ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 969 ความในใจของหวังซิ่วฟาง
ตอนที่ 969 ความในใจของหวังซิ่วฟาง
หลินเซี่ยเห็นเฉินเจียเหอถูกลุงหนิวพูดแทงใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป เธอก็กลั้นหัวเราะ แล้วต้อนรับเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจมาหา “เชิญทุกคนนั่งก่อนค่ะ ดื่มน้ำสักหน่อยนะคะ”
ทุกคนพากันชมเชยเฉินเจียเหอกันเซ็งแซ่ ชูนิ้วโป้งให้เขา เฉินเจียเหอเผชิญหน้ากับคำชมของเพื่อนบ้านที่อาวุโสกว่า ด้วยสีหน้าประหม่า
เขาย้ำอยู่หลายครั้งว่า “นี่เป็นผลจากความพยายามร่วมกันของสหายร่วมงานทุกคนน่ะครับ ไม่ใช่ความดีความชอบของผมคนเดียว”
เฉินเจียเหอกลัวเป็นที่สุดว่าตัวเองจะถูกยกย่องสูงเกินไปจากเพื่อนบ้านที่น่าเคารพเหล่านี้ในหมู่บ้านพักอาศัย
เขารู้ดีว่าเพื่อให้รถไฟออกวิ่งได้ พนักงานทุกคนในโรงงานผลิตรถไฟต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจและความพยายามมากมายเพียงใด
เพียงแค่ทำงานในประเภทงานที่แตกต่างกันเท่านั้น
ทุกตำแหน่งงานล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเพื่อนร่วมงานคนอื่นไม่ให้ความร่วมมือ โครงการใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยคนเพียงไม่กี่คน
ลุงหนิวยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกเราแน่นอนว่ารู้ว่านี่เป็นความสำเร็จของทีม นี่ไม่ใช่เพราะพวกเราสนิทกันหรอกหรือ? ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเก่า พวกเราก็สนิทกับเธอที่สุด ได้เห็นเธอเติบโตมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือชีวิตส่วนตัว ล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนนี้ดูสิ ครอบครัวมีความสุขสมบูรณ์ ผลงานก็โดดเด่น ช่างดีจริงๆ”
“ใช่เลย ตั้งแต่แต่งงานกับเสี่ยวหลิน เจียเหอก็ประสบความสำเร็จมาตลอด ไม่เพียงแค่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นวิศวกรอาวุโส พวกเธอดูสิ ตอนนี้เขายิ้มให้พวกเราด้วย ก่อนหน้านี้ใครเคยเห็นเขายิ้มบ้างล่ะ”
“ใช่แล้ว เหล่าหนิวพูดถูก”
เหล่าคุณลุงคุณป้าพูดกันอย่างสนุกสนาน เฉินเจียเหอมองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของลุงหนิวเช่นกัน
ใช่แล้ว ภรรยาของเขาคือดวงดาวแห่งโชคลาภของเขาโดยแท้
ทุกคนอยู่ด้วยกันสักพักก็แยกย้ายกันไป หลินเซี่ยส่งทุกคนที่ประตู โบกมือลาอย่างกระตือรือร้น
เมื่อปิดประตู เธอมองดูของมากมายที่ทุกคนนำมาให้ซึ่งกองอยู่ในบ้าน รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นพิเศษ
เฉินเจียเหอไม่คุ้นเคยกับการรับของจากคนอื่น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเพื่อนบ้านมอบให้ด้วยความจริงใจ เพื่อบำรุงร่างกายของเขา
“เซี่ยเซี่ย พวกเราควรซื้ออะไรไปตอบแทนไหม?”
หลินเซี่ยส่ายหน้า แล้วบอกความคิดของตัวเอง “คราวนี้คงไม่ต้องหรอก นี่เป็นน้ำใจจากทุกคน ถ้าพวกเรารีบตอบแทนทันที คนอื่นอาจจะไม่พอใจ พวกเรายังต้องติดต่อกันอีกในอนาคต ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอกันอีก ถ้าใครมีธุระอะไรในอนาคต เราค่อยส่งของไปให้ก็ได้”
การทำแบบนั้นจะทำให้คนอื่นไม่พอใจมาก ถ้าเป็นคนที่ไม่ตั้งใจจะคบหาสมาคมด้วย ก็ควรรีบชำระบุญคุณให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกทวงบุญคุณในภายหลัง
แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนบ้านที่เรียบง่ายซึ่งพวกเขาต้องพบปะกันบ่อยๆ
“ได้ เอาตามที่คุณว่าแล้วกัน”
ไม่เพียงแต่เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเท่านั้น แม้แต่พ่อของเจียงอวี่เฟยอย่างเจียงกั๋วเซิ่งและหวังซิ่วฟางก็มาด้วย
เจียงกั๋วเซิ่งกับหวังซิ่วฟางก็มาพร้อมกับของฝากมากมายทั้งชิ้นใหญ่ชิ้นเล็ก ซื้อของขวัญมามากมายทำราวกับว่ามีเรื่องยิ่งใหญ่อะไรเกิดขึ้นในบ้านอย่างนั้น
“เสี่ยวเฉิน ทำได้ดีมาก พวกเธอเหนื่อยมากเลยสินะ”
ประโยคนี้เฉินเจียเหอได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เขาจับมือกับเจียงกั๋วเซิ่ง ได้แต่ทักทายอย่างสุภาพต่อไป “ผู้จัดการเจียง นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของผมคนเดียวนะครับ”
เจียงกั๋วเซิ่งยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉันรู้ แต่เธอเหนื่อยที่สุด”
โรงงานเครื่องจักรที่เจียงกั๋วเซิ่งรับผิดชอบอยู่นั้นจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีความแม่นยำสูงให้กับโรงงานยานพาหนะ ในกระบวนการผลิตรถไฟ ช่างเทคนิคจากโรงงานของพวกเขาก็มีส่วนร่วมด้วย ในฐานะผู้จัดการโรงงาน เขาก็เครียดมากในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กลัวว่าพวกเขาจะทำให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่แนวหน้าต้องล่าช้า ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกขัดเกลาและปรับปรุงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ได้ความแม่นยำสูงสุด ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย มุ่งมั่นสู่ความสมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าเขายังได้รับทราบจากเพื่อนร่วมงานที่มีส่วนร่วมในการประกอบรถไฟในโรงงานของพวกเขาว่า ในระหว่างการทดสอบรถไฟ มีความผิดพลาดเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ในที่สุดเฉินเจียเหอก็ได้ตรวจสอบและคำนวณซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนพบสาเหตุของข้อผิดพลาดและทำการปรับปรุงแก้ไข
เฉินเจียเหอได้กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในโรงงานยานยนต์เมืองไห่เฉิงอย่างชัดเจน
เจียงกั๋วเซิ่งรู้สึกชื่นชมคนหนุ่มอย่างเฉินเจียเหออย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาจะมีความสัมพันธ์เป็นญาติกันในอนาคต เขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกสาวของเขาจะได้แต่งงานกับน้องชายของเฉินเจียเหอ
แน่นอนว่าเฉินเจียวั่งเองก็เป็นคนหนุ่มที่เก่งกาจและมีอนาคตไกล
หวังซิ่วฟางพอเจอกับหลินเซี่ย ก็มีเรื่องคุยไม่รู้จบ
ในขณะที่เจียงกั๋วเซิ่งกำลังคุยเรื่องงานกับเฉินเจียเหออยู่ในห้องรับแขก หวังซิ่วฟางก็ขยิบตาส่งสัญญาณว่าอยากคุยกับหลินเซี่ยเป็นการส่วนตัว
หลินเซี่ยจึงจำใจพาหล่อนเข้าไปในห้องนอน
“เซี่ยเซี่ย ช่วงนี้เธอกำลังยุ่ง ฉันเลยไม่กล้ามารบกวน”
หลินเซี่ยเห็นสีหน้าของหล่อนแล้วก็รู้ว่าหล่อนมีเรื่องกังวลใจ
เธอมองหวังซิ่วฟางแล้วยิ้มพูดว่า “เป็นอะไรไปล่ะ? ดูหน้าตาพี่สดใสดีนะ ชีวิตประจำวันคงจะดีไม่น้อยสิท่า”
“เรื่องชีวิตก็ถือว่าดีนะ ดีกว่าตอนที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวเยอะเลย” หล่อนพูดถึงตรงนี้แล้วก็ถอนหายใจ “แต่ชีวิตแบบนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ฉันก็ไม่มั่นใจเลย”
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของหล่อนแล้ว มุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย “พี่พูดอะไรของน่ะ? พี่มีใจให้คนอื่นหรือ?”
หวังซิ่วฟางทำปากเบะ บ่นว่า “เซี่ยเซี่ย เธออย่ามาล้อฉันเลย ฉันจะมีใจให้คนอื่นได้ยังไง ตั้งแต่วันที่ฉันจดทะเบียนสมรสกับเหล่าเจียง ฉันก็ซื่อสัตย์ต่อเขาอย่างสุดหัวใจแล้ว”
หล่อนครุ่นคิดครู่หนึ่ง มองไปทางประตู แล้วพูดเสียงเบา “ฉันเคยบอกเธอในครั้งที่แล้วว่าฉันอยากมีลูกอีกคน”
หลินเซี่ยพยักหน้า “อืม ฉันจำได้ พี่เคยพูดเรื่องนี้อยู่”
ตอนนั้นเธอบอกให้หวังซิ่วฟางไปปรึกษากับเจียงกั๋วเซิ่ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คนอื่นไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรได้
“พี่ได้ปรึกษากับผู้จัดการโรงงานเจียงและคนอื่นๆ แล้วหรือยัง?” หลินเซี่ยถามหล่อน
หวังซิ่วฟางขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจนปัญญา
“เขาบอกว่านโยบายไม่อนุญาต ส่วนอายุของเขาก็ไม่เอื้ออำนวย แล้วพูดว่าอีกสองปีอวี่เฟยก็จะแต่งงานมีลูกแล้ว ถ้าเขามีลูกอีกคนจะดูเหมาะสมได้อย่างไร?”
“พี่สาวหวัง ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ผู้จัดการโรงงานเจียงพูดมาค่อนข้างมีเหตุผลนะ” หลินเซี่ยกล่าว “ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องนโยบาย แต่ผู้จัดการโรงงานเจียงก็ไม่ได้หนุ่มแน่นอีกแล้ว อีกสองปีเขาก็จะได้อุ้มหลานแล้ว การที่เขาจะมีลูกอีกคนคงไม่เหมาะสมนัก”
เธอพยายามเกลี้ยกล่อมหวังซิ่วฟาง “อีกอย่าง การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องเหนื่อยมาก ตั้งแต่เด็กเกิดจนโต มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทำไมพี่ถึงยืนกรานอยากมีลูกอีกคนด้วยล่ะ?”
ตัวหล่อนเองก็มีเสี่ยวฮวา ส่วนเจียงกั๋วเซิ่งก็มีลูกสาวอย่างอวี่เฟย ทั้งสองคนต่างมีลูกติด และเจียงอวี่เฟยกับเสี่ยวฮวาก็เข้ากันได้ดีมาก
เจียงอวี่เฟยชอบน้องสาวอย่างเสี่ยวฮวามาก ทั้งสองคนสร้างความสัมพันธ์แบบพี่น้องแท้ๆ กันแล้ว
แต่พี่สาวหวังยังคงยืนกรานที่จะมีลูกอย่างดื้อรั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รออวี่เฟยมีลูกน่าจะดีกว่านะคะพี่หวัง เลี้ยงลูกวัยแบเบาะมันเหนื่อยมากนะ ไม่เชื่อถามเซี่ยเซี่ยได้
ไหหม่า(海馬)