ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 115 วรยุทธ์เก้าราตรี
ตอนที่115 วรยุทธ์เก้าราตรี
เผชิญหน้าสายตาหวานเยิ้มของเซียถง มุมปากของชายคนนั้นก็ค่อยๆ คลี่ขยายระบายกว้าง คู่คั้วที่ขมวดแน่นเป็นปมคล้ายอ่อนแยกออกห่างเช่นกัน ประกายตาสดใสเปล่งปลั่ง รูปโฉมอิสตรีนางนี้ช่างงดงามดั่งยอดพธูหิมะเบ่งบาน สวยงามตระการตา
ความงดงามสลักฝังลึกอยู่ภายในดวงใจของเขาอย่างจัง หลงลืมทุกสิ่งอย่างไปชั่วขณะหนึ่ง เพียงต้องการเชยมองอิสตรีคนงามตรงหน้าเท่านั้น
ได้เห็นร่องรอยความลุ่มหลงที่เผยแสดงออกมาจากชายผู้นั้นอย่างเมามาย เซียถงลอบเร้นส่งสายตาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาในทันใด เขย่ามือไม้อรชรโอนอ่อน เอ่ยเสียงกระเส่าปนน้อยใจ
“คุณชายท่านนี้ ปล่อยมือหน่อยมิได้รึ? ข้า…ข้าเจ็บ…”
สุ้มเสียงของนางในเวลานี้ราวกับเป็นพลังวิเศษอย่างหนึ่ง มือข้างขวาของชายผู้นั้นที่คว้าจับข้อมือสีขาวผ่อง คล้อยๆ คลายอ่อนผ่อนปรนลงมา เซียถงเอนกายอันอ้อนแอ้นซบเข้าไปในอ้อมแขนอบอุ่นเพื่อเสาะหาโอกาสตอบโต้เต็มสูบ แต่ทันทีทันใด ตัวนางกลับถูกแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มโอบกอดเอาไว้แน่น เข้าสัมผัสถึงร่างอันนุ่มนวลเจือผสมกลิ่นกายอันหอมหวน ชั่วขณะอึดใจ ชายผู้นั้นก็โน้มศีรษะรุกหอมแก้มของเซียถงฟอดหนึ่งอย่างรวดเร็ว เล่นเอาตัวนางเบิกตาโตตะลึงงันไปโดยทันที
บัดซบ! เซียถงใจสั่นกระหน่ำเต้นตูมตาม สีหน้าหมองทมิฬมืดลงหลายส่วน ดูเหมือนว่าแผนการใช้เสน่ห์มารยา นางจะติดเล่นมากเกินไปแล้ว! แต่ชั่วจังหวะนี้เองมันก็ทำให้อีกฝ่ายผ่อนปรนคลายความระมัดระวังตัวลงถึงขีดสุด นางยกเข่าขวาขึ้นชูชันเล็งเป้าหมายกะระยะทั้งละติจูดองศาอย่างแม่นยำ งัดเอาพละกำลังทั้งหมดประเคนเข่ากระแทกกล่องดวงใจช่วงหว่างขาของชายคนนั้นสุดแรงเกิด ทำเอาใบหน้าใต้หน้ากากบิดเบี้ยวน่าเกลียด ชะงักหยุดทุกการกระทำไปโดยปริยาย ถลึงตาใส่เซียถงด้วยความเจ็บปวดสุดพรรณนานับ แต่ก็ทำอะไรมิได้ สองมือยกขึ้นกุมเป้ากางเกง สองขาสั่นพลับแทบทรุดร่วงลงกับพื้น
เซียถงเร่งผละกายออกห่างจากตัวอีกฝ่าย ตีระยะออกไปหลายสิบก้าว พอเห็นแววตาที่สั่นไสวผ่านช่องหน้ากากเผยแววความเจ็บปวดแสนสาหัส นางก็แอบยิ้มเยาะกับตัวเองอยู่ภายในใจ ปรมาจารย์ขอบเขตราชันย์ม่วงแล้วอย่างไร? โดนลูกเตะผ่าหมาก สุดท้ายล้วนหมดสภาพกันทุกคน!
“ไฉนเจ้าถึงชอบใช้กระบวนท่าลามกอนาจารเช่นนี้ไม่เว้นวาย?”
แทบอยากจะนอนขดตัวนอนกลิ้งไปมาอยู่กับพื้นดิน แต่เพื่อรักษาภาพพจน์ที่มีของตน ชายหนึ่มคนนั้นได้แต่กัดฟันฝืนยืนตัวตรง อดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่โฉบแล่นมาจากช่วงล่าง เหงื่อเย็นหลั่งไหลไปทั่วแผ่นหลังจนเปียกชุ่ม
“เพราะบุรุษเพศมักจะเกิดอารมณ์ตัณหาจากจุดนั้น ดังนั้นแล้วส่วนที่อ่อนไหวและไวต่อความรู้สึกที่สุดของบุรุษเพศก็คือจุดนั้นเช่นกัน”
เซียถงกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มปริ่มใจ สีหน้าการแสดงออกไม่มีเห่อร้อนเก้อเขินหรือประหม่าใดๆ สิ่งเดียวที่มีบนนั้นคือความเรียบเฉยตามปกติของนาง ในทางตรงข้าม กลับเป็นชายคนนั้นที่ต้องหน้าแดงก่ำในทันทีที่ได้ยินเซียถงอธิบายเรื่องของลับของผู้ชายแทน
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อดั่งสาวน้อยขี้อาย เซียถงก็กลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ระเบิดเสียงหัวเราะสนั่นลั่นป่า ทุกครั้งที่นางสามารถเอาชนะเขาได้ มักจะทำให้ภายในใจดวงนี้รู้สึกสุขอกสุขใจยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสองปรมาจารย์แห่งขอบเขตราชันย์ม่วง ที่พลาดท่าถูกเซียถงเตะผ่าหมากแทบสูญพันธุ์!
บาดแผลที่ฝากฝังทั่วร่างกายของนางนับว่าคุ้มค่าแล้ว หากเปรียบเทียบกับการที่ได้สลักบาดแผลระทึกฝากฝังไว้ในจิตใจของชายสองคนนี้ สีหน้าของเซียถงในเวลานี้ยิ้มแย้มมีความสุขเหลือเกิน
ชายคนนั้นเหม่อมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดวงตาเหม่อลอยเสมือนไร้วิญญาณหมดอาลัยตายอยาก เนื่องด้วยความเจ็บปวดที่นางได้ฝากให้หายคิดถึงยังคงเจ็บแปลบระบมไม่หาย ยิ่งเห็นท่าทางการแสดงออกที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของอีกฝ่าย รอยยิ้มบนริมฝีปากของเซียถงยิ่งคลี่ขยายระบายกว้างขึ้น
แต่ใครจะไปรู้ว่า ลึกๆ ภายในใจของชายผู้นั้น พอเห็นเซียถงยิ้มได้มีความสุขดี มันก็เผลอทำให้เขารู้สึกมีความสุขตามไปด้วยอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
ลูกเตะคราวนี้ แลกกับรอยยิ้มกวนประสาทของนาง นับวันคุ้มค่า!
“คราวหน้าคราวหลัง อย่าได้สั่งข้าเป็นหมูเป็นหมาอีก มิฉะนั้นจะโดนดีเช่นนี้ทุกครั้งไป!”
เสาะพบเงาสะท้อนจากสายตาของชายคนนั้นที่ดูยิ้มแย้ม เซียถงเลิกคิ้วมองเล็กน้อย ก่อนจะลั่นวาจาข่มขู่เข้าใส่
แลเห็นเซียถงสงสัยในแววความสุขที่เปล่งประกายผ่านดวงตาคู่คมของตน ชายคนนั้นรีบระงับสีหน้าอารมณ์ เก็บทุกอย่างลงไว้ภายในใจ แทนที่ด้วยร่องรอยความหยิ่งผยององอาจดังเดิม
เซียถงคลายคู่คิ้วผ่อนปรนออกอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
“เดี๋ยวก่อน! แล้วเจ้าจะตอบแทนบุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตวันนี้อย่างไร?”
ชายคนนั้นทอดสายตามองแผ่นหลังของเซียถงที่กำลังเดินจากไป ก่อนจะยิงคำถามประโยคหนึ่งไล่หลังออกไป
ฝึเท้าชะงักหยุดโดยพลัน เซียถงเหลียวสายตาหันกลับมาเสี้ยวหนึ่งตรงไปทางอีกฝ่าย
“แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด?”
“หนึ่งเดือนจากนี้ เจ้าต้องมาที่นี่ นี่ถือเป็นการทดแทนบุญคุณกันแล้ว”
ชายผู้นั้นกล่าว
“ตกลง!”
เซียถงไม่มีเวลาพูดพร่ำไร้สาระ นางพยักหน้าตอบเห็นด้วยและเดินจากไป
เหม่อมองเงาร่างของเซียถงเดินอันตรธานหายไปในแสงจันทร์ สายตาคู่คมของชายคนนั้นจู่ๆ แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทันควัน ฉายแววไม่สบายใจส่องสะท้อนออกมา หลังจากยืนรออยู่ในป่าสนเป็นเวลานาน ก็มีผู้ใต้บัญชาหลายคนพกพาอาวุธกระโจนออกจากป่าด้านใน ประสานมือคุกเข่าต่อหน้าชายผู้นั้น กล่าวรายงานอย่างสุภาพขึ้นว่า
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยไร้ซึ่งความสามารถยิ่งนัก ในค่ำคืนนี้ไม่สามารถเสาะพบใบหญ้าเงินเจอ”
“หากไม่มีคุณสมบัติจำเพาะในการตรวจจับสมุนไพรของธาตุไม้ในกาย เกรงว่าเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญอย่างแท้จริง ในการเสาะหาใบหญ้าเงิน คราวหน้า ข้าจะวานให้ใครสักคนมาช่วยตามหาในช่วงจันทร์เต็มดวงรอบถัดไป สำหรับคืนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว”
ชายผู้นั้นโบกมือไล่คนอื่นๆ ให้แยกย้ายจากออกไป พลางขมวดคิ้วครุ่นกังวลไม่มีทีท่าจางอ่อนลงเลย
หลังหนีออกมาจากชายผู้นั้นมาได้ เซียถงก็แหงนศีรษะเงยหน้าขึ้นมองฟากฟ้า พอเห็นว่าพระจันทร์ในขณะนี้เหลือเพียงครึ่งซีกไม่เต็มดวง แทบกำลังจะลาลับตกดินไปแล้ว ก็พึงตระหนักทราบโดยไว ภารกิจค้นหาใบหญ้าเงินในวันนี้ นางพลาดไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ใช่ว่าเดินทางขึ้นขึ้นภูเขาเข้าป่าในครั้งนี้จะมีแต่ขาดทุนซะทีเดียว เพราะนางยังพอเก็บเกี่ยวสมุนไพรบางชนิดกลับมาได้ ก่อนเดินออกจากป่าสน นางหยิบตลับสมุนไพรสีดำแต่งแต้มทั่วใบหน้าทำเป็นร่องรอยจุดด่างดำจอมปลอมทั่วใบหน้า จากความงดงามถล่มเมือง ยามนี้ได้เปลี่ยนกลายมาเป็น นังอัปลักษณ์อีกครั้งหนึ่ง ปกปิดรูปโฉมที่แท้จริงเสร็จสรรพ เซียถงก็เดินลงภูเขาทันที
กลับเข้ามาในหอพักของสถานศึกษาเซิงหลิง อิ๋งเอ๋อร์ที่รอต้อนรับอยู่ก็ถึงกับถลึงตาโตแทบหลุดจากเบ้า ตื่นตกใจอย่างยิ่งกับทั่วทั้งตัวของเซียถงเปรอะเปื้อนไปด้วยคลาบเลือดสีสด ซึ่งมีบางส่วนคล้ายว่าเริ่มจะแห้ง อิ๋งเอ๋อร์รีบไปเตรียมน้ำร้อนลงในอ่างไม้เพื่อให้คุณหนูของนางลงไปแช่โดยไว จากนั้นค่อยทยอยใส่สมุนไพรนานาชนิดลงไปตามภายใต้คำแนะนำของเซียถง หลังจากน้ำร้อนในอ่างไม้ได้ที่แล้ว เซียถงก็ปิดประตูลงกลอน ถอดชุดเสื้อผ้าทั้งหมด เปลือยกายลงอาบแช่ในอ่างสมุนไพรนานาพันธุ์
บาดแผลยาวประมาณครึ่งนิ้วที่ถูกคลื่นลมปราณสีม่วงประกายของเย่หลีเทียนฟันฟาด เผยปรากฏบนเนินอกสีขาวผ่องประดุจหิมะ ทั้งยังมีเลือดไหลซิบไม่หยุดจากไหลทั้งสองข้าง คาดว่าเป็นแผลบาดลึกแต่มีขนาดไม่กว้างเท่าไหร่นัก ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดขึ้นในระหว่างการสัประยุทธ์กับเย่หลีเทียนโดยทั้งสิ้น โชคยังดีที่ชั่วจังหวะนั้น นางกลืนโอสถปราณเกราะทองคำลงคอได้ทัน ซึ่งโอสถชนิดนี้ มีผลทำให้ความเสียหายทั้งหมดที่ได้รับต่อร่างกายลดทอนลงไปหลายส่วน มิฉะนั้นแล้ว นางคงต้องสิ้นใจตายคาเงื้อมมือของเย่หลีเทียนแน่นอน
ยกเว้นบาดแผลบนเนินอก บาสดแผลส่วนที่เหลือทั่วร่างกายล้วนเป็นอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากคลื่นลมอัดอาการเจือผสมกับพลังลมปราณสีม่วงทั้งสิ้น
เซียถงถอดถอนหายใจเฮือกยาว พลางนึกจินตนาการไปถึงภาพฉากที่เย่หลีเทียนปรากฏตัวขึ้นในบ่อน้ำตกพิสุทธิ์พร้อมกับศพของหญิงสาวอันน่าสยดสยองในมือ ทุกอณูผิวขนลุกซู่วลามไปถึงหนังศีรษะเสียวซ่าน รู้สึกถึงเย็นยะเยือกขุมหนึ่งบังเกิดขึ้นภายในใจของนาง อีกฝ่ายมันฝึกปรือวรยุทธ์มารนอกรีตแขนงใดกัน? ถึงต้องกินเลือดกินเนื้อสดๆ จากร่างศพของหญิงสาวนางนั้น? แล้วที่ผ่านมา มีหญิงสาวจำนวนเท่าใดแล้วที่ต้องตายภายใต้เงื้อมมือของมัน?
“นายท่าน ในภายภาคหน้า อย่าได้ยั่วยุหรือล้ำเส้นเย่หลีเทียนโดยเด็ดขาด เพราะมันฝึกปรือวรยุทธ์สายมารนอกรีตที่หายสาบสูญไปตั้งแต่สมัยบรรพกาล วรยุทธเก้าราตรี! ฟังว่ายิ่งดูดกลืนเลือดสดของสาวพรหมจารีมากเท่าใด ตัวมันก็จะยิ่งทวีความแกร่งกล้ามากขึ้นเท่านั้น!”
เสี่ยวฮั่วเปล่งเสียงดังกล่าวขึ้นภายในห้วงความคิดของเซียถง
“วรยุทธเก้าราตรี? ทรงพลังมากกระมัง?”
เซียถงเอ่ยถาม สีหน้าส่อแววประหลาดใจ
“หากมันบรรลุถึงชั้นสูงสุดเมื่อใด ขุมพลังความแกร่งกล้าที่มันครอบครองแทบกล่าวได้ว่าไร้ที่ติ! อย่างไรเสีย พินิจจากรูปการณ์เมื่อสักครู่ ตัวมันน่าจะบรรลถุแค่ชั้นกลางเท่านั้น”
เสี่ยวฮั่วเอ่ยตอบ
พอได้ฟังคำอธิบายของเสี่ยวฮั่ว เซียถงพลันสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายในภายภาคหน้า ในปัจจุบัน เย่หลีเทียนเพิ่งจะบรรลุเคล็ดวรยุทธ์เก้าราตรีชั้นกลาง ก็สามารถสังหารฆ่านางทิ้งได้อย่างง่ายดายแล้ว หากปล่อยให้มันบรรลุถึงชั้นสูงสุดเมื่อใด เกรงว่าชีวิตของนางคงกลายเป็นของเล่นที่วิ่งเต้นบนฝ่ามืออีกฝ่ายเป็นแน่
“นายท่าน หากยามนี้ท่านรู้สึกกลัว กล่าวได้ว่า มันเป็นความคิดที่ถูกที่ควรแล้ว ท่านจะได้ไม่หาญกล้าเข้าปะทะชนกับมันสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ส่วนบุรุษชายที่ช่วยชีวิตท่านในคราวนี้ เป็นไปได้ควรญาติดีเป็นพันธมิตรกับอีกฝ่ายไว้เถิด”
เสี่ยวฮั่วเอ่ยข้อเสนอแนะให้แก่เซียถงได้รับฟัง ซึ่งมันเองก็รู้สึกดีใจเช่นกัน ที่ในเวลานี้เจ้านายของมันก็รู้สึกกลัวเป็นกับเขาบ้างแล้ว มิใช่เอาแต่เข้าสัประยุทธ์ให้ตายกันไปข้างแทบไม่เว้นวัน เกรงว่า หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป มีหวังเจ้านายของมันอาจต้องถึงฆาตในสักวัน
“ก็อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายต้องการข้าเป็นพันธมิตรหรือไม่”
เซียถงขานตอบน้ำเสียงเรียบเฉย