ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 101 ทดสอบ
ตอนที่101 ทดสอบ
ได้ฟังสิ่งที่เซียถงกล่าวชี้แจง ท่านอธิบดีเคราขาวก็ยกมือขึ้นลูบเคราตนเอง หรี่สายตาจ้องพินิจอยู่สักครู่ ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า
“ก็มีเหตุผล ข้าเพียงสอบถามเท่านั้น มิได้หมายความถึงอื่นใด ในเมื่อทุกอย่างชัดแจ้งดีแล้ว เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากออกไปทันที คนอื่นๆ เองต่างไล่ติดตามกันออกไปเช่นกัน พอหน้าห้องพักกลายมาเป็นความว่างเปล่าปราศจากผู้คน จะเหลือก็แค่ไป๋หลี่หานที่ยังคงยืนจับจ้องเซียถงแน่วแน่ไม่ขยับจากไปไหน เชิดคางสูงขึ้นเล็กน้อยพร้อมก้าวย่างตรงเข้าห้องพักของเซียถงโดยไม่ปริปากขออนุญาตใดๆ ลากเก้าอี้ไม้แกะสลักมานั่งแช่ม กวาดสายตามองดูการตกแต่งภายในห้องอย่างสบายอารมณ์
เซียถงเหลียวศีรษีหันมาจับจ้องท่าทีอันเฉยเมยของเขาเล็กน้อย และเอ่ยถามขึ้นว่า
“มิทราบว่าท่านอาจารย์หานยังมีธุระอันใดกับข้าอีก?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ข้าเหนื่อยเล็กน้อย จึงอยากจะหาที่นั่งพักผ่อนไปพลาง โอ้ใช่แล้ว คุณหนูเซียรบกวนท่านชงชามาให้ข้าสักถ้วย ลำบากเจ้าแล้ว”
ไป๋หลี่หานวางแขนเท้าคางลงบนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน ส่งสายตายิ้มแย้มไปทางเซียถงพร้อมเอ่ยปากกล่าวดูมีความสุขมิใช่น้อย
“เกรงว่าเวลานี้จะไม่สะดวก ชายเหงากับหญิงโสดไม่ควรอยู่ร่วมชายตาเดียวกัน เกรงว่าหากใครล่วงรู้เข้า จะทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงเอาได้”
เซียถงยืนนิ่ง ภายในใจแอบคิดรังเกียจมิใช่น้อย เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นห้องส่วนตัวของนาง แต่แล้วไป๋หลี่หานกลับทำตัวตามใจราวกับเป็นห้องตัวเองอย่างใดอย่างนั้น นี่จะมาไม้ไหนอีก?
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าคนนี้ไม่รังเกียจ”
ไป๋หลี่หานหรี่สายตาแคบ กล่าวยิ้มปลิ้มอารมณ์ดี
“ท่านไม่เป็นแต่ข้าเป็น เชิญท่านอาจารย์หานกลับไป”
เซียถงกล่าวน้ำเสียงเย็นตอบ
“เจ้าไม่มีชื่อเสียงให้เสียอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าได้คิดมากไปเลย”
ขณะที่เขาปริปากกล่าวออกมา ก็พลันสังเกตเห็นสีหน้าของเซียถงที่ค่อยๆ มืดขรึมจมลง ริมฝีปากสีอมชมพูภายใต้หน้ากากเชิดกระตุกเผยรอยยิ้มเล็กน้อย กล่าวเพิ่มเสริมต่อว่า
“ทันทีที่ดื่มชาเสร็จ ข้าคนนี้จะไปทันที”
“เช่นนั้นท่านอาจารย์หานใช้ห้องของข้าพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย ข้าขอตัว”
เซียถงเห็นแววตาเปี่ยมสุขปนขี้เล่นของอีกฝ่ายก็พึงทราบแล้ว ราชาหมาปาสวรรค์คนนี้กำลังจงใจปั่นประสาทนางอยู่เท่านั้น แต่นางกลับไม่มีเวลาว่างมากมายมาเล่นอะไรไร้สาระเช่นนี้ จึงขอเป็นฝ่ายจากไปแทนเสียดีกว่า
พูดจบ นางหันหลังเดินตรงไปที่ประตูทันที
“เซียถง เจ้าเป็นคนวางยาพิษในบ่อน้ำใช่หรือไม่?”
พอเซียถงเดินไปถึงประตู จู่ๆ ก็ได้ยินสุ้มเสียงของไป๋หลี่หานเอ่ยถามขึ้น
ได้ฟังเช่นนั้น เซียถงหยุดฝีเท้าลง เหลือบหางตาปรายมองไปที่ไป๋หลี่หานเล็กน้อย กล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“บางทีคนที่วางยาพิษในน้ำอาจจะเป็นตัวท่านเองก็เป็นได้”
“โอ้? ไฉนเจ้าถึงคิดว่าข้าคนนี้ถึงต้องทำเช่นนั้นล่ะ?”
ไป๋หลี่หานเลิกคิ้ว เรียวตาคู่ยาวระหงภายใต้หน้ากากสีดำทอประกายสว่างวับ จับจ้องเซียถงด้วยความสนใจ
“กลับเป็นข้าที่ต้องเป็นฝ่ายถามองค์ชายกลับสำหรับเรื่องนี้ เป็นไปได้ไหมว่า บางทีท่านอาจจะหลงรักองค์หญิงมาโดยตลอด แต่อีกฝ่ายกลับมองว่าท่านมีใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียด จึงพยายามสลัดท่านออกจากชีวิต ส่งผลให้ท่านรู้สึกโกรธแค้นนางเป็นอย่างมาก จึงต้องการทำลายรูปโฉมโดยการวางยาพิษลงในบ่อน้ำ เรื่องจำพวกแต่งงานในวงศ์ตระกูลเดียวกันเพื่อรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ ใช่ว่าจะไม่เคยมี? ในทางตรงข้าม กับพำวกเชื้อพระวงศ์แล้ว กลับพบเห็นได้บ่อยครั้งจริงหรือไม่?”
เซียถงเร้นประกายสายตาหรี่ลง กล่าวสันนิษฐานขึ้นพร้อมน้ำเสียงมากเล่ห์ชั่วร้าย
“อืม เหตุผลน่าสนใจดี หากข้า…ไม่บังเอิญไปเห็นเจ้าลอบใส่ผงพิษลงบ่อน้ำในป่าไผ่เขียว บางทีข้าอาจจะเชื่อที่เจ้าพูดไปแล้วจริงๆ”
ทันใดนั้นพลันปรากฏธารแสงสาดระยิบเผยออกมาจากดวงตาคู่นั้นของไป๋หลี่หาน จ้องมองไปทางเซียถงไม่คลายอ่อน ชะงักหนึ่งจังหวะก่อนกล่าวอีกว่า
“เมื่อคืนนี้ ข้าเฝ้ามองเจ้าใส่ยาพิษลงในบ่อน้ำด้วยตาคู่นี้เลย”
เซียถงใจหายวูบลงไปยังตาตุ่มชั่วขณะ เมื่อคืนนี้ไป๋หลี่หานแอบมองนางกระทำการอย่างลับๆ ตั้งแต่แรกแล้ว? แต่ไฉนนางถึงไม่สามารถจับสัมผัสของอีกฝ่ายได้เลย? นี่มัน…น่ากลัวเกินไป ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว! รอยความตื่นตระหนกยังคงตราตรึงภายในใจไม่จางหาย ความคิดนับร้อยพันถาโถมเข้ามาในหัวของนาง แต่ถึงแบบนั้น บนใบหน้าผิวเผินยังคงสงบนิ่งปราศจากแววตื่นตระหนกใดๆ
“ปรากฏว่าท่านปรากฏตัวขึ้นในบ่อน้ำไผ่เขียวเมื่อคืนจริงๆ ในเวลานี้กลับเป็นท่านที่น่าสงสัยที่สุด ข้าพูดถูกหรือไม่?”
ไป๋หลี่หานนั่งนิ่งไม่ปริปากกล่าวใดๆ สบเข้ากับสายตาของเซียถงแน่นหนาไม่คลายอ่อน แต่เมื่อเห็นว่า นัยน์ตาคู่นั้นของเซียถงไม่ส่อแววตื่นตระหนกรวนเรเลยแม้แต่น้อย เขาดก็อดรู้สึกผิดหวังมิได้ เขาลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกล่าวกับนางว่า
“นั่งมาตั้งนานกลับไม่มีน้ำชาริมจิบให้ชุ่มคอแม้นสักถ้วย สงสัยคงต้องกลับไปดื่มที่บ้านแทนเสียแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ ไป๋หลี่หานก็ลุกขึ้นยืนเดินตรงไปที่ประตูในจุดที่เซียถงยืนอยู่ ร่างของเขาเคลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น…แต่สุดท้ายก็มิได้ลงไม้ลงมือทำอะไรนางดั่งครั้งก่อนๆ เขาเดินจากออกไปจากห้องโดยตรง
เหม่อมองแผ่นหลังของไป๋หลี่หานที่ลาลับหายไป เซียถงอดถอนหายใจแรงมิได้สองสามเฮือกใหญ่ นางเกือบจะหลุดปากบอกความจริงกับชายคนนี้ไปเสียแล้วว่า ตนไปที่บ่อน้ำในผ่ไผ่เขียวจริงๆ เมื่อคืน แต่ชั่วขณะที่เห็นแววความผิดหวังเร้นประกายออกมาจากแววตาของอีกฝ่าย นางก็ตอบสนองเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที ปรากฏว่า เขาไม่เคยเห็นตัวนางลงมือวางยาพิษลงในบ่อด้วยตัวเองเลย ทั้งหมดก็แค่หลอกถามให้นางคายความจริงออกมาเท่านั้น
ช่างเป็นชายที่ฉลาดแกมโกงอันใดปานนี้ ข้าจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังต่อตัวของอีกฝ่ายให้มากกว่านี้แล้วในอนาคต
ในช่วงเช้าเป็นคาบเรียนวิชาแขนงโอสถ แม้ว่าเซียถงจะตระหนักดีอยู่แล้วว่า ไม่มีใครหน้าไหนกล้าโผล่หัวมาเรียนแน่นอนในวันนี้ ซึ่งภายในห้องเรียนก็ว่างเปล่าไร้ผู้คนจริงๆ กระทั่งหยุนซีผู้ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชานี้เองก็ไม่มา มีเพียงเซียถงคนเดียวที่อยู่ในห้องเรียน
จู่ๆ ก็มีเสียงดีดนิ้วดัง ‘ป๊อก’ จากตรงหน้า เลื่อนสายตาขึ้นมองเล็กน้อยก็พบว่าเป็น ฝ่ามือสีขาวผ่องประดุจหิมะต่อหน้าต่อตา เมื่อเซียถงเงยหน้าขึ้นมองก็สบเข้ากับดวงตาคู่สวยสีดอกท้อของเซียถงที่กำลังจ้องมองนางด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เซียถง ครั้งนี้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?”
หยุนซียืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าโต๊ะเรียนของเซียถง มือข้างหนึ่งใช้ดีดนิ้วเรียก ส่วนอีกข้างกำลังเท้าสะเอว จ้องกันตาเขม็งด้วยความโมโห
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร?”
เซียถงแสร้งตีหน้างุนงง แหงนหน้ามองหยุนซีตาแป๋วอย่างใส่ซื่อบริสุทธิ์
“เจ้าเป็นคนวางยาพิษลงในบ่อน้ำเพื่อแก้แค้นพวกไป๋หลี่อวี๋อิงใช่ไหม? ส่วนเมื่อวานที่เจ้าไปที่หนองน้ำในป่าสนก็เพื่อจับกิ้งก่าพิษ ข้าพูดถูกหรือไม่?”
หยุนซีกัดฟันกรอดพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงขุ่นมัว
หลังจากตรวจสอบอาการและลักษณ์การออกฤทธิ์เบื้องต้นของสารพิษที่ไป๋หลี่อวี๋อิงและคนอื่นๆ ได้รับ หยุนซีก็ได้ข้อสรุปว่า พิษตัวนี้มีส่วนผสมจากกิ้งก่าพิษ แม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากไม่มีโอสถล้างพิษที่ได้รับการหลอมกลั่นโดยระดับชั้นปราญ์โอสถขึ้นไป พิษบนใบหน้าของพวกนางก็จะไม่มีทางหายภายในสามเดือน กล่าวคือต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในสภาพเช่นนี้ถึงสามเดือนเต็ม
และที่สำคัญคือ กิ้งก่าพิษชนิดดังกล่าวสามารถเสาะค้นได้ในเฉพาะบริเวณหนองน้ำในป่าใหญ่เท่านั้น และเมื่อคืนนางก็บังเอิญพบเข้ากับเซียถงที่ริมหนองน้ำพอดี พอมาในวันนี้ไป๋หลี่อวี๋อิงกับคนอื่นๆ ต่างติดพิษจากมีต้นเหตุมาจากพิษที่ปนเปื้อนในบ่อน้ำป่าไผ่เขียว หากนำแต่ละเหตุการณ์ลำดับไล่เรียงกันให้ดี จะพบว่าทุกอย่างจะลงตัวพอดีสมบูรณ์
หากว่ากันด้วยเรื่องศาสตร์แห่งพิษ ไม่มีใครสามารถเป็นคู่มือกับหยุนซีได้ภายในสถานศึกษาแห่งนี้ ต่อให้เป็นเซียถงก็ตาม
แต่สิ่งที่นางรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจที่สุดคือ ช่วงเช้าที่คณบดีเคราขาวกลับไม่ลงโทษหรือทำอะไรกับเซียถงเลย เพราะว่ากันตามกฎ ครั้งนี้เซียถงถือว่ามีผิดในโทษละเมิดกฎระเบียบภายในสถานศึกษา
หลังจากกลับไประงับเพลิงความโกรธจนดีขึ้นหน่อยแล้ว หยุนซีก็มุ่งหน้าตรงมาห่าเซียถงทันที เพื่อเค้นความจริงให้นางยอมสารภาพโดยเฉพาะ
“ท่านอาจารย์หยุนซี ท่านต้องการจะฟังความจริงหรือความเท็จดีล่ะ?”
จ้องมองหยุนซีที่สีหน้าท่าทางปะทุเดือดดาลสุดขีด เซียถงกลับเอ่ยถามอย่างใจเย็น
“ทั้งจริงทั้งเท็จ เล่าให้ข้าฟังทุกอย่าง!”
หยุนซีขมวดคิ้วแทบชนกัน ยกฝ่ามือหวดกระแทกโต๊ะพร้อมเปล่งเสียงตะโกนลั่นรุนแรง