกหมดหวังไปครึ่งหนึ่ง มองลูกชายด้วยสายตาดูถูก
จากที่นางรู้จักเซี่ยไห่ ถ้าเกิดมีความคืบหน้าจริงๆ เขาคงจะทนเก็บอาการไม่อยู่ คงรอไม่ไหวจนถึงประตูบ้านก็คงอวดออกมาแล้ว ไม่ใช่นั่งอยู่ที่นี่และพูดจาหลบเลี่ยงไปเรื่อยๆ
เซี่ยไห่ถูกแม่วิจารณ์และดูถูกไปพร้อมๆ กัน เขารู้สึกเจ็บปวดมาก
เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนหล่อเหลาสง่างาม สูงสง่าดั่งหยกใต้สายลม ในเรื่องความรักก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่อยากหาคู่เท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้หญิงไล่ตามเขา ความจริงแล้วมีมากมายเลยต่างหาก
ไม่คิดว่าในสายตาของหญิงชรา เขาจะดูไร้ประโยชน์ขนาดนี้ มันช่างน่าหดหู่เหลือเกิน เรื่องนี้ช่างทำร้ายความภาคภูมิใจของเขาอย่างแสนสาหัส
เขาตัดสินใจยอมแพ้ กลืนคำพูดที่จะหลุดออกมาจากปากกลับลงไป
เขายกแขนทั้งสองข้างหนุนท้ายทอย ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ผมมันไม่มีความสามารถอะไร ไม่มีฝีมืออะไรเลย ลินดาถึงไม่ยอมแต่งงานกับผม ดูเหมือนว่าชาตินี้ผมคงต้องเป็นโสดแล้วละ แล้วแม่เฒ่าอย่างคุณก็คงไม่มีโอกาสได้อุ้มหลานแล้ว”
เซี่ยไห่ลากเสียงเนือยๆ ในประโยคสุดท้าย ตั้งใจจะทำให้คุณแม่เซี่ยรู้สึกอึดอัดใจ
“ไอ้เด็กบ้า แกหมายความว่ายังไง? เมื่อกี้แกไม่ได้บอกหรือว่ามีเรื่องน่ายินดี แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนนี้พวกแกสองคนพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหนแล้ว?” คุณแม่เซี่ยมองเขาอย่างร้อนรนพลางถามไล่เลียง
“ไม่มีพัฒนาการอะไรหรอก” เซี่ยไห่ตอบห้วนๆ
จากนั้นเขาก็แสดงท่าทางแง่งอนใส่หญิงชรา ถามอะไรก็ไม่ตอบสักคำ ทำเอาคุณแม่เซี่ยใจคอไม่ดี
เมื่อกี้เพิ่งบอกว่ามีเรื่องน่ายินดีจะมาบอก แต่ทำไมตอนนี้ไอ้เด็กบ้านี่กลับมาทำตัวลึกลับอีกแล้ว?
ไม่เพียงแต่ปิดบังความจริงแต่ยังทำตัวงอนใส่ อายุปูนนี้แล้วยังเด็กจริงๆ
ถึงอย่างนั้นคุณแม่เซี่ยก็ไม่ได้โกรธจริงๆ ไม่ว่าลูกชายจะอายุเท่าใด ในสายตาของแม่ก็ยังเป็นเด็กตลอดไป อีกอย่างลูกชายเจ้าปัญหาคนนี้ก็ไม่เคยมีท่าทีจริงจังอยู่แล้ว นางจึงชินกับพฤติกรรมแบบนี้
นางแค่รู้สึกกระวนกระวาย เรื่องที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องน่ายินดีนั้นคืออะไรกันแน่?
มันคุ้มค่าให้นางตั้งความหวังไว้หรือเปล่า?
เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงทำอาหารเสร็จแล้ว หลินเซี่ยถือจานอาหารสองจานมาวางบนโต๊ะอย่างมีความสุข โดยมีหู่จือเดินตามหลัง ปากน้อยๆ กำลังแทะขาไก่อย่างเอร็ดอร่อย
“อืม ดีแล้ว” เซี่ยไห่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงลุกขึ้นพูดว่า “ในห้องทำงานฉันเหลือไวน์องุ่นอีกหนึ่งขวด ฉันจะไปเอามา วันนี้ต้องมีเหล้าด้วย”
เซี่ยไห่เพิ่งออกไป หลินจินซานก็เดินเข้ามาพร้อมกับฮัมเพลง
“คุณย่าครับ วันนี้ทำไมถึงมากินข้าวที่ร้านอาหารล่ะครับ?” หลินจินซานเห็นลินดาถือจานอาหารเดินออกมาจากครัว จึงเดินเข้าไปรับจานจากมือของหล่อนอย่างมีไหวพริบ
“พี่ลินดาครับ ผมถือให้เองครับ”
หู่จือที่กำลังแทะขาไก่อยู่ได้ยินหลินจินซานเรียกลินดา ก็หันไปมองแล้วเตือนด้วยใบหน้าจริงจัง “ลุง ตอนนี้คุณเรียกว่าพี่ลินดาไม่ได้แล้ว คุณต้องเรียกว่าอาสะใภ้รองนะ”
“อ้าว จริงเหรอ?” หลินจินซานเลิกคิ้ว มองเด็กน้อยที่กินจนน้ำมันเลอะปาก
หู่จือกลืนเนื้อในปากลงคอแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “แน่นอนสิ ต่อไปผมก็ต้องเรียกว่ายายรองด้วย ตารองของผมบอกว่าจะแต่งงานกับยายรอง วันนี้พวกเขายังถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วยนะ”
คุณแม่เซี่ยได้ยินคำพูดของหู่จือแล้วตื่นเต้นจนแทบจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ จ้องมองหู่จือด้วยดวงตาเป็นประกาย แล้วถามเพื่อยืนยัน “หู่จือ จริงหรือเปล่า? เธอไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม? เธอได้ยินมาจากใคร? เธอเห็นกับตาหรือเปล่า?”
“ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งแล้วหรือ? มาถึงขั้นนี้แล้วเลยหรือ?”
หู่จือส่ายหัว แล้วตอบตามความจริงว่า “ผมไม่ได้เห็นด้วยตัวเองหรอก ผมได้ยินคุณตารองพูดมา”
คุณแม่เซี่ยไม่รู้ว่าควรเชื่อข่าวดีนี้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว เซี่ยไห่ก็ชอบพูดเล่น ถ้าเขาหลอกหู่จือ พวกเขาก็จะดีใจเก้อ หลังผิดหวังมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็ไม่กล้าที่จะมีความหวังอีก
หลินเซี่ยกับลินดาถือจานอาหารเดินออกมาจากห้องครัว คุณแม่เซี่ยทนไม่ไหวแล้ว จึงถามตรงๆ กับคนที่เกี่ยวข้อง “ลินดา หู่จือบอกว่าเธอไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับเสี่ยวไห่เหรอ เป็นเรื่องที่เด็กๆ พูดเล่นหรือว่าเป็นเรื่องจริงกันแน่?”
คุณแม่เซี่ยมองลินดาด้วยรอยยิ้ม ถามอย่างดูเหมือนจะเป็นการพูดเล่นๆ
ลินดาพยักหน้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ป้าเซี่ย เป็นเรื่องจริงค่ะ”
หลินเซี่ยวางจานอาหารลงบนโต๊ะ แล้วยิ้มตอบยืนยัน “คุณย่าคะ วันนี้อารองขอแต่งงานกับอาสะใภ้รองแล้วก็ไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่ร้านของฉัน อีกไม่กี่วันรูปก็จะล้างออกมาแล้วค่ะ”
ได้รับคำยืนยันจากลินดาและหลินเซี่ยทั้งสองคน คุณแม่เซี่ยก็มีสีหน้าตกตะลึงระคนปีติยินดี
“จริงหรือ? เขาขอแต่งงานแล้วหรือ? ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วยหรือ?”
นางมองลินดาด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่ ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ในที่สุดลินดาก็ตอบตกลงแล้ว
ในที่สุดก็ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งแล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตารองจะแกล้งยายทวดสักหน่อย หู่จือกลับเผยไต๋ออกมาหมดเลย ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)