ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 117 กับดัก
ตอนที่117 กับดัก
ใครจะไปคาดคิด หยุนซีผู้ไม่กลัวฟ้ากลัวดินผู้นี้ กลับครั่นคร้ามในตัวเย่หลีเทียนซะได้ ซึ่งนี่เป็นเรื่องไม่คาดฝันมาก่อนเลยสำหรับเซียถง หลังจากความแปลกใจเล็กน้อย นางก็คว้าเศษชุดเสื้อผ้าที่ขาดลุ่ยขึ้นมาต่อหน้าหยุนซี กล่าวน้ำเสียงทีท่าโศกเศร้าว่า
“ท่านอาจารย์หยุนซี ดูนี่สิ เศษเสื้อผ้าของข้ายังติดอยู่ในมือเขาอยู่เลย!”
หยุนซีเหลือสายตามองไปที่มือของเย่หลีเทียนตัดสลับกับชุดที่เซียถงสวมใส่ ปรากฏว่าลวดลายมันเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ตรวจพบความผิดปกติขนาดนี้ สีหน้าการแสดงออกของนางมืดทมิฬลงในทันใด กระแอมไออีกครา เอ่ยถามเย่หลีเทียนว่า
“ไฉนในมือของอัครมหาเสนาบดีเย่ถึงมีชุดของลูกศิษย์ข้า?”
“อาจารย์หยุนซี หรือท่านจะคิดจริงๆ ว่า ข้าคนนี้คิดจะทำมิดีมิร้ายกับลูกศิษย์ของท่านต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้?”
เย่หลีเทียนก้าวแช่มเดินตรงเข้ามาหาหยุนซีทันที ฝูงชนที่รุมล้อมอยู่โดยรอบต่างรีบเร้งหลักทางให้อีกฝ่ายเดินสะดวกโดยไว และทุกย่าวเท้าที่ชายคนนี้เข้ามาใกล้ รัศมีแรงกดดันของเขาก็จะเข้ากดขี่หยุนซีมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่อีกฝ่ายลุมาถึงตรงหน้า หยุนซีก็คว้าเอวของเซียถงกอดกระชับเอาไว้แน่น เหงื่อแตกผลักด้วยความกลัว
“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น แต่…แต่ไฉนถึงมีเศษเสื้อผ้าของเซียถงอยู่ในมือของท่านได้?”
หยุนซีกัดฟันแน่น ทำใจสู้เสือต่อไป แต่จะสังเกตได้ทันทีเช่นกันว่า สีหน้าการแสดงออกของนางในขณะนี้ดูก้าวร้าวน้อยกว่าเมื่อครู่มากหลายขุม นางกำลังถูกรัศมีแรงกดดันปริมาณเข้มข้นของเย่หลีเทียนกดขี่เอาไว้แน่นหนา
“เซียถง เจ้ากำลังต้องการทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่า ข้าต้องการทำทิดีทิร้ายเจ้า ทั้งหมดก็เพราะความงามของตัวเจ้า?”
เย่หลีเทียนเบี่ยงสายตาจับจ้องไปที่เซียถงโดยไม่ไม่สนใจคำถามของหยุนซีเลยสักนิด หรี่ตาคับแคบบีบแสงเร้นประกายสีดำทมิฬเปล่งสะท้อนออกมา
“เซียถงคนนี้ทราบดี ข้ามีใบหน้ารูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์เพียงใด แต่ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่เองก็มิได้ชอบพอ แต่เหตุผลที่ท่านฉีกเสื้อผ้าของข้ากลางแจ้งเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงเพื่อขโมยของบางอย่างจากร่างกายของข้าเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง”
เซียถงตระหนักทราบดี หากใช้เรื่องความสวยความงามมาเป็นข้ออ้าง นางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประตูแน่นอน ดังนั้นจำต้องเบี่ยงประเด็นโต้แย้งไปยังเรื่องอื่นทันที อย่างน้อยก็น่าจะมีน้ำหนักกว่าเรื่องขืนใจทำมิดีมิร้ายเพราะความสวยแน่นอน
“ช่างไร้สาระสิ้นดี เซียถง คำโกหกของเจ้ากลับน่าขำขันเกินไปแล้ว ตัวเจ้ามีสิ่งใดบ้างที่ข้าอัครมหาเสนาบดีแห่งวังหลวงผู้นี้ไม่มี? เงินทอง? ของมีค่า? ข้าล้วนมีมากกว่าตัวเจ้าไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า”
เย่หลีเทียนก็ได้ฟังดังนั้น ก็ปั้นสีหน้าขำขันราวกับเพิ่งจะเคยได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชั่วชีวิตนี้ ทุกคนต่างทราบกันดี เซียถงยาจกไม่ต่างอะไรกับขอทาน แต่ยังมีหน้าดันมาบอกว่า เขาขโมยของบางอย่างในตัวของนางไป ได้ยินเช่นนี้แล้วใครหน้าไหนจะไปเชื่อ?
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ เซียถงคนนี้ขอชื่นชมในความหน้าด้านหน้าทนของท่าน มียศตั้งใหญ่โตในวังหลวง แต่กลับมีนิสัยสันดานต่ำสุถุนจนน่าใจหาย”
เซียถงมิได้รู้สึกระคายกับคำเยาะเย้ยถากถางของเย่หลีเทียนเลยแม้แต่น้อย นางยกแขนขึ้นเท้าสะเอว กล่าวสบประมาทตอบโต้กลับไปชนิดที่ว่าไม่มีเกรงใจ
“โอ้? แต่นี่ยังไม่รู้ว่าเลยว่า ข้าไปขโมยสิ่งใดจากตัวเจ้ามา?”
ไม่เพียงเย่หลีเทียนจะไม่รู้สึกโกรธกับคำพูดประโยคนี้ของเซียถงเท่านั้น แต่สายตาของเขายังฉายแววสนใจมิใช่น้อย เพราะอยากจะรู้เสียเหลือเกินว่า นางจะให้คำตอบอย่างไรกลับมา? ตัวเขาที่เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี แล้วสิ่งของมีค่าแบบใดกันล่ะ ที่ควรค่าแก่การให้เขาลงมือขโมยกลางวันแสกๆ?
“ข้าพูดไปก็คงเปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะให้คำตอบสมเหตุสมผลสักแค่ไหน ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่คงปฏิเสธอยู่ดี และมิใช่เพียงเท่านั้น ตัวข้าสงสัยเหลือเกินว่า มีใครบ้างในที่แห่งนี้ที่กล้าตรวจค้นร่างกายของท่านจริงไหม? ในท้ายที่สุด คนฐานะต่ำต้อยกว่าอย่างข้า ก็เป็นฝ่ายผิดอยู่วันยังค่ำ”
สีหน้าการแสดงออกของเซียถงเผยร่องรอยเศร้าโศกออกมาอย่างเกินจะควบคุม จับจ้องไปที่เย่หลีเทียนอยู่สักครู่พลางส่ายหัวอาน
เมื่อเห็นท่าทางของเซียถงเป็นเช่นนั้น ทั้งหยุนซีและคนรอบข้างต่างเหลือบแลสายตา ลอบมองไปทางเย่หลีเทียนอยู่เป็นระยะ จะเห็นได้ว่า พวกเขาเริ่มเชื่อถือในคำกล่าวของเซียถงมากขึ้นหลายส่วน กลางสถานศึกษาเช่นนี้ อัครมหาเสนาบดีเย่ผู้ยิ่งใหญ่กลับชวงชิงขโมยข้าวของสาวน้อยตัวเล็กๆ นางหนึ่ง ทั้งยังออกแรงฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางจนขาดลุ่ย…
ทุกสายตาโดยรอบที่จับจ้องเริ่มมองเย่หลีเทียนแปลกๆ บางคนถึงกับส่ายหัวเลยก็มี
“เซียถง บอกมาสิว่า ตัวข้าผู้นี้ขโมยสิ่งใดไปจากเจ้า!”
เย่หลีเทียนเอ่ยถามพร้อมสีหน้าเย็นชา ตัวเขาเองย่อมสัมผัสได้ถึงทุกสายตาที่จับจ้องมาทางนี้ด้วยความไม่พอใจได้ชัดแจ้ง แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่เชื่อว่า นางจะสามารถปั้นน้ำเป็นตัวจนสามารถหนีรอดจากเหตุการณ์นี้ได้!
“พญากัญชาเทศ”
สิ้นเสียงเย่หลีเทียนกล่าวจบ เซียถงก็ตอบสวนกลับไปทันทีน้ำเสียงแน่วแน่เด็ดขาด เงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับสายตาม่านทมิฬหม่องของเย่หลีเทียนโดยไม่มีกลัวเกรง จากนั้นนยางก็ยื่นมือเรียวขาวผ่อง กวักเรียกต่อหน้าต่อตาอีกฝ่าย กล่วาว่า
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ ได้โปรดคืนข้ามาเถิด ข้าใช้เวลาเสาะหาพญากัญชาเทศต้นนี้มาตลอดหนึ่งเดือดที่ผ่านมา ทั้งหมดก็เพื่อนำไปรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านแม่ข้า!”
พญากัญชาเทศนับได้ว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพรทั้งมวล เว้นเสียแต่โรคพิสดารพันลึก เจ้าสิ่งนี้สามารถรักษาโรคเจ็บไข้ปกติทั่วไปได้สารพัด ทั้งยังมีผลช่วยในเรื่องขัดเกลาพลังลมปราณในกายให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เพิ่มเสริมความแข็งแกร่งให้ทรงประสิทธิ์เป็นเท่าทวี และเมื่อได้ยินที่เซียถงเอ่ยกล่าวออกมาดังนั้น ก็เหมือนกับว่าดวงตาคู่นั้นยิ่งทวีความมืดหม่นจัด เสมือนม่านหมอกลดตัวลงเข้าปกคลุม
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ หรือเป็นไปได้ไหมว่า ข้าอาจจะต้องร้องขอให้ใครสักคนตรวจค้นร่างกายของท่านจริงๆ?”
เซียถงส่งสายตาสุดแสนเวทนาน่าสงสารออกมา ทว่าภายในใจกลับกำลังแสยะยิ้มเยาะ เกรงว่าวันนี้จะมีลาภลอยมาหล่นทับแล้ว!
“ได้! เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้า เอาล่ะ! มีใครบ้างที่ต้องการจะตรวจสอบข้าราชการชั้นสูงแห่งวังหลวงผู้นี้หรือไม่!”
เย่หลีเทียนส่งยิ้มคลี่กว้าง อ้าแขนพลางหันไปกวาดสายตามองหน้าทุกคนโดยรอบ
ทว่าสายตาที่ส่งออกไปหาทุกคน มันช่างมืดมนและดูอันตรายเสียเหลือเกิน ราวกับว่าหากผู้ใดกล้าตรวจค้น ผู้นั้นเตรียมตัว รับมหันต์ภัยร้ายต่อจากนี้ได้เลย ทำเอาทุกคนหันหน้าหนีกันจ้าละหวั่นด้วยความกลัวเกรง
แม้ว่าสถานศึกษาแห่งนี้จะมีบรรดาลูกหลานของพวกขุนนางชั้นสูงและตระกูลที่ร่ำรวยมากมายสักเพียงใด แต่ทว่ากลับไม่มีใครจิตใจหาญกล้าทำเรื่องเสี่ยงอันตรายถึงฆาตเช่นนี้แน่นอน เพราะความขุ่นเคืองในครั้งนี้ครั้งเดียว อาจส่งผลทำให้ครอบครัวของพวกเขาถูกทำลายย่อยยับได้ในพริบตา และยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้พึงทราบแล้วว่า หญิงสาวที่ไปมีเรื่องด้วยกับเย่หลีเทียนก็คือ เซียถง หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิตงหลี่ ยิ่งไม่มีใครอยากยุ่งกับนางเข้าไปใหญ่
เซียถงเคลื่อนสายตาเหลือบไปมองทางหยุนซี ในหมู่ผู้คนเหล่านี้เกรงว่าจะเหลือแค่เพียงหยุนซีแล้วที่ใจถึงพึ่งพาได้!
แต่พอสบเข้ากับสายตาของเซียถง หยุนซีเองก็ก้าวถอยหลังออกไปเช่นกันและส่ายหัวให้ด้วยความละอายใจ
ไม่ว่าใครที่ไหน นางก็พร้อมเข้าชนไม่เลือกหน้า เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของลูกศิษย์คนสนิทได้ แต่สำหรับเย่หลีเทียน ตัวตนระดับนี้นางไม่สามารถยั่วยุได้จริงๆ!
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าออกหน้ามาช่วยเซียถง เย่หลีเทียนก็แสยะยิ้มเชิดมุมปากขึ้นทันควัน
“เซียถง เจ้าทราบดีใช่ไหมว่า โทษฐานที่กล้าใส่ร้ายข้าราชการชั้นสูงของวังหลวงมันหนักหนาสาหัสเพียงใด?”
เย่หลีเทียนยังคงจับจ้องเซียถงแน่นไม่มีทีท่าคลายอ่อน นัยน์ตาค่อนข้างมัวหมองขุ่นเคืองราวกับต้องการจะฆ่าทิ้งกันทั้งเป็น เซียถงที่เห็นดังนั้นถึงกับเสียววาบซาบซ่าไปทั่วแผ่นหลัง ร่องรอยความหวาดหวั่นผุดขึ้นจากก้นบึ้งดวงใจ ลอบสืบเท้าก้าวถอยหลังโดยมิตั้งใจ
ไม่มีใครกล้าตรวจค้นร่างกายของเย่หลีเทียนเลยสักคน แม้กระทั่งหยุนซี นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของนางอย่างยิ่ง
นางถอยหลังออกไปสองก้าว แต่แล้วพลันกระแทกเข้ากับร่างล่ำสันที่แสนอบอุ่นเข้าอย่างจัง ชั่วขณะเดียวกันก็ทีสุ้มเสียงไพเราะเปล่งดังออกมาจากด้านหลังของนาง
“เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอัครมหาเสนาบดีเย่ ให้ข้าผู้นี้รับอาสาตรวจค้นร่างกายให้ดีกว่า!”
กระแสความอบอุ่นจากหายไปจากด้านหลังของนาง เซียถงลอบเห็นไป๋หลี่หานสวมหน้ากากสีดำเดินผ่านนางไป ตรงไปหยุดต่อหน้าเย่หลีเทียน ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าประจันกันโดยปราศจากท่าทีกลัวเกรงใดๆ
พอเห็นว่าเป็นไป๋หลี่หานที่ปรากฏตัวมาหา เย่หลีเทียนถึงกับเบิกตากว้าง เผยแววตื่นตระหนักเล็กน้อยดั่งคลื่นซัดขึ้นชายฝั่ง ทว่าพริบตาต่อมา สายตาเหล่านั้นพลันสงบลงในที่สุด สีหน้ามืดทมิฬลงอีกหนึ่งส่วน เขาส่งยิ้มให้ไป๋หลี่หาน กล่าวว่า
“ท่านเชื่อคำพูดของสาวน้อยอัปลักษณ์นางนั้นจริงๆ?”