ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 118 กับดัก (2)
ตอนที่118 กับดัก (2)
“ผิดแล้ว เพราะข้าผู้นี้ไม่เชื่อต่างหาก จึงต้องการทวนคืนความยุติธรรมแก่อัครมหาเสนาบดีเย่ เช่นนั้นขอเสียมารยาทสักเล็กน้อย เรามาเริ่มตรวจค้นกันดีกว่า”
ไป๋หลี่หานส่งยิ้มและเดินตรงเข้าไปหาเย่หลีเทียนโดยตรง พร้อมใช้มือทั้งสองเตรียมล้วงลับจับเข้าไป
“เซียถง เจ้านี่ช่างเลือดเย็นไร้ปรานีโดยแท้!”
เย่หลีเทียนจ้องหน้าไป๋หลี่หานตาเขม็งแสนเดือดดุ หยิบสมุนไพรชนิดหนึ่งออกมาจากใต้แขนเสื้อยาวและขว้างไปให้เซียถง
เซียถงยิ้มกริ่มพอใจ ยกแขนขึ้นรับพญากัญชาเทศในทันใด ทว่าเพิ่งคว้าเข้ามาในมือได้หมาดๆ หางตาพลันเหลือบไปเห็นเย่หลีเทียนที่สะบัดแขนเสื้อซัดระลอกคลื่นลมปราณขุมหนึ่ง ลอบโจมตีไปทางเซียถงฉับพลัน นางไหวตัวเลี่ยงหลบโดยทันทีแต่กลับสายเกินไป ผ้าคลุมใบหน้าขาดกระจุยไม่เหลือชิ้นดี เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางต่อหน้าสาธารณชนในทันใด
ใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำปรากฏขึ้นติ่หน้าฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทว่าเซียถงกลับมิได้สนใจใส่ความใดๆ เลย
“นี่แหละคือใบหน้าที่แท้จริงของหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิตงหลี่ของเรา!”
เย่หลีเทียนพ่นลมหายใจเย็นชาออกมาเฮือกหนึ่ง สองมือไขว้หลังด้วยท่าทีแสนสง่าและเดินจากออกไปโดยทันที
ทุกคนต่างจจ้องมองโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียถงที่สุดแสนจะน่ารังเกียจ เจือสีหน้าประหลาดใจค้างเติ่ง และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีสุ้มเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น
“โอ้ สวรรค์ น่าดูอัปลักษณ์จริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนถึงเอาผ้าคลุมใบหน้ามาเรียนทุกวัน!”
“นางน่าเกลียดโดยแท้! เกรงว่าจำเป็นต้องใช้ผ้าคลุมปกปิดใบหน้าเอาไว้ตลอด อย่าเปิดให้เห็นตอนกลางคืนเด็ดขาด มิฉะนั้นคนอื่นจะคิดว่าผีหลอก! ตกใจถึงตายได้เลย!” ’
“นี่น่ะรึ…หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่? น่ารังเกียจมาก!”
“นี่พวกเจ้าสนุกกันพอรึยัง? หากมากเพียงพอแล้ว เช่นนั้นก็หุบปากแล้วไสหัวออกไป!”
หยุนซีเดือดดาลสุดขีดเมื่อได้ยินคนพวกนี้ซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก ยกแขนขึ้นเท้าสะเอวโดยไว ยกนิ้วชี้หน้ากราดคำรามใส่ทุกคนไว้เว้น เย่หลีเทียน ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี ขโมยของเซียถงไม่พอ พอสู้ไม่ได้ก็ใช้วิธีสกปรกแก้แค้น โดยการทำให้อีกฝ่ายต้องขายหน้าต่อทุกคน
ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้าย ดวงตาสีดอกท้อสวยงามของหยุนซีพลันเปล่งประกายขึ้นทันใด ตะโกนหยุดทุกคนเอาไว้ทันที ยื่นมือกวักเข้าหาตัวพลางยิ้มกล่าวว่า
“ข้อหารังแกจิตใจของสหายร่วมสถานศึกษาด้วยคำพูด จ่ายมาคนละสิบเหรียญทอง! มิฉะนั้นอย่าหวังได้จากไปไหน!”
สุ้มเสียงตะโกนเปล่งดัง ไม่มีศิษย์สาวกคนใดกล้าวิ่งหนีโดยมิได้รับอนุญาตเลยแม้สักคน และหลังจากที่พวกเขาทยอยจ่ายเงินคนละสิบเหรียญทองให้แก่หยุนซี ในเวลานั้นถึงจะได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ หยุนซีเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม เหยียดฝ่ามือไปทางร่างทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกล่าวอย่างไม่ทนขึ้นว่า
“รีบส่งเงินมา จำนวนสิบเหรียญทอง ข้าไม่มีเวลามาอยู่ตรงนี้กับพวกเจ้า”
“แม่นางหยุนซี ท่านบ้าไปแล้วกระมัง? นี่คิดจะเก็บเงินยันท่านราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้ด้วย? ไม่กลัวตายเลยรึ?”
โม่ซวนที่โผล่มาจากไหนมิทราบ กล่าวกับหยุนซีสีหน้าหดหู่ดูช่วยไม่ได้
ในตอนที่เย่หลีเทียนยังคงอยู่ หยุนซีมิได้สังเกตชัดเจนว่า คนที่มาช่วยเหลือเซียถงเอาไว้เป็นราชาหมาป่าสวรรค์ แต่พอได้ยินคำอธิบายของโม่ซวน พร้อมจับเพ่งสายตาจับจ้องลักษณ์ท่าทางของไป๋หลี่หานให้ดี ร่องรอยความหยิ่งผยองบนใบหน้าของนางก็จางหายไปทันควัน รีบชักมือที่กวีกเรียกขอเงินต่อหน้าอีกฝ่ายกลับมาโดยไว ยิ้มแห้งกล่าวเพียงว่า
“ฮ่าฮ่า! ลืมมันไปเถิด ลืมมันไปเถิด หากไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นก็…ขอลา!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงกล่าวจบดี หยุนซีหมุนตัวขวับ เผ่นป่าราบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นในทันใด ทิ้งทวนแค่กองฝุ่นตลบเป็นทางยาว
ไป๋หลี่หานปรายสายตามองตามไปยังทิศทางที่หยุนซีเผ่นวิ่งออกไปเล็กน้อย ทางด้านของเซียถงแววตาเป็นประกายแวววับ ตัวหยุนซีหายวับจากไปโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่เงา และไม่มีใครทราบเลยว่า นางวิ่งไปไหนแล้ว
ทีแบบนี้หนีกันให้ไวเชียว! พอเห็นว่าเป็นไป๋หลี่หานหรือเย่หลีเทียน พญาเสือสาวนางนี้กลับกลายเป็นลูกแมวไปโดยปริยาย! พอเห็นหยุนซีหนีเตลิดหายไปโดยไว เซียถงก็อดนินทาอยู่ภายในใจมิได้
แต่เมื่อกดสายตามองลงไปยังพญากัญชาเทศในมือ รอยยิ้มเปี่ยมสุขพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของเซียถง หากนำเจ้าสิ่งนี้กลับไปที่บ้านและต้มให้ท่านแม่ทาน ถึงจะไม่สามารถกำจัดพิษทั้งหมดในร่างกายของท่านแม่นางได้ แต่นี่ก็ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นมิใช่น้อยเลย
“นายท่าน ท่านหยิบใช้ธาตุไม้ในกายได้เต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง สัญชาตญาณต่อสมุนไพรของท่านนับว่าเฉียบคมแม่นยำยิ่ง!”
เสี่ยวฮั่วกล่าวยกย่องดังลือลั่นภายในห้วงความคิดของนาง
ประกายตาเซียถงส่องแสงสว่างไสวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ชั่วขณะที่นางมีโอกาสได้เข้าใกล้ชิดกับเย่หลีเทียน นางก็บังเอิญได้กลิ่นของพญากัญชาเทศโดยใช้สัญชาตญาณของธาตุไม้ในตัว พอได้ยินเย่หลีเทียนเปิดประเด็นเรื่องโต้คารมชุดใหญ่ขึ้นมา นางก็ช่วงชิงจังหวะนี้ พลิกสถานการณ์กลับมาฟันกำไรกลับคืนมาได้มหาศาล ทั้งนี้ยังถือเป็นการเอาคืนเรื่องเมื่อคืนภายในตัว
อย่างไรก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ นางจะติดหนี้บุญคุณไป๋หลี่หานอีกแล้ว เพราะหากเขามาช่วยไว้ไม่ทัน เกรงว่าแผนการของนางก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นกัน และอาจส่งผลกระทบกับนางเกินจินตนาการเป็นซ้ำสอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซียถงก็เงยหน้ามองไปทางไป๋หลี่หาน เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจับจ้องมองอยู่พอดี นางก็กล่าวว่า
“ข้าย่อมต้องตอบแทนบุญคุณของท่านในคราวนี้เช่นกัน”
“เจ้าคงไม่ชอบเรื่องจำพวกติดพันบุญคุณเท่าไหร่กระมัง? ถึงพยายามให้ชดใช้ทันทีมิอยากให้ติดค้าง?”
แววตาคู่ดำขลักแสนลึกล้ำจับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำมากมายของเซียถง ไป๋หลี่เย่เอ่ยถามขึ้นมาน้ำเสียงฟังดูอ่อนละมุน
“ก็ทุกครั้งที่ท่านช่วยข้า มิใช่ว่าท่านมีแผนอยู่ในใจไว้แล้ว?”
เซียถงเลิกคิ้วเอ่ยถามสวนกลับไป
ได้ยินแบบนั้น ไป๋หลี่หานพลันเอียงศีรษะเล็กน้อย เหม่อมองเซียถงด้วยสายตาแปลกๆ อยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า
“ก็มิใช่ว่าทุกครั้งไป เพราะบางทีที่ข้าช่วยอาจเป็นเพราะอยากให้เจ้าช่วยเหลือข้ากลับมาบ้างในสักวัน”
“หากข้ามีหนี้บุญคุณย่อมต้องชดใช้ไม่บ่ายเบี่ยง ซึ่งครั้งนี้เองก็เช่นกัน หากท่านต้องการสิ่งใดจงกล่าวมาได้เลย”
เซียถงกล่าวย้ำจุดยืนของตนเอง โดยมิได้ปฏิเสธทัศนคติความคิดแบบนั้นของอีกฝ่ายเช่นกัน
“ตกลง เช่นนั้นข้าคนนี้มีเรื่องอยากจะถามเจ้าสักข้อ โอสถฟื้นชีพที่เจ้าให้องค์รัชทายาทกิน ไปเอามาจากที่ใด?”
สิ้นเสียงของเซียถง ไป๋หลี่หานเอ่ยถามสวนขึ้นทันควัน
แน่นอน ทุกครั้งที่ไป๋หลี่หานเข้าช่วยเหลือ เขามักจะใช้สิทธิ์หนี้บุญคุณโดยทันทีทันใด ซึ่งบางทีมันก็ไม่ค่อยจะคุ้มเลย เซียถงยิ้มเยาะเล็กน้อยกล่าวว่า
“นี่คือ…หากข้าตอบคำถามนี้ ก็เท่ากับว่าเราสองไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว?”
“ถูกต้อง!”
ไป๋หลี่หานพยักหน้าตอบอย่างมั่นคง สีหน้าการแสดงออกบนใบหน้าดูจริงจังยิ่ง
“มีคนนอกมอบให้แก่ข้า”
เซียถงกล่าวตอบทันที โอสถฟื้นชีพเม็ดนี้แต่ไหนแต่ไรเป็นสูตรโอสถที่เสี่ยวฮั่วบอกกล่าว คงไม่เกินจริงเช่นกันหากจะบอกว่า มีคนภายนอกมอบให้แก่ตัวนาง เพราะหากเสี่ยวฮั่วไม่บอกสูตรโอสถฟื้นชีพ ก็อย่าหวังว่านางจะหลอมกลั่นขึ้นมาได้
“แล้วคนนอกที่ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว? อีกเรื่อง…ในตอนนั้นข้าคนนี้เห็นกลุ่มแสงสีม่วงปรากฏขึ้นในกายเจ้า มันคืออะไรกันแน่?”
ไป๋หลี่หานสาวเท้าก้าวมาข้างหน้า ดวงตาสีดำขลับในขณะนี้ดูจริงจังมาก กระทั่งเผยแววเชิงข่มขู่เจือผสมออกมา
“ข้าว่าท่านถามมากเกินสิทธิ์ที่ได้แล้ว หากอยากรู้คำตอบของคำถามนี้ ก็ได้โปรดอดทนรอจนกว่าจะถึงคราวหน้าที่ข้าติดหนี้บุญคุณท่านใหม่”
เซียถงเลิกคิ้วปั้นหน้าหัวหมอ พร้อมกล่าวตอบสวนไปอย่างภาคภูมิใจ