ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 959 เราไม่จัดงานแต่งงาน
ตอนที่ 959 เราไม่จัดงานแต่งงาน
เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงเดินออกมาจากห้องครัว พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสดใสของคุณแม่เซี่ย จึงรีบเข้ามาถามเพื่อยืนยัน “ลินดา เธอกับเสี่ยวไห่ไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งจริงๆ หรือ?”
ลินดาพยักหน้า “ใช่ค่ะ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันมาวันนี้”
เมื่อเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงได้ยินข่าวนี้ ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกดีใจอย่างจริงใจ
เดิมทีเซี่ยเหลยบอกว่าจะทำอาหารแปดอย่าง มาตอนนี้เขาก็บอกว่าจะเพิ่มอีกสองอย่าง เพื่อให้ครบสิบอย่างอันเป็นมงคล
ลินดาพูดว่า “พี่ใหญ่ อย่าเพิ่มเลยค่ะ แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว เสียของเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรๆ กินไม่หมดพวกเราก็เอากลับบ้านไปกินต่อ วันนี้ต้องทำอาหารสิบอย่างให้ได้” เซี่ยเหลยตอบด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มปีติ เขาให้คนอื่นนั่งก่อน แล้วบอกว่าจะไปทำอาหารเพิ่ม และจะเสร็จในไม่ช้า
หลิวกุ้ยอิงก็ตามไปด้วย หล่อนทำยำแตงกวาทุบ แล้วก็ผัดอาหารร้อนอีกจาน
เมื่อเซี่ยไห่ถือเหล้ากลับมาจากห้องเต้นรำ เขาก็เห็นคุณแม่เซี่ยกำลังจับมือของลินดาอยู่ ใบหน้าของหญิงชราเบิกบานราวกับดอกไม้บาน
“ผมกลับมาแล้วครับ” เซี่ยไห่พูดอย่างอารมณ์ดี พลางวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะด้วยท่าทางตื่นเต้น
ผลปรากฏว่า มีเพียงหลินจินซานเท่านั้นที่ตอบรับเขาอย่างเหมาะสม ทักเขาว่า “อารอง” ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจเขาเลย
เซี่ยไห่ตั้งใจว่าเมื่อนำเหล้ากลับมา เขาจะประกาศข่าวดีเรื่องการขอแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนจะรู้เรื่องกันหมดแล้ว
หลิวกุ้ยอิงยกอาหารออกมาจากครัว เซี่ยไห่รีบเข้าไปรับ “พี่สะใภ้ครับ ทำอาหารมากมายขนาดนี้แล้ว ทำไมยังทำอีกล่ะครับ? เดี๋ยวก็กินไม่หมดหรอก”
หลิวกุ้ยอิงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ฉันได้ยินมาว่านายถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับลินดา พี่ใหญ่ดีใจมาก เลยเพิ่มอาหารอีกสองอย่างให้ครบสิบอย่าง เพื่อเป็นนิมิตหมายถึงความสมบูรณ์แบบ”
“จริงเหรอ…ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี” เซี่ยไห่ได้ยินคำพูดของหลิวกุ้ยอิงแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจ พอดีกับที่เซี่ยเหลยเดินออกมาจากครัวหลังด้วยท่าทางกะเผลกเล็กน้อย เขาเพิ่งผัดอาหารเสร็จ มีเหงื่อไหลอาบใบหน้า แต่บนใบหน้าคล้ำนั้นเต็มไปด้วยความสุข
เซี่ยไห่มองพี่ใหญ่ของเขา ดวงตาเริ่มชื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
มีคำกล่าวว่าพี่ชายคนโตเปรียบเสมือนพ่อ ในตอนนี้ภาพลักษณ์ของพี่ใหญ่ช่างสง่างามและยิ่งใหญ่ เหมือนกับพ่อแก่ๆ ที่กำลังจัดการเรื่องใหญ่ให้ลูกชายจริงๆ
“พี่ใหญ่” เสียงของเซี่ยไห่แหบพร่าอู้อี้ จมูกเริ่มร้อนผ่าว รู้สึกอยากจะร้องไห้
แต่ก่อนเขามักรู้สึกด้อยกว่าคนอื่นเพราะไม่มีพ่อ คิดว่าชีวิตของพวกเขาไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
มีครอบครัวมากมายที่รักเขา เขายังจะไม่พอใจอะไรอีก?
เซี่ยเหลยเห็นดวงตาของเซี่ยไห่รื้นหยาดน้ำตาแล้วก็ไม่เข้าใจ มองน้องชายแวบหนึ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ “เป็นอะไรของนาย?”
“ฉันรู้น่าว่านายดีใจ” เซี่ยเหลยตบไหล่น้องชายเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “อย่าอ่อนแอแบบนั้นสิ เก็บน้ำตาไว้ร้องตอนแต่งงานดีกว่า”
เซี่ยไห่ได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ รีบกลั้นอารมณ์อย่างเก้อเขิน แล้วกระแอมเบาๆ “พี่ใหญ่ นั่งเถอะครับ”
เขาร้องไห้เพราะซาบซึ้งที่พี่ใหญ่และครอบครัวรักเขามากขนาดนี้
ไม่ใช่ร้องไห้ด้วยความดีใจที่ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
แน่นอนว่าเขาก็มีความสุขมากที่ขอแต่งงานสำเร็จ และได้ถ่ายชุดแต่งงานกับลินดาเช่นกัน
เซี่ยไห่กับเซี่ยเหลยนั่งลง มองดูคุณแม่เซี่ยที่มีสายตาเต็มไปด้วยความยินดี เซี่ยไห่ยิ้มถาม “แม่ครับ แม่รู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ?”
“ก็…” เซี่ยไห่เจอสายตาดุดันของแม่ ทำให้พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
หญิงชราคนนี้แสดงท่าทีแย่มากต่อเขา ทำให้อารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงของเขามอดลงครึ่งหนึ่ง
เซี่ยไห่เปิดไวน์แดง รินให้ทุกคน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ยกแก้วอย่างเป็นทางการ “ทุกคนฟังผมสักสองประโยคนะครับ”
“ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการ” เซี่ยไห่มองทุกคน สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดีที่ปิดไม่มิด “วันนี้ผมได้ขอคุณลินดาแต่งงาน และหล่อนก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว พวกเราสองคนจึงรีบร้อนถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันเลย”
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ สีหน้าของเธอกระตุกเล็กน้อย
ความจริงแล้วมันเป็นความรีบร้อนฝ่ายเดียวของอารองเท่านั้น
คุณแม่เซี่ยเห็นลูกชายเอ่ยเป็นทางการเช่นนี้ นางก็มีสีหน้ายินดี ยกแก้วไวน์แดงขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “มา พวกเราทุกคนชนแก้วกัน อวยพรให้เซี่ยไห่และลินดา ที่ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว”
“อารอง ขออวยพรให้พวกคุณ”
หลินจินซานถามด้วยรอยยิ้มว่า “อารอง ในเมื่อถ่ายรูปพรีเวดดิ้งแล้ว พวกคุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
หากถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันแล้ว ตามหลักการก็คือตอนนี้ควรจะกำหนดวันแต่งงานได้
เนื่องจากลินดาไม่มีญาติพี่น้องฝ่ายเจ้าสาว หล่อนอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ซึ่งหมายความว่าเรื่องพวกนี้ ครอบครัวเซี่ยจะต้องคุยกับลินดาเอง
เพียงแค่หล่อนตัดสินใจเห็นชอบด้วยตัวเอง เรื่องอื่นๆ ก็สามารถพูดคุยกันได้
ทุกคนกำลังมองพวกเขา แต่เซี่ยไห่กลับมองไปที่ลินดาด้วยความหมายชัดเจนว่าให้ลินดาเป็นคนตัดสินใจในเรื่องแต่งงาน
ลินดาสบตากับทุกคน แล้วเอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เรื่องการแต่งงาน พวกเราคิดจะเลื่อนออกไปสักระยะหนึ่ง ช่วงนี้พวกเราค่อนข้างยุ่ง รอให้เสร็จงานก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
พอได้ยินคำว่าเลื่อนออกไป หัวใจของคุณแม่เซี่ยก็เย็นวาบ หากเลื่อนออกไปครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่อีก
นางอยากจะแนะนำให้พวกเขารีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่ทุกคนจะยุ่ง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการกดดันลินดา คำพูดที่อยู่ปลายลิ้นจึงถูกกลืนกลับไป ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
เซี่ยเหลยเห็นสีหน้าของแม่เปลี่ยนเป็นผิดหวัง เขาจึงยิ้มและพูดว่า “งั้นก็จัดงานตอนสิ้นปีแล้วกัน ตอนนี้ทุกคนก็ยุ่งจริงๆ เสี่ยวไห่กับเซี่ยเซี่ยก็ยุ่งกับเรื่องของโรงเรียน เสี่ยวอวี่ต้องเข้ากองถ่ายละคร ลินดาก็ต้องตามไปด้วยแน่นอน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ พวกเราต้องหาเวลามาจัดการ อย่าเพิ่งรีบร้อน รอให้ถึงสิ้นปีที่ทุกคนมีเวลาแล้วค่อยจัดงานกัน”
เซี่ยไห่พูดว่า “พี่ใหญ่ครับ ผมกับลินดาไม่ต้องจัดงานอะไรหรอก ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น พวกเรารอให้เสร็จธุระก่อนแล้วค่อยไปจดทะเบียน จากนั้นก็ไปเที่ยวข้างนอกก็พอ พวกเราจะแต่งงานแบบเดินทางท่องเที่ยว”
สำหรับคนแก่แล้ว การแต่งงานที่แท้จริงคือการเชิญลูกสะใภ้เข้าบ้านตามประเพณีเท่านั้น ถ้าไม่มีพิธีการอะไรเลย มันจะต่างอะไรกับงานเด็กเล่นล่ะ?
“แม่ จะจัดงานเลี้ยงทำไมกัน? มันมีความหมายอะไร? การเชิญแขกมางานมันเหนื่อยและยุ่งยากจะตาย” เซี่ยไห่พูดด้วยท่าทีแข็งกร้าว “เรื่องของพวกเราไม่ต้องมีใครมากังวลหรอก พวกเราจะจัดงานแต่งงานแบบตะวันตก พวกเราอยากทำอะไรก็ทำ ออกไปเที่ยวสักรอบดีกว่าตั้งเยอะ”
หลินจินซานมองเซี่ยไห่อย่างจริงจังแล้วพูดว่า “อารอง พวกเราทุกคนต่างทุ่มเทจัดงานแต่งงานให้กันและกันอย่างสุดความสามารถ พอถึงคราวของคุณทำไมถึงไม่มีพิธีอะไรเลยล่ะ? พวกเราก็อยากช่วยงานแต่งงานของคุณบ้างนะ”
นี่คือคำพูดจากใจจริงของหลินจินซาน
ตั้งแต่หลินเซี่ยจนถึงแม่ของเขาและเซี่ยเหลย รวมถึงการแต่งงานของเขาเอง และการออกเรือนของเซี่ยอวี่ เรื่องสำคัญตลอดชีวิตของทุกคนในครอบครัว ล้วนแต่อาศัยเซี่ยไห่ออกเงินออกแรงจัดการทั้งสิ้น
ตอนนี้ในที่สุดลินดาก็ตอบตกลงคำขอแต่งงานของเซี่ยไห่ ทำให้ทุกคนในครอบครัวต่างอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนเขาบ้าง
เซี่ยไห่จะทำตัวเรียบง่ายถึงขนาดไม่จัดงานเลี้ยงฉลองสักงานได้อย่างไร?
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอาเป็นงานเล็กๆ กินเลี้ยงในครอบครัวก็ได้อารอง หลังจากนั้นจะไปฮันนีมูนที่ไหนก็ลุยเลย
ไหหม่า(海馬)