ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 967 ผู้อาวุโสดื่มอวยพร
ตอนที่ 967 ผู้อาวุโสดื่มอวยพร
โจวลี่หรงทำอาหารหลายอย่างไว้เต็มโต๊ะ เพื่อต้อนรับลูกชายกลับบ้าน
ผู้เฒ่าเฉินก็หยิบเหล้าชั้นดีที่เก็บสะสมไว้ออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
พอเฉินเจียซิ่งเห็นคุณปู่หยิบเหล้าออกมา เขาก็ถอนหายใจ
เขาสงสัยว่าเมื่อใดที่ตนเองจะสามารถทำอะไรสักอย่างที่ทำให้คุณปู่เต็มใจหยิบเหล้าดีออกมาฉลองความสำเร็จให้เขาได้บ้าง?
เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสแล้ว ได้ดื่มสองแก้วก็พอ
“เจียเหอ พวกเราขอดื่มอวยพรให้เธอหนึ่งแก้ว”
ผู้เฒ่าเฉินยกแก้วขึ้นและลุกขึ้นยืน ทำให้เฉินเจียเหอตกใจ “คุณปู่ครับ จะให้คุณปู่ดื่มอวยพรผมได้อย่างไร เชิญคุณปู่นั่งเถอะครับ”
แต่ผู้เฒ่าเฉินกลับยืนกรานอย่างแข็งขัน ยืนนิ่งไม่ขยับ “ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว พ่อของเธอกับน้องชายของเธอก็จะดื่มอวยพรเธอด้วย”
เฉินเจิ้นเจียงก็ลุกขึ้นยืนเพื่อให้ความร่วมมือเช่นกัน ทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกกดดันอย่างมาก
เขารู้สึกอึดอัดและจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรจะรับแก้วเหล้านี้อย่างไรดี
ผู้เฒ่าเฉินมองดูเขา แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เจียเหอ เหล้าแก้วนี้พวกเราไม่ได้ดื่มให้เธอในฐานะผู้อาวุโส ฉันดื่มให้เธอในฐานะทหารผ่านศึกที่เกษียณแล้วคนหนึ่ง ดื่มให้วิศวกรผู้เก่งกาจ พวกเราขอขอบคุณเธอสำหรับความสำเร็จและการอุทิศตนในด้านการวิจัยและพัฒนารถไฟ คนหนุ่มสาวทั้งหลายอย่างพวกเธอทำได้ดีมาก ความพยายามของพวกเธอไม่เพียงแต่จะทำให้เทคโนโลยีรถไฟของประเทศเราก้าวหน้ายิ่งขึ้น ทำให้การเดินทางของประชาชนสะดวกสบายมากขึ้น แต่ยังทำให้คนในชาติเชิดหน้าชูตาได้ พวกเธอคือวีรบุรุษของประชาชนอย่างแท้จริง”
“คุณปู่ครับ ท่านพูดชมเกินไปแล้ว”
“มาเถอะ พวกเรามาดื่มอวยพรให้กับสหายเฉินเจียเหอสักแก้ว”
เฉินเจียซิ่งและเฉินเจียวั่งสองพี่น้องก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจังมาก พวกเขาถือแก้วเหล้า ยืนตัวตรงตามคุณปู่และคุณพ่ออย่างดูเป็นทางการมาก เพื่อดื่มอวยพรพี่ใหญ่ของพวกเขา
พวกเขาก็รู้สึกเคารพพี่ใหญ่อย่างจริงใจจากก้นบึ้งของหัวใจ และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขา
หลังจากที่ผู้ชายในครอบครัวดื่มอวยพรกันอย่างเป็นทางการเสร็จแล้ว ผู้เฒ่าเฉินก็ให้ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารได้
เขากินอาหารไปพลางมองเฉินเจียซิ่งกับเฉินเจียวั่งไปพลาง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะสั่งสอนทั้งสองคนว่า “พวกเธอสองคนนี่นะ ไม่ต้องพูดถึงว่าในอนาคตจะมีความสำเร็จเหมือนพี่ใหญ่ของเธอ แต่อย่างน้อยก็ควรเรียนรู้จิตวิญญาณในการทำงานของเขาเอาไว้ พวกเธอต้องทุ่มเทพยายามในตำแหน่งงานของตัวเอง ทำตัวให้เป็นประโยชน์ เมื่อเป็นอย่างนั้นก็จะบรรลุคุณค่าของตัวเองได้เหมือนกัน”
“คุณปู่ครับ พวกเราจะจดจำไว้”
เฉินเจียวั่งตอบด้วยท่าทางเชื่อฟัง เฉินเจียซิ่งก็พยักหน้ารับตาม
หลินเซี่ยหรี่ตามองเฉินเจียซิ่งแวบหนึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ เธอไม่อยากทำลายบรรยากาศของทุกคน
เธอไม่ได้ถามเรื่องที่เฉินเจียซิ่งกำลังวุ่นวายหางานใหม่ข้างนอกและวางแผนจะย้ายงาน
เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับๆ แต่กลับประเมินเครือข่ายของเธอในวงการบันเทิงต่ำเกินไป
เธอไม่ได้โกรธที่เฉินเจียซิ่งหางานใหม่ เพราะเข้าใจว่าคนเราย่อมอยากก้าวหน้า
แต่เธอไม่เข้าใจที่เขาแอบทำอะไรลับๆ ข้างหลังเธอ
เฉินเจียซิ่งกำลังอ้างว่ารู้จักเซี่ยอวี่เพื่อหางานในวงการบันเทิง หากไม่มีคนบอกเธอ เธอก็คงยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย และเชื่อตามที่เขาพูดว่าจะทุ่มเทดูแลร้านเช่าชุดแต่งงานเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเธอ และรอพวกหยางหงเสียกลับมา
หากเขาต้องการหางาน ควรบอกเธอล่วงหน้า เพื่อที่เธอจะได้วางแผน นี่เป็นมารยาทและจรรยาบรรณพื้นฐานที่สุด
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
โจวลี่หรงเริ่มปลอบเสี่ยวหู่ “เสี่ยวหู่ ไปนอนกับย่านะ ย่าจะเล่นรถของเล่นกับหนู ดีไหมลูก?”
เสี่ยวหู่นอนกลางวันในตอนเที่ยง แต่ตอนสี่ทุ่มยังอยากเล่นอยู่ เข้านอนดึกมาก โจวลี่หรงจึงกลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเฉินเจียเหอ
“พ่อ พ่อ” เสี่ยวหู่ไม่ยอมออกมาจากอ้อมกอดของเฉินเจียเหอเลย
“แม่ครับ พวกเราอุ้มเขากลับไปนะ” เฉินเจียเหอพูด “ให้หู่จือไปกับพวกเราด้วย พรุ่งนี้เช้าจะได้สะดวกพาเขาไปส่งที่โรงเรียน”
“ใช่แล้วค่ะ แม่ก็พักผ่อนให้สบายๆ นะ ช่วงนี้แม่เหนื่อยกับการดูแลเด็กๆ มามากแล้ว”
สามีภรรยาพาลูกทั้งสองคนกลับบ้านไป เด็กทั้งสองคนรู้สึกตื่นเต้นมากในตอนกลางคืน พวกเขาไม่ยอมนอนเลย
“ผมไม่ง่วงครับ ผมอยากอยู่กับพ่ออีกสักพัก”
เฉินเจียเหอถูกลูกชายทั้งสองคนรบกวนจนแทบหมดแรง อากาศก็ร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว เดี๋ยวคนนี้ก็อยากให้อุ้ม เดี๋ยวคนนั้นก็ปีนขึ้นหลัง ทำให้เขาเหงื่อไหลโซมกาย
เขาเหนื่อยมากในเวลาไม่นาน และยิ่งเข้าใจถึงความยากลำบากของหลินเซี่ยในการเลี้ยงลูกที่บ้าน
ความสำเร็จทั้งหมดของเขาภายนอกนั้น มีเหรียญรางวัลครึ่งหนึ่งเป็นของคู่รักที่คอยสนับสนุนเขาอย่างเงียบๆ ถ้าไม่มีใครทำงานสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เขาจะสามารถทำงานอย่างสบายใจที่แนวหน้าได้อย่างไร?
หลินเซี่ยนั่งกินแตงโมอยู่ข้างๆ พูดว่า “ฉันไม่เหนื่อยหรอก คนที่เหนื่อยคือแม่ของเราต่างหาก เสี่ยวหู่อยู่กับแม่มาตลอดช่วงนี้ เจ้าเด็กนี่ซนขึ้นเรื่อยๆ จนแม่เหนื่อยตลอดทั้งวัน”
การเลี้ยงลูกเป็นงานที่ต้องใช้แรงกาย โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่ซุกซน ถ้าไม่มีร่างกายที่แข็งแรง จริงๆ แล้วก็เลี้ยงไม่ไหว
หลินเซี่ยมองดูเฉินเจียเหอ แล้วอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ “ตอนที่ฉันแต่งงานกับคุณใหม่ๆ ฉันไม่เคยกล้าฝันเลยว่าความสัมพันธ์กับแม่จะราบรื่นได้ขนาดนี้ ฉันก็ไม่เคยคิดว่าแม่จะช่วยฉันเลี้ยงลูก และเลี้ยงอย่างทุ่มเทสุดความสามารถ”
“นิสัยของแม่ก็แบบนี้แหละ ดื้อรั้น แต่แม่เป็นคนมีการศึกษา พอยอมรับคุณได้ ยอมรับเรื่องอะไรสักอย่างได้ แม่ก็จะทุ่มเทสุดหัวใจ รับผิดชอบอย่างเต็มที่”
หลินเซี่ยเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของเฉินเจียเหอ “คุณพูดถูกมาก ยิ่งฉันรู้จักแม่มากขึ้น ฉันก็ยิ่งนับถือแม่มากขึ้น แม่เป็นคนที่มีหลักการและมีจุดยืนมาก”
สิ่งที่น่าประทับใจคือ แม่สามีที่ดื้อรั้นของเธอในภายหลังกลับเริ่มพยายามยอมรับความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ และพยายามที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
นี่คือจุดที่เธอนับถือและชื่นชมโจวลี่หรงมากที่สุด
หลินเซี่ยเห็นว่าเสื้อเชิ้ตของเฉินเจียเหอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และยังมีลูกลิงสองตัวนอนทับอยู่บนตัวเขา หลินเซี่ยจึงพูดกับหู่จืออย่างอ่อนโยนว่า “หู่จือ ไปนอนเถอะลูก พ่อยังมีธุระต้องทำพรุ่งนี้ ให้พ่อได้พักผ่อนดีๆ หน่อยนะ ได้ไหมจ๊ะ?”
ความหมายของหู่จือชัดเจน ไม่ว่าจะลูกคนเดียวหรือสองคนก็รบกวนพ่ออยู่ดี แล้วจะเป็นไรถ้าเขาอยู่ด้วยอีกคน?
“ลูกไปนอนเถอะ เดี๋ยวแม่จะพาเสี่ยวหู่เข้าห้องไป พอปิดไฟเขาก็จะหลับแล้ว”
ถ้าปล่อยให้เล่นต่อไปแบบนี้ ยิ่งเล่นก็จะยิ่งตื่นเต้น แล้วพวกเขาก็จะไม่ได้นอนกันเลย พรุ่งนี้เช้าหู่จือต้องไปโรงเรียนสายแน่ๆ
“โอ้ งั้นก็ได้ครับ”
หู่จือแสดงท่าทีอาลัยอาวรณ์ แล้วกอดเฉินเจียเหออย่างแน่นหนา “พ่อ แม่ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เขาหันกลับมาถามเฉินเจียเหอ ว่า “พ่อครับ พรุ่งนี้เช้าพ่อไปส่งผมที่โรงเรียนได้ไหม?”
เฉินเจียเหอ พยักหน้าอย่างเต็มอกเต็มใจ “ได้สิ”
หู่จือยิ้มกว้าง “เยี่ยมเลย ขอบคุณครับพ่อ”
หู่จือได้วางแผนไว้แล้วว่าพรุ่งนี้เมื่อไปโรงเรียน เขาจะทำให้ทั้งโรงเรียนรู้ว่าพ่อแม่ของเขาได้สร้างรถไฟที่มีความเร็วพิเศษขึ้นมา นี่เป็นข่าวดีอันยิ่งใหญ่
เขาจินตนาการได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉาของเพื่อนร่วมชั้นยามมองมาที่เขา
หู่จือ “…….”
“โอ้”
เขาเบ้ปาก แล้วเดินกลับเข้าห้องไป
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวหู่กลับไม่ยอมนอนเลย พอปิดไฟก็เริ่มซุกซน จึงต้องเปิดไฟให้เขา ปล่อยให้เล่นบนเตียง
สักพักก็วุ่นวายกับของเล่น แล้วก็ลุกขึ้นยืนเกาะหัวเตียงเดินไปเดินมา ตื่นเต้นอย่างยิ่ง
เด็กคนนี้นอนกลางวันหนึ่งตื่น ทุกคืนก็เป็นแบบนี้
ก่อนสี่ทุ่มไม่ยอมนอนเลย
เฉินเจียเหอไม่รู้สึกง่วงเลย แต่เขา……..
เขามองภรรยาสาวที่แต่งตัวบางเบาอยู่ข้างๆ และรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
“ที่รัก อย่าสนใจเขาเลย เรามา……”
หลินเซี่ยสบตากับสายตาอันลึกล้ำของเขาที่เหมือนหมาป่าหิวโหยจ้องเหยื่อ เธอตกใจจนต้องยกมือปิดหน้าอก
“คุณล้อเล่นใช่ไหม? เขาอายุกว่าหนึ่งขวบแล้วนะ แล้วถ้าเด็กตกจากเตียงล่ะจะทำยังไง?”
เฉินเจียเหอจำต้องดับความปรารถนาที่กำลังลุกโชนลง แล้วมุ่งความสนใจไปที่การปลอบลูกชาย
ในที่สุด เสี่ยวหู่ก็เล่นจนถึงเวลาห้าทุ่ม เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง พอล้มตัวลงบนเตียงก็หลับในชั่วพริบตา
เฉินเจียเหอจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่สงบนิ่งของลูกชาย อดใจไม่ไหวจึงบีบแก้มเบาๆ “ไอ้ตัวแสบนี่ไม่ค่อยติดใครเลยนะ ดูสิ เขาช่างเป็นอิสระ เล่นพอแล้วก็นอนเองเลย”
“ใช่แล้ว ก่อนนอนก็ไม่ร้องไห้งอแงด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแม่อบรมสั่งสอนมาดี”
หลินเซี่ยยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับโจวลี่หรง
หากปล่อยให้เธอดูแลคนเดียว เธออาจจะไม่สามารถดูแลได้ดีขนาดนี้
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจียซิ่งจะโดนพี่สะใภ้อบรมเป็นการส่วนตัวอีกไหมนะ?
สงสารพี่เหอจัง หวังจะกินเนื้อหงส์สักหน่อย แต่ก็มีลูกลิงสองตัวมาขัด
ไหหม่า(海馬)