ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 960 ไม่ทำตามขนบธรรมเนียม
ตอนที่ 960 ไม่ทำตามขนบธรรมเนียม
เมื่อคนอื่นๆ ในตระกูลเซี่ยได้ยินเซี่ยไห่บอกว่าจะไม่จัดงานแต่งงาน แต่จะไปแต่งงานระหว่างการเดินทาง ปฏิกิริยาของพวกเขาก็เหมือนกับหลินจินซานทุกประการ
เซี่ยเหลยในฐานะพี่ใหญ่ ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ก็แน่นอนว่าหวังให้เซี่ยไห่กับลินดาจัดงานแต่งงานอย่างคึกคักสนุกสนาน เพื่อที่พวกเขาทุกคนจะได้ช่วยกันจัดการอย่างดี ได้จัดการงานแต่งงานของน้องชายแท้ๆ ด้วยตัวเอง และได้เห็นเขาสร้างครอบครัว
ในความคิดของพวกเขา การจัดพิธีแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่เป็นตัวแทนของการให้ความสำคัญกับเจ้าสาวในฐานะฝ่ายชาย รวมถึงการเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับการแต่งงาน
ถ้าแค่จดทะเบียนสมรส ไม่มีพิธีอะไรเลย แค่พาออกไปเที่ยวที่เรียกว่าการเดินทาง แล้วทั้งสองคนก็ถือว่าแต่งงานกันแล้ว พวกเขารู้สึกว่าจะขาดอะไรบางอย่างไป คนนอกก็จะพากันวิพากษ์วิจารณ์
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทั้งเซี่ยไห่กับลินดาก็จะไม่มีความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ต่อการแต่งงานมากนัก
พูดตรงๆ คือพวกเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตสมรสมากนัก ถ้าในอนาคตไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว ก็สามารถแยกทางกันได้ทุกเมื่อ
การจัดพิธีแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าญาติสนิทมิตรสหายทั้งหมดส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อสร้างพันธนาการทางจิตใจให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับชีวิตสมรส
ลินดายิ้มแล้วเอ่ยปาก “พี่ใหญ่ ฉันกับเซี่ยไห่มีความคิดเหมือนกัน พวกเราไม่ได้สนใจเรื่องพิธีรีตองมากนัก และก็รู้สึกว่ามันยุ่งยาก การแต่งงานเป็นเรื่องของเราสองคน พวกเราออกไปเที่ยวก็ถือว่าเป็นการให้ตัวเองได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ การจัดงานแต่งงานมันเหนื่อยเกินไป พวกเราไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้กับทุกคน”
หลินจินซานอดแทรกขึ้นมาไม่ได้ “อาสะใภ้รอง นั่นจะเรียกว่ายุ่งยากได้ยังไงครับ? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อารองเขาทำเพื่อครอบครัวนี้มามากมาย พวกเราทั้งครอบครัวต่างรอคอยให้พวกคุณแต่งงาน และอยากทำอะไรให้พวกคุณบ้าง พวกเราทุกคนต่างรอที่จะจัดงานแต่งงานให้พวกคุณนะ”
เซี่ยไห่เห็นหลินจินซานแทรกขึ้นมา ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จินซาน นายก็พูดเองว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันทำอะไรให้คนในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ควรทำ และเต็มใจทำด้วย ไม่เคยคิดว่าพวกนายต้องตอบแทนอะไรฉันทั้งนั้น พวกนายอย่าเพิ่งรีบร้อนทำอะไรเพื่อตอบแทนน้ำใจเพื่อให้พวกนายสบายใจ แล้วบังคับให้ฉันกับลินดาทำในสิ่งที่พวกเราไม่ชอบ ฉันบอกพวกนายเลยนะว่าไม่มีทาง อย่าคิดจะมาบังคับฉัน”
หลินจินซานเห็นเซี่ยไห่ดูเหมือนจะโกรธ จึงรีบอธิบาย “อารอง ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น พวกเราแค่รู้สึกว่าการแต่งงานควรจะมีลักษณะของการแต่งงาน…”
เซี่ยไห่ตัดบทหลินจินซาน เขาโบกมือ “พอเถอะ ๆ นายอย่ามาพูดอีกเลย กินข้าวของนายต่อไปเถอะ”
เห็นเซี่ยไห่เปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน หลินจินซานก็ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวต่อไป
คนอื่นๆ ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับปัญหานี้อีก
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ จริงๆ แล้วผมเข้าใจว่าพวกคุณกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นญาติพี่น้องที่ต้องอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต อย่าคิดแต่เรื่องใครทำมากทำน้อย หรือต้องตอบแทนบุญคุณอะไรเลย ผมไม่ต้องการให้พวกคุณเกรงใจขนาดนั้น” เซี่ยไห่มองลินดาแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเราค่อนข้างสบายๆ ไม่ได้ยึดติดกับพิธีกรรมแบบดั้งเดิมมากนัก พวกเราแค่อยากทำอะไรที่สบายใจ จัดงานเลี้ยงมีอะไรดี? วันแต่งงานต้องใส่ชุดใหม่เหมือนลิงที่ถูกจับมาเล่นละครให้คนดู พอสักทีเถอะ”
ทุกคน “!!!”
ลินดาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก พร้อมชูนิ้วโป้งให้เซี่ยไห่
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หล่อนก็รู้สึกถูกใจทันที
เซี่ยไห่สบตากับสายตาชื่นชมที่ลินดาส่งมาให้ เขายิ้มหวานตอบกลับ
หลินเซี่ยมุมปากกระตุกเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะโต้แย้งว่า “อารอง แล้วตอนที่พวกเราแต่งงานกัน คุณไม่ได้จัดการทุกอย่างอย่างสนุกสนานหรอกหรือ? คุณให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ และตอนนั้นสายตาของนายก็ดูชื่นชมและซาบซึ้งมาก แล้วทำไมพอถึงตัวเองกลับรังเกียจขนาดนี้ล่ะ?”
เซี่ยไห่ตอบว่า “ตอนพวกเธอแต่งงาน ฉันย่อมดีใจแทนพวกเธอแน่นอน ฉันไม่ใช่ตัวเอกในงานนี่ เวลาดูพวกเธอจัดงานแต่งงานแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งและมีความสุข แต่ถ้าให้ฉันเป็นตัวเอก ฉันทนไม่ได้จริงๆ ที่ต้องใส่ชุดใหม่แล้วถูกคนมากมายมองดู ต้องเดินไปดื่มอวยพรทีละคน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ฉันรู้สึกซาบซึ้งและอิจฉาที่คนสองคนที่รักกันจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกัน ไม่ใช่อิจฉาที่พวกเธอถูกคนอื่นมองเหมือนลิง”
หลินเซี่ยนิ่งอึ้งไป “….”
เธอรู้สึกว่าสิ่งที่อารองพูดมีเหตุผลมาก จนไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร
“อีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้คนหนุ่มสาวในเมืองต่างก็ไล่ตามสิ่งใหม่ๆ ทันสมัย พวกที่แต่งงานพร้อมกับท่องเที่ยวก็มีเยอะมาก ฉันเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองคนก็คงจะทันสมัยแบบนั้น ต้องตามกระแสแน่นอน พวกเขาทำงานยุ่งมาก ถึงเวลานั้นก็พอดีได้โอกาสไปเที่ยวสักทริปด้วย”
“ได้ งั้นก็แล้วแต่พวกเธอเถอะ ขอแค่พวกเธอเต็มใจแต่งงานกันก็พอ จะทำยังไงก็ได้”
คุณแม่เซี่ยมองพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตักเตือนว่า “ไม่จัดงานเลี้ยงก็ได้ แต่ว่าพวกเธอต้องไปจดทะเบียนสมรสนะ อย่าทำตัวล้ำสมัยเกินไปล่ะ”
นางได้ยินมาว่าตอนนี้มีบางคู่ที่พอถูกชะตากันก็ไม่ไปจดทะเบียน ไม่แต่งงาน แต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาเลย
ในความเห็นของนาง พฤติกรรมแบบนั้นเป็นสิ่งไม่ควรทำ นี่เป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบต่อฝ่ายหญิง นางไม่อนุญาตให้ลูกชายตัวเองทำพฤติกรรมแบบนั้นอย่างเด็ดขาด
เซี่ยไห่กลอกตาใส่มารดา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด “แม่ครับ แม่พูดอะไรแบบนี้ล่ะ? เราต้องไปจดทะเบียนสมรสแน่นอนอยู่แล้ว”
หญิงชราคนนี้ดูทันสมัยพอสมควร ไม่รู้ว่าไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน
คุณแม่เซี่ยทำหน้าบึ้งตอบรับ “งั้นก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็แล้วแต่พวกเธอเถอะ”
นางมองไปทางเซี่ยไห่แล้วเสริมว่า “แต่ของขวัญที่ควรมีก็ต้องมีทั้งหมด ครอบครัวของเราจะค่อยๆ เตรียมไว้ก่อน พอถึงเวลาที่พวกเธอจดทะเบียนสมรสก็จะมอบให้ลินดาเลย อ้อใช่ ถ้าพวกเธอมีเวลาก็ไปซื้อเครื่องประดับกับเสื้อผ้าใหม่ให้ลินดาด้วย นอกจากไม่จัดงานแต่งงานแล้ว อย่างอื่นต้องมีให้ครบทุกอย่าง”
เวลาที่อยู่คนเดียว หล่อนมักจะคิดวุ่นวายไปหมด กลัวการแต่งงาน กลัวที่จะถูกทำร้าย แต่ทุกครั้งที่อยู่กับครอบครัวเซี่ย หล่อนกลับรู้สึกผ่อนคลายมาก
พวกเขามักจะทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัย ทำให้จิตใจของหล่อนสงบลงได้
คุณแม่เซี่ยกำชับหลายอย่าง เซี่ยไห่รับปากอย่างจริงจังทุกอย่าง ลินดาฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้วมุมปากค่อยๆ ยกขึ้น ความรู้สึกกังวลใจค่อยๆ จางหายไป
เซี่ยอวี่ได้รับรู้เรื่องที่เซี่ยไห่กับลินดาไปถ่ายภาพชุดแต่งงาน หล่อนก็แสดงความยินดีอย่างจริงใจทางโทรศัพท์ และบอกให้เซี่ยไห่ซื้อของดีๆ ไปขอบคุณหลานสาวของเขาด้วย
เซี่ยไห่พูดปากเปล่าว่าระหว่างพี่น้องไม่ควรพูดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่เท้าของเขากลับวิ่งตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าหลายรอบ เพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่ รถของเล่น และเครื่องประดับต่างๆ ให้กับเด็ก
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ในเมื่อเขาไม่อยากจัดงานแต่งก็อย่าไปบังคับเลย ให้เขาจัดการงานแต่งของเขาเองเถอะ
ไหหม่า(海馬)