ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 971 การรับสมัครครู
ตอนที่ 971 การรับสมัครครู
เธอพูดกับเจียงกั๋วเซิ่งว่า “คุณวางใจได้ค่ะ ฉันได้พูดกับหล่อนแล้ว พี่สาวหวังก็เลิกคิดมากแล้ว คุณแค่กลับไปคุยกับหล่อนดีๆ อีกที สิ่งสำคัญคือคุณต้องให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยกับหล่อนให้มากพอ ให้หล่อนเข้าใจว่าถึงคุณทั้งสองจะไม่มีลูกด้วยกัน พวกคุณก็จะยังรักกันไปจนแก่เฒ่า”
“ได้ เซี่ยเซี่ย พอเธอพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจแล้ว ฉันจะกลับไปคุยกับหล่อนอีกที”
ช่วงนี้เจียงกั๋วเซิ่งเหนื่อยใจเพราะเรื่องลูกมาก ถึงขนาดตอนกลางคืนไม่กล้ากลับบ้าน
กลัวว่าหวังซิ่วฟางจะบีงคับให้เขาทำลูกด้วยกัน
หวังซิ่วฟางเป็นผู้หญิงในวัยนี้ ปกติเขาก็รับมือไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งหล่อนมีความตั้งใจจะมีลูก เขายิ่งรู้สึกขาอ่อน
พอได้ยินว่าหลินเซี่ยพูดจาโน้มน้าวหวังซิ่วฟางแล้ว เจียงกั๋วเซิ่งจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“งั้นฉันไม่รบกวนแล้วละ ฉันจะไปเรียกซิ่วฟาง พวกเราต้องกลับแล้ว เสี่ยวฮวาเลิกเรียนแล้ว พวกเราต้องไปรับหล่อน”
เจียงกั๋วเซิ่งปฏิบัติต่อเสี่ยวฮวาเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆของตัวเอง ไม่แบ่งแยกปฏิบัติแต่อย่างใด
หลังจากส่งเจียงกั๋วเซิ่งกับหวังซิ่วฟางกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องไปรับหู่จือหลังเลิกเรียนแล้ว แต่เฉินเจียเหอกลับไม่ยอมไปรับเขา บอกว่าเขาจะคอยดูแลเสี่ยวฮวา แล้วให้หลินเซี่ยไปรับแทน
หลินเซี่ยมองดูสีหน้าต่อต้านของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
บางคนอยากจะมีโอกาสแบบนี้เพื่อโอ้อวดต่อหน้าสาธารณชน แต่เฉินเจียเหอกลับตกใจขนาดนี้
แต่พูดอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นเพราะเฉินเจียเหอและทีมเพื่อนร่วมงานของเขาถ่อมตนและไม่แสวงหาชื่อเสียง สามารถทนต่อความเงียบเหงา ไม่หยิ่งผยอง ไม่ร้อนรน พวกเขาจึงสามารถอยู่ในโรงงานเพื่อวิจัย ทดลอง และประกอบชิ้นส่วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนประสบความสำเร็จในการนำรถไฟความเร็วสูงออกมาใช้งานได้
ถ้าเขารู้สึกภูมิใจเพียงเพราะได้รับคำชมจากนักเรียนประถมไม่กี่คำ เขาก็คงไม่ใช่เฉินเจียเหอแล้ว
หลินเซี่ยไปรับหู่จือกลับมา พร้อมกับแวะซื้อของที่ตลาดสดและลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง
เฉินเจียเหอไม่ได้กินอาหารฝีมือเธอมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ขณะที่หลินเซี่ยกำลังทำอาหาร เขาก็อยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือในครัว สามีภรรยาร่วมแรงร่วมใจกันผัดอาหารสี่อย่าง ลูกชายสองคนก็เล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น ทั้งครอบครัวมีแต่มวลความสุขอันอบอุ่น
เฉินเจียเหอกินข้าวที่บ้านมื้อหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็ถูกเชิญไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่ผู้นำจัดขึ้นเป็นพิเศษ
หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมทั้งหมดได้พักผ่อนที่บ้านหนึ่งวัน ทุกคนก็ดูกระปรี้กระเปร่า สดชื่นเปล่งปลั่ง
วันนี้เธอได้นัดหมายกับครูหลายคนที่โทรศัพท์มาบอกว่าจะมาสัมภาษณ์งาน
หลินเซี่ยกลัวว่าตัวเองคนเดียวจะรับมือกับสถานการณ์ไม่ไหว จึงได้แจ้งเซี่ยไห่และลินดาให้มาร่วมเป็นผู้สัมภาษณ์ด้วยกันเป็นพิเศษ
ตัวเธอเองดูอายุน้อยเกินไป ส่วนเซี่ยไห่กับลินดามีประสบการณ์มากในด้านนี้
หลินเซี่ยกำหนดสถานที่สัมภาษณ์ที่สำนักงานเดิมที่เคยเปิดคอร์สอบรม ตอนเช้าเธอตั้งใจไปทำความสะอาดเป็นพิเศษ
เซี่ยไห่กับลินดาก็มาถึงแต่เช้าเช่นกัน
“เซี่ยเซี่ย เธอนัดครูมากี่คน?” เซี่ยไห่เดินเข้ามาสำรวจดูรอบๆ แล้วถามหลินเซี่ย
หลินเซี่ยตอบว่า “อารอง มีแปดคนค่ะ ฉันตั้งใจกำหนดวันนี้เป็นพิเศษ เพื่อรวมทุกคนมาสัมภาษณ์พร้อมกัน”
โรงเรียนไม่ได้รับสมัครเฉพาะครูสอนวิชาปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังมีครูสอนวิชาทฤษฎีวัฒนธรรมด้วย วันนี้ผู้ที่มาสัมภาษณ์คือครูสอนวิชาวัฒนธรรม
เนื่องจากครูสอนวิชาปฏิบัติไม่สามารถสัมภาษณ์ด้วยปากเปล่าเพียงอย่างเดียวได้ จำเป็นต้องมีการปฏิบัติจริงในการแต่งหน้าเพื่อดูผลงานจริง หลินเซี่ยจึงตั้งใจนัดเวลาสัมภาษณ์ครูสอนวิชาปฏิบัติแยกต่างหาก
นอกจากการลงประกาศรับสมัครครูสอนวิชาปฏิบัติแล้ว เธอยังฝากคนรู้จักช่วยดึงตัวมาจากในวงการอีกหลายคน เหมือนกับที่เธอดึงตัวหลิวน่ามาสอนในชั้นเรียนอบรมของพวกเขา
เธอได้ติดต่อช่างแต่งหน้าและสไตลิสต์ที่มีความสามารถหลายคนผ่านการแนะนำของลินดาและเซี่ยอวี่ แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ปฏิเสธอย่างสุภาพและคนที่ตกลงมาสอนพิเศษด้วย
พอถึงเก้าโมงเช้า ทั้งสามคนเตรียมพร้อมแล้ว ผู้ที่มาสัมภาษณ์ก็ทยอยมาถึง
คนแรกที่มาถึงคือสุภาพสตรีอายุราวสามสิบปี หล่อนสวมกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังส้นเข็ม เสื้อเชิ้ตสีขาว ผมเกล้ามวยไว้ด้านหลัง ดูสะอาดและคล่องแคล่ว
หล่อนยื่นประวัติย่อ และแนะนำตัวเองตามขั้นตอน
“คุณบอกว่าก่อนหน้านี้เป็นครูที่โรงเรียนเทคนิคแห่งหนึ่งในเซินเจิ้น แล้วทำไมถึงมาที่เมืองไห่เฉิงล่ะคะ?”
“พ่อแม่ฉันอยู่ที่เมืองไห่เฉิง พวกท่านแก่แล้วและยังมีสุขภาพไม่ดี ฉันเลยกลับมาเพื่อเลี้ยงดูพวกท่านค่ะ”
หยางชูเหยียนเงียบไปสองสามวินาที แล้วแนะนำตัวต่อ “ปีที่แล้วฉันเพิ่งจบการแต่งงานที่ยืดเยื้อมาห้าปีกับสามีของฉัน ดังนั้นฉันจึงออกจากเซินเจิ้น ถ้าคุณหลินมีปัญหากับเรื่องนี้ ฉันก็ได้แต่แสดงความเสียใจด้วยค่ะ”
หลินเซี่ยกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับงาน ตราบใดที่คุณไม่มีปัญหาด้านความประพฤติส่วนตัว และมีความสามารถในการทำงานที่แข็งแกร่ง พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลินเซี่ยยังไม่ตัดสินใจประเมินผลสัมภาษณ์หล่อน
เธอจำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุการหย่าร้างของหยางชูเหยียน และทำการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะจ้างหล่อนหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใด ปัญหาเรื่องความประพฤติส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้อย่างเด็ดขาด
โรงเรียนของเธอเพิ่งเปิดทำการ จึงไม่สามารถปล่อยให้มีความเสี่ยงใดๆ หลงเหลืออยู่ได้เลย
สำหรับครูคนต่อไปอีกไม่กี่คน สถานการณ์พื้นฐานค่อนข้างถูกต้อง เพียงแต่มีสองคนที่มีความต้องการด้านเงินเดือนและสวัสดิการค่อนข้างสูง
หลังจากต่อรองกันไปมาหลายรอบ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอนาคตการพัฒนาของโรงเรียนเทคนิคเอกชนแบบนี้มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าตอบแทนไม่เป็นไปตามความคาดหวังของพวกเขา โอกาสที่จะอยู่ต่อก็คงไม่มากนัก
เมื่อการสัมภาษณ์ผู้สมัครทั้งแปดคนเสร็จสิ้น พวกหลินเซี่ยทั้งสามคนก็นั่งอยู่ในสำนักงาน พิจารณาทบทวนข้อมูลของพวกเขา
เซี่ยไห่มองดูเอกสารบนโต๊ะ แล้วเอ่ยปากพูดกับหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย นอกจากอาจารย์หยางที่ยังไม่แน่นอนแล้ว ยังมีอีกสองคนที่ไม่พอใจกับเงินเดือนและสวัสดิการที่เราเสนอให้ เพราะไม่ตรงกับความคาดหวังของพวกเขา ส่วนที่เหลืออีกห้าคนนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็รับพวกเขาเข้าทำงานได้แล้ว”
หลินเซี่ยพยักหน้า “อารอง คุณพูดถูกแล้ว คนห้าคนนี้ในตอนนี้ถือว่าเรากับพวกเขาพอใจซึ่งกันและกัน เรารับพวกเขาเข้าทำงานได้เลย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คัดกรองคนดีๆ นะ อย่าให้เกิดปัญหาทีหลังล่ะ เสียชื่อเสียงแล้วมันยากที่จะกู้กลับมาได้นะ
ไหหม่า(海馬)