ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 112 หลบหนี
ตอนที่112 หลบหนี
ลิ้นยาวสีแดงสดแลบตวัดเศษชิ้นเนื้อสมนุษย์บนนิ้วมือเข้าปาก เคี้ยวดังกรุบกรับอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นค่อยยิงสายตาทมิฬมืดลึกล้ำตรงใส่ทางเซียถงเป็นคำรบสอง
เจ้าหมอนี่มันกินเนื้อมนุษย์? ผิดประหลาดเกินไปแล้ว!
เนื้อตัวสั่นสะท้านวูบวาบเกินต้านทาน เซียถงลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออันเหือดแห้ง
“แล้วตอนนี้เจ้าเห็นอะไร?”
เย่หลีเทียนจ้องนางตาเขม็ง ปริปากเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ภายในหัวของชายคนนี้กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่กลับสุดจะหยั่งถึง
ผิดมนุษย์สิ้นดี!
เซียถงยืนแน่นิ่งสบสายตาประสานงากับอีกฝ่ายไม่คลายอ่อน สำหรับพฤติกรรมพิสดารเกินมนุษย์ของเย่หลีเทียน นางได้แต่ส่งยิ้มบางตอบกลับไปอย่างเฉยเมยว่า
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย”
เผชิญเข้ากับรอยยิ้มอันโอนอ่อนประดุจสายลมยามฤดูใบไม้ผลิของเซียถง แสงสว่างสดใสนับพันหมื่นเบ่งบานขึ้นภายในใจ แสงจันทราสีเงินสาดส่องลงมาจากช่องผนังถ้ำรูโหว่ ตกกระทบลงบนโฉมสะคราญร่างงดงามของหญิงสาว เทพธิดานางสวรรค์ยังละอายหากต้องเทียบเคียงกับนาง คำว่า สวย กลับไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพรรณถึงความงามที่มีครอบครอง
ดวงตาหม่นประกายมืดหม่นของเย่หลีเทียนหรี่ลงเล็กน้อย หากผู้ใดสังเกตให้จงดี จะค้นพบว่าเบื้องลึกสุดของแววหม่นทมิฬกลับเร่นแฝงประกายหลงใหลอยู่ภายในนั้นหนึ่งส่วน รอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์กับความสุขุมเย็นชาเฉกเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่เผลอไผลเข้าหลงใหล?
หุหุ จังหวะนี้แหละ!
ครั้งนี้เซียถงส่งยิ้มหวานละมุนมอบให้แก่เย่หลีเทียน เอนกายเรียงล้มโน้มตกสู่อ้อมแขนของอีกฝ่ายโดยตรง ใช้เรียวนิ้วยาวสีขาวผ่องผลักไสคมกระบี่ยาวที่พาดวางบนคอดีดออกไปเบาๆ ใช้มืออีกข้างโอบช่วงคอ เคลื่อนใบหน้างามประดุจบุปผาเข้ากระซิบข้างหูของเย่หลีเทียน เปล่งเสียงกระเส่าอย่างแผ่วอ่อนว่า
“สตรีงามเปรียบดั่งบุปผาสวย นำของมีคมมาวางไว้เคียงข้างเช่นนี้ เกรงว่าทัศนียภาพกลับเสียหมด?”
ชั่วขณะฉับพลัน สาวงามผู้แสนสุขุมเย็นชาทอดกายลงสู่อ้อมแขนของบุรุษเปลี่ยวใจ ทั้งรอยยิ้มหวานละมุมก็ดี กลิ่นกายอันหอมรัญจวนก็ดี ร่างอรชรเพรียวบางที่แสนนุ่มนิ่มก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลได้ทำให้เย่หลีเทียนตกสู่ภวังค์ความมึนเมาไปชั่วขณะ เขาปล่อยกระบี่ยาวในมือทิ้งลงกับพื้นโดยตรง และใช้มือข้างนั้นเข้าโอบเอวน้อยๆ ของหญิงสาวตรงหน้า
หากสาวงามนางนี้มิได้บังเอิญพบเห็น ภาพฉากที่เขากำลังดูดเดือดของหญิงสาวอีกคนอยู่ล่ะก็ เกรงว่าต่อให้เป็นเขาเองก็ไม่สามารถตัดใจฆ่าบุปผางามเช่นนี้ทิ้งได้แน่นอน
เซียถงเอื้อมเรียวมือขาวระหงจับแขนข้างนั้นของเย่หลีเทียนที่กำลังโอบเอว ให้ขึ้นสัมผัสใบหน้าสวยของนางแทน แววตาที่ต้องพบสบกันระหว่างทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างเปล่งประกายแวววับราวกับสื่อถึงกันและกันได้ แต่ชั่วพริบตานั้นเอง เซียถงรีบยกเข่าขวาหวดสวนขึ้นใส่สุดแรง กระทุ้งอัดใส่กล่องดวงใจหว่างขาอีกฝ่ายโดยตรงไม่มีปรานีออมแรงใดๆ ทำเอาสีหน้าของเย่หลีเทียนบิดเบี้ยวน่าเกลียดด้วยความเจ็บปวดสุดพรรณนา นำมาด้วยเสียงกรีดร้องลั่นดังสนั่น มาคู่กับมือทั้งสองที่ชักเก็บกลับมาจากร่างเซียถงโดยไว ยกเข้าปิดป้องบริเวณช่วงล่างเอาไว้หนาแน่น ก่อนจะขดตัวหดเล็กเป็นลูกหนัง นอนหมอบลงกับไปพื้นทั้งแบบนั้น
อาศัยระเบิดลูกยักษ์ที่เซียถงทิ้งทวนเอาไว้ให้ มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้เย่หลีเทียนยิงกระต่ายไม่ได้ไปสักครึ่งวัน
หลังจากแผนการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เซียถงเร่งความเร็วถึงขีดสุดประดุจควบม้าศึกวิ่งตรงออกไปอีกครั้งดั่งอสนีบาตลั่น ได้แต่วิ่งและวิ่งต่อไปอย่างสิ้นหวัง เพราะถึงครานี้เย่หลีเทียนจะทำพลาดปล่อยให้นางหลุดมือไป แต่มันก็มิได้หมายความว่า ในครั้งต่อไปนางจะรอดตายออกมาได้
สายลมหลากระลอกดังปะทะรูหู เซียถงรีบวิ่งผ่านทางเข้าถ้ำ วิ่งลาจากออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมองอีกเลยตลอดทั้งเส้นทาง
ระหว่างนั้นเอง เสี่ยวฮั่วยังคงเอ่ยขึ้นในห้วงความคิดของนางว่า
“นายท่าน เร็วเข้า! อย่าปล่อยให้มันจับได้อีกรอบ มิฉะนั้นคราวนี้ท่านไม่เหลือแผนหลบหนีแล้ว!”
ได้ยินดังนั้น เซียถงลอบสายตาแลเหลียวกลับมองน้อย ก็พบร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าดุร้ายปนสยดสยอง มันก็คือเย่หลีเทียนที่ยืนอยู่หน้าปากถ้ำ กำลังมองนางตาเขม็งราวกับต้องการจะกินเลือดกินเนื้อ
สายลมยามราตรีพัดโชยแสนโอนอ่อน ต้นไม้ใบหญ้ากวัดแกว่งโอนเอน มีกิ่งไม้แห้งกระจัดกระจายมากมายทั่วพื้นผืนป่าแห่งนี้ รอบสารทิศโดยมีเซียถงเป็นจุดศูนย์กลาง ปรากฏเสียงเคลื่อนไหวดังกรอบแกรบไปทั่ว ชั่วขณะอึดใจ เซียถงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิโดยรอบบริเวณที่ลดฮวบกลายเป็นเย็นจัด เย่หลีเทียน เจ้าหมอนี่มันไวเกินไปจริงๆ ส่วนที่ว่ามันจะโผล่มาจากทางไหน กระทั่งตัวนางเองก็มิอาจล่วงรู้ได้!
กึก!
เย่หลีเทียนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งขวางทางเซียถงเอาไว้เบื้องหน้า คู่คิ้วขมวดเป็นปมแน่น สีหน้ายังคงร่องรอยซีดเซียวอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดแจ้งว่า ยังไม่หายจากอาการจุกเสียดที่โดยเซียถงประเคนเข่าหนักเข้าใส่ สายตาคู่คมประดุจปีศาจสาดใส่เซียถง ก่นเสียงเย็นชาขึ้นคำหนึ่งว่า
“ข้าควรคิดบัญชีกับเจ้าอย่างไรดี?”
“ก็คิดเอาเองสิว่า ควรคิดบัญชีอย่างไรกับข้า?”
เซียถงขานวาจาโต้ตอบกลับไปน้ำเสียงเย็นชาไม่ต่าง เลื่อนคมมีดสั้นออกมาจากใต้แขนเสื้อ กระชับจับแน่นบนฝ่ามือ ทันทีทันใด นัยน์ตาคู่สวยเปลี่ยนเป็นเฉียบคม ทอแสงส่องประกายความกระหายเลือดระยับสาดออกมา
หากวันนี้ข้าต้องลงนรก มันเองก็ต้องลงไปพร้อมกัน!
สิ้นเสียงกล่าวจบ คู่เท้าดีดตัวออกจากพื้นกลายเป็นเงาไสววูบปราดพุ่งเข้าใส่เย่หลีเทียนในทันใด ความคล่องแคล่วว่องไวระดับนี้ของนางเปรียบได้กับเสือดาวกระหายเหยื่อ ทว่าเย่หลีเทียนยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน สีหน้าอันเย็นชาของหญิงสาวยังคงสะท้อนแผ่นนัยน์ตาคู่ลึกลับของเขาไม่จางหาย ชั่วขณะที่เซียถงลุมาได้ครึ่งทาง ยามนั้นเขาค่อนหรี่สายตาหดแคบลง
เมื่อตรงเข้ามาใกล้แล้ว เย่หลีเทียนเพียงยกแขนเสื้อขึ้นมาโบกสะบัดปัดออกไป ก่อกำเนิดคลื่นพลังลมปราณสีม่วงประกายแพรวพราวพุ่งออกมาจากแขนเสื้อยาว เข้าโจมตีใส่เซียถงโดยตรง ชักนำเกลียวคลื่นวายุตีปะทะใบหน้าขอนางโดยตรง เสมือนหน้ามืดแทบเป็นลมไปชั่วขณะ เซียถงกัดฟันกรอดยั่งสติมิให้หลุดลอย ระเบิดพลังลมปราณสีครามเข้มบริสุทธิ์เดือดปะทุคลุ้งคลั่ง สีสันตัดเข้ากับรัตติกาลราตรีได้อย่างงดงาม
ร่ายกระบวนเลี่ยงหลบออกมาได้อย่างฉิวเฉียด รอดตายคลื่นพลังสีม่วงประกายแพรวพราวอย่างหวุดหวิด ทว่าเพียงแค่ เย่หลีเทียนยกแขนเสื้อสะบัดออกไปอย่างลวกๆ อีกครา กลับหลอมสร้างคลื่นลมปราณสีม่วงสุดน่าสะพรึงขุมใหม่ออกมาทำร้ายนางได้อย่างง่ายดาย ร่างเซียถงลอยละล่องกลางอากาศประดุจว่าวสายขาดไร้ควบคุม ก่อนจะตกกระแทกพื้นอย่างแรง
นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างผู้แข็งแกร่งและอ่อนแอ
เซียถงนอนแน่นิ่งหมอบอยู่กับพื้นดินแบบนั้น ทอดสายตากระหายเลือดดั่งสัตว์เดรัจฉานจับจ้อง แต่จู่ๆ รูม่านตาดำตีบแคบหดเล็กในทันใด เย่หลีเทียนฉายแววประหลาดใจออกมา เพราะร่างอรชรเพรียวบางพลันโดดเด้งขึ้นจากพื้นอีกครั้ง ทั่วร่างกายาปกคลุมไปด้วยรัศมีแสงสีครามเข้มข้น ระเบิดพลังพุ่งเข้าใส่เย่หลีเทียนเป็นครั้งที่สอง
หญิงสาวนางนี้จะดื้อรั้นมากเกินไปแล้ว เย่หลีเทียนพ่นลมหายใจเย็นออกมาคำหนึ่ง โบกสะบัดแขนเสื้อยาวบิดพลิ้วสาดออกไปอีกครา ทันทีที่คลื่นลมปราณสีม่วงประกายเข้ากระแทก รัศมีลมปราณสีครามเข้มพลันแตกสลายออกไปในพริบตา ร่างของเซียถงถูกซัดปลิวกระเด็นออกไป ภาพฉากซ้ำเดิมจากเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน เย่หลีเทียนกระตุกยิ้มบนมุมปากเชิดขึ้นเล็กน้อย สีหน้าอันหมองหม่นของเขาแสดงให้เห็นถึงความตายที่ใกล้เข้ามา
รัศมีแสงสีครามเข้มเหล่านั้นอันตรธานหายหมดสิ้น เหลือเพียงร่างอรชรนอนหมดสภาพอยู่กับพื้น ปราศจากการเคลื่อนไหวหรือขยับเขยื้อนใดๆ อีกต่อไป เย่หลีเทียนย่างเท้าก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าของเซียถง ย่อเข่านั่งมองใบหน้าอันงดงามของนาง ถึงแม้ยามนี้ใบหน้าของสาวน้อยจะเปรอะเปื้อนเลือดอยู่เต็มไปหมด หรือดวงตาคู่งามจะปิดลง แต่นางก็ยังคงดูงดงามอย่างยิ่ง
เสียดายนัก หญิงงามเฉกเช่นนี้…
ลึกลงไปในแววตาอันพร่ามัวของเย่หลีเทียน กลับเผยปรากฏร่องรอยความเศร้าหมองส่องสะท้อนออกมาหนึ่งส่วน คล้อยหลังนั่งจับจ้องใบหน้าเซียถงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและหันหลังเดินลาจากออกไปอย่างแช่มช้า
แต่ทันทีที่เย่หลีเทียนหันหลังออกไป เซียถงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นพลันลืมตาตื่นขึ้นในทันใด กระชับจับมีดสั้นในมือไว้แน่นหนา ดีดตัวกระโจนขึ้นจากพื้นอย่างเงียบงัน รัศมีแสงสีครามเข้มที่ห้อมล้อมทั่วกายาเปล่งแสงสว่างเฉิดฉายสุดขั้ว! ภายในรัศมีแสงสีครามเผยปรากฏคลื่นพลังสีเหลืองอำพันคลุมเคลือบใบมีด ปราดพุ่งเข้าใส่กลางแผ่นหลังของเย่หลีเทียนด้วยความเร็วประดุจอสนีฟันฟาด!