ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 974 การสรรหาและว่าจ้าง
ตอนที่ 974 การสรรหาและว่าจ้าง
ไมเรย์แต่งตัวเหมือนเมื่อวาน ยังคงดู “แปลก” มาก
แต่หลินเซี่ยกับลินดาต่างก็เป็นคนที่เห็นโลกมามาก พวกเธอมองเขาด้วยสายตาที่ไม่มีอะไรผิดปกติ
พูดตามตรง การให้ความเคารพของพวกเธอเป็นกำลังใจอย่างมากสำหรับไมเรย์
ตอนนี้ ในร้านมีเพียงหลินเซี่ยกับลินดาสองคนเท่านั้น หลินเซี่ยต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นยิ่ง ชงกาแฟให้เขาเป็นพิเศษหนึ่งถ้วย
มันเป็นกาแฟที่เซี่ยไห่นำมาจากเซินเจิ้นเมื่อครั้งที่แล้ว คนอื่นๆ ในบ้านต่างไม่ชินกับรสชาติ ย่าของเธอลองจิบหนึ่งอึกแล้วบอกว่ามันขมยิ่งกว่ายาจีน และจะเอาไปทิ้ง แต่เธอได้ขัดขวางเอาไว้
“คุณหลิน ขอถามหน่อยว่าทางคุณได้ตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วหรือยังครับ?” ไมเรย์จิบกาแฟอย่างสง่างามพลางมองหลินเซี่ยและถาม
ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายมาก ราวกับว่าเรื่องการรับเข้าทำงานหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจมากนัก
เช่นเดียวกัน ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความมั่นใจอย่างมาก
หลินเซี่ยมองเขาแล้วยิ้มพลางเอ่ยปากว่า “เราได้ปรึกษากันแล้วค่ะ เมื่อคืนนี้ฉันกับคุณเซี่ยที่เป็นผู้รับผิดชอบของโรงเรียนต่างปรึกษากันอย่างจริงจัง สรุปความได้ว่าเราตัดสินใจรับคุณและช่างแต่งหน้าอีกสามคนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีมครูในโรงเรียนของเรา”
ถ้าลินดาไม่พูดอะไรตอนนี้ ก็จะทำให้เธอแย่เอาได้
แต่ลินดากลับนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้เอ่ยปากในทันที ทำให้หลินเซี่ยยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น
ขอให้อาสะใภ้รองของเธอคนนี้อย่าได้ทำให้เธอเสียท่าเลย…
หลินเซี่ยเกือบจะขยิบตาให้ลินดาอย่างโจ่งแจ้งแล้ว
ในที่สุด ลินดาก็กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยปากพูด
“เซี่ยเซี่ย รอสักครู่นะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณไมเรย์หน่อย”
หล่อนหันไปมองไมเรย์ แล้วหยิบนามบัตรออกมายื่นให้ “คุณไมเรย์ ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อลินดา มาจากฮ่องกง เป็นผู้จัดการและหุ้นส่วนของดาราชื่อดังคุณเซี่ยอวี่ นี่คือนามบัตรของฉันค่ะ”
ไมเรย์รับนามบัตรที่ลินดายื่นให้ เขามองดูแวบหนึ่งแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ท่าทางที่ผ่อนคลายเป็นธรรมชาติเมื่อครู่กลับกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาวางแก้วกาแฟลงโดยไม่รู้ตัวแล้วลุกขึ้นยืน ทักทายลินดาใหม่อีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของลินดามาก่อน แม้ว่าอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของลินดาโดยตรง แต่เขาก็ต้องรู้จักเซี่ยอวี่หรือบริษัทที่อยู่บนนามบัตรแน่นอน
“นั่งลงเถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ” ลินดาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ฉันกับคุณหลินเซี่ยถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน เซี่ยอวี่เป็นอาหญิงของหล่อน ดังนั้นฉันก็จะไม่เกรงใจละ ขอแย่งตัวคนต่อหน้าหล่อนเลยนะคะ”
คำพูดของลินดาทำให้ไมเรย์ยิ่งมองหลินเซี่ยอย่างตกตะลึงมากขึ้น
ไม่คิดว่าหลินเซี่ยจะมีภูมิหลังเช่นนี้ด้วย
“แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญหรอก” ลินดามองเขาแล้วพูดว่า “จริงๆแล้ววันนี้ฉันเป็นคนขอให้คุณหลินนัดคุณมาที่นี่”
“คุณเรียกผมมามีธุระอะไรหรือครับ?” ไมเรย์ถามหล่อนอย่างจริงจังมาก
“เป็นอย่างนี้ค่ะ โรงเรียนสอนเสริมสวยและทำผมของคุณหลินยังเหลือเวลาอีกกว่าหนึ่งเดือนกว่าจะเปิดเรียน ฉันเลยอยากถามว่าในช่วงนี้คุณมีงานอื่นที่วางแผนไว้แล้วหรือไม่คะ?”
ไมเรยตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีครับ ผมเพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ยังไม่มีงานอื่นที่นี่”
“งั้นก็ดีค่ะ” เมื่อได้ยินว่าเขาไม่มีงานอื่น ลินดาจึงพูดตรงประเด็นเลย “เป็นอย่างนี้นะคะ เพื่อนของฉันพอดีกำลังต้องการช่างแต่งหน้าทำผมที่มีประสบการณ์ ฝากให้ฉันช่วยแนะนำ เมื่อวานฉันเห็นผลงานการแต่งหน้าทำผมสุดท้ายของคุณออกมาดีมาก ฉันชื่นชมมาก ดังนั้นฉันอยากแนะนำคุณไปทำงานที่บริษัทเพื่อนของฉัน คุณคิดว่ายังไงคะ?”
เพราะว่าเขามาสมัครงานที่บริษัทของหลินเซี่ย
และเมื่อกี้เธอก็บอกว่าเขาได้รับการคัดเลือกแล้ว
ลินดาพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมองหล่อนหรอก ฉันเพิ่งบอกไปว่าโรงเรียนทางฝั่งหล่อนยังไม่เปิดเทอมชั่วคราว ฉันหวังว่าคุณจะไปช่วยงานด่วนที่ฉันแนะนำให้ก่อน ส่วนเรื่องความร่วมมือระหว่างพวกคุณ เราค่อยคุยกันทีหลัง”
“แต่ว่านี่มัน…”
ไมเรย์มีความกังวลอย่างชัดเจน เขามองหลินเซี่ยอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้หลินเซี่ยคิดว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ได้
หลินเซี่ยสังเกตเห็นสายตาของไมเรย์ เธอจึงหันไปถามลินดาเพื่อยืนยัน “อาสะใภ้รอง คุณแน่ใจนะว่าคุณแนะนำให้ไมเรย์ไปทำงานที่เพื่อนของคุณแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น?”
ลินดาตอบอย่างคลุมเครือว่า “ทางนั้นบอกมาแบบนี้ ภายหลังเราสามารถประสานงานกันได้”
หลินเซี่ยก็แสดงท่าทีตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกคุณก็คุยกันได้ เพราะว่าช่วงเดือนกว่านี้ว่างอยู่แล้ว ถ้าสามารถแนะนำงานให้อาจารย์ไมเรย์ได้ก็ดีนะ แต่หลังจากนั้นพวกคุณต้องปล่อยคนกลับมานะ”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล ฉันบอกแล้วว่าเป็นการช่วยเหลือฉุกเฉิน”
เมื่อหลินเซี่ยพูดเช่นนั้น ไมเรย์ก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นโค้งคำนับขอบคุณลินดา “งั้นผมขอขอบคุณคุณลินดาก่อนนะครับ”
ในเมื่อลินดาแนะนำงานให้เขาด้วยตัวเอง เขาก็ยินดีรับอย่างยิ่ง
ลินดาพูดกับเขาว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นเราแลกเบอร์ติดต่อกันไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปพบเพื่อนของฉัน พวกคุณสองคนคุยกันเอง ถ้าตกลงกันได้ก็ดี แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็ไม่ต้องฝืน”
“ได้ครับ ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”
ไมเรย์แลกเบอร์ติดต่อกับลินดา แล้วขอบคุณหล่อนอีกครั้งก่อนจากไป เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกขอบคุณลินดาจริงๆ ที่ให้โอกาสในการทำงานแก่เขา
หลังจากที่ไมเรย์จากไป หลินเซี่ยก็รู้สึกโล่งอกในที่สุด
ในที่สุดก็ไม่ได้ทำร้ายความภาคภูมิใจของปรมาจารย์ท่านนี้ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น
แม้จะจัดการเรื่องของไมเรย์ไว้ชั่วคราวแล้ว แต่หลินเซี่ยก็ยังหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้จ้างเขาเป็นครูที่โรงเรียนของพวกเขา
เธอครุ่นคิดว่า หลังจากเปิดเทอมแล้ว อาจจะให้ไมเรย์มาที่โรงเรียนในฐานะที่ปรึกษาด้านเทคนิค เพื่อแสดงความสามารถทางวิชาชีพของเขาให้นักเรียนดู และดูปฏิกิริยาของนักเรียน
ลินดานอนพิงเก้าอี้ครึ่งตัว มองหลินเซี่ยแล้วเอ่ยปากอย่างเนิบนาบ “ฉันรับปากเขาไปแล้ว แล้วตอนนี้จะทำยังไงกับงานนี้ดี ฉันจะไปหางานให้เขาที่ไหนล่ะ”
“อาสะใภ้รอง ถ้าคุณลำบากใจจริงๆ ฉันจะไปสอบถามช่างแต่งหน้าหรือผู้กำกับรองหลี่ที่ฉันรู้จักในกองถ่ายก่อนหน้านี้ดู ว่าทีมงานที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ต้องการคนเพิ่มหรือเปล่า”
ในยุคนี้ อาชีพแบบที่พวกเขาทำอยู่จริงๆ แล้วก็ยังค่อนข้างเฉพาะกลุ่มอยู่ โดยเฉพาะสไตลิสต์ที่มีประสบการณ์และเทคนิคการแต่งหน้าที่ดีล้วนหายากเหลือแสน
บางครั้งก็แค่ขาดเส้นสาย คนที่ต้องการรับคนก็หาคนที่มีฝีมือดีไม่ได้ คนที่หางานก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมไม่เจอ
“พอเถอะ เธอไม่ต้องยุ่งแล้ว เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเองดีกว่า” ลินดาเพียงแค่พูดออกมาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเมื่อคืนนี้หล่อนได้โทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทในวงการแล้ว
อีกฝ่ายบอกให้หล่อนพาคนมา ถ้าฝีมือโดดเด่น ทุกอย่างก็คุยกันได้
ครั้งที่แล้วจางซ่วนก็เป็นเซี่ยอวี่ที่แนะนำมา ฝีมือการถ่ายภาพของเขาโดดเด่นมาก งานผ่านการตรวจสอบ ตอนนี้เขากลายเป็นช่างภาพที่ร้อนแรงในวงการไปแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หาทางลงได้สวยค่ะ นอกจากไม่ทำร้ายจิตใจกันแล้วยังได้ประโยชน์สองต่อ
ไหหม่า(海馬)