ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 12 หยิ่งยโสเหลือเกิน
ตอนที่12 หยิ่งยโสเหลือเกิน
บรรดาบ่าวรับใช้ที่อยู่เคียงข้างได้ยินแบบนั้น ต่างก็ชี้นิ้วกรนด่าสาปแช่งใส่ ราวกับเซียถงเพิ่งกระทำบาปอันใหญ่หลวงต่อฟ้าดินจนเกรี้ยวโกรธก็มิปาน
เซียถงยังคงยืนพึงประตูกอดอกอย่างสบายอารมณ์ ไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งยังยิ้มตอบกลับไปว่า
“แล้วอย่างไรเล่า?”
น้ำเสียงของนางช่างเรียบนิ่งและดูหยิ่งยโส
อิ๋งเอ๋อร์ทั้งตกใจและร้อนใจในเวลาเดียวกัน คุณหนูของนางเคยกล้ามีปากมีเสียงขนาดนี้ที่ไหนกัน? ทว่าตอนนี้…
ฮูหยินเฉิงมิได้รู้สึกโกรธ แต่กลับระเบิดหัวเราะเยาะขำขันแทน
“ได้ ในเมื่อเจ้าหาปัญหาใส่ตัวเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าเลย พวกเจ้า! ไปจับตัวเซียถงมา!”
ฉวยโอกาสนี้ชับไล่เซียถง นังแพศยาให้ออกจากจวนเสนาบดีให้สิ้นซากไปเสีย เช่นนี้บัวหิมะน้อยของข้าจะได้เลื่อนกลายมาเป็นคุณหนูใหญ่ผู้เป็นสายตรงแห่งจวนเสนาบดี เท่านี้ก็มีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นรับตำแหน่งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท!
ทั้งฮูหยินเฉิงและเซี่ยเสวี่ยเหลียนต่างแสยะยิ้ม ดวงตาฉายแววปลื้มปีติดีใจ
ทันใดนั้นบ่าวชายร่างกำยำสูงใหญ่ทั้งหกก็ตรงเข้าไปหาเซียถง เห็นภาพฉากดังนี้ เซียถงเข้าใจได้ในทันใดว่า สองแม่ลูกคู่นี้น่าจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี
คิดจะทำร้ายข้างั้นรึ? อดีตนักฆ่าผู้มีลมปราณอยู่ในขอบเขตเสาหลักฟ้า? ฮ่าฮ่า! ยังอ่อนหัดนัก!
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์ทั้งหกที่บีบวงเข้ามาเรื่อยๆ สีหน้าการแสดงออกของเซียถงมิได้ฉายแววลนลานเลยสักนิด ในทางตรงกันข้าม นางก้าวย่างออกไปเบื้องหน้า พร้อมซัดกำปั้นหนักหน่วงสุดแรง
ทั่วทั้งอาณาบริเวณได้ยินเพียงเสียงดัง‘บูม!’ หมัดเรียวยาวของเซียถงเสยเข้าที่คางของชายฉกรรจ์ผู้โลคดีคนแรก ยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ร่างของอีกฝ่ายที่โดนนางชกปลิวกระเด็น ลอยละลิ่วกระแทกพื้นดินจนแตกระแหง!
ตามมาด้วยกำปั้นหมัดที่สองและหมัดที่สามต่อเนื่องกัน ปรากฏแค่เสียง ‘บูม!’ ‘บูม!’ ดังสนั่นขึ้น ชายฉกรรจ์อีกห้าคนที่เหลือถูกเซียถงซัดกระเด็นด้วยความแรงสุดโต่ง ราวกับถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงอัด นอนแผ่ราบหมดสภาพกองอยู่กับพื้นดิน แต่ละคนร้องผะงาบโอดครวญทั้งน้ำตา บางคนถึงกับอาเจียนเป็นเลือดสดไม่หยุด
เมื่อเห็นภาพฉากอันน่าเหลือเชื่อตรงหน้า ทั้งเซี่ยเสวียเหลียนและฮูหยินเฉิงต่างหน้าถอดสีซีดเซียวในทันใด
นี่มันเป็นไปได้ยังไง…
เซียถงมิใช่เศษสวะไร้ลมปราณแล้วหรอกรึ? ไฉนถึงกับ… เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?
แต่สองแม่ลูกคู่นี้เองก็ไม่เห็นเซียถงหยิบใช้ลมปราณออกมาเลยสักนิดเช่นกัน
มุมปากของเซียถงกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆฉีกกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาวเรียงตัวสวยในปาก จับจ้องไปยังเซี่ยเสวี่ยเหลียนและฮูหยินเฉิงที่ยืนแข็งค้างอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ยังมีอีกหรือไม่?”
“เจ้า เจ้า เจ้า….เจ้าอย่าได้ใจเกินไปนัก!!”
ฮูหยินเฉิงทั้งโกรธทั้งกลัวจนใบหน้าซีดเผือดไปหมด
เซี่ยเสวี่ยเหลียนกรนเสียงตวาดลั่นสุดจะเกรี้ยวกราด รัศมีพลังปราณสีเหลืองแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของนาง แส้หนังอ่อนในมือโบกสะบัดเฆี่ยนโจมตีเซียถง เสียงลมกระโชกแรง ฟันฟาดเข้าใส่ด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า!
อิ๋งเอ๋อร์ถึงกับกรีดร้องเสียงดังลั่น
“คุณหนูระวัง!!”
เซียถงยกมือป้องปากหาวเล็กน้อย เอียงศีรษะหลบแส้หนังอ่อนที่เซี่ยเสวี่ยเหลียนโจมตีเข้าใส่อย่างง่ายดาย พออีกฝ่ายเห็นท่าทีหยามเหยียดดูถูกของเซียถงก็ยิ่งเดือดดาลหนักเข้าไปใหญ่ ระดมกระแสพลังปราณสีเหลืองลงในแส้ การโจมตีครั้งต่อไปจะสะบั้นผิวหนังของนังแพศยานี้ให้แตกระเบิดในพริบตา!
“เจ้าใช้แส้ได้อ่อนหัดเหลือเกิน เอาล่ะ เดี๋ยวต่อจากนี้ ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นเองว่า การใช้แส้ที่แท้จริงมันต้องเป็นอย่างไร”
เซียถงแสยะยิ้มฉีกกว้าง คู่เท้ากระตุกวูบร่างแปรไสวเป็นเงาซ้อนสายหนึ่ง คว้าแส้หนังอ่อในมือของเซี่ยเสวี่ยเหลียนมา พร้อมสะบัดข้อมือยกสูงเตรียมหวด รัศมีแส้ที่เคลื่อนไหวบนอากาศท่ามกลางแสงตะวันในยามนี้ เปรียบเสมือนมังกรทองร่ายรำดูทรงพลังอย่างยิ่งยวด
เซี่ยเสวี่ยเหลียนตื่นตกใจสุดขีด ได้แต่กรีดร้องลั่น ส่วนบ่าวรับใช้คนอื่นๆต่างวิ่งหนีออกไปทุกหนแห่ง
ยามนี้นางหรือยังจะกล้าตอบโต้อะไรได้?
สุดท้ายก็ได้แต่ยืนขดตัวเสมือนหนูกอดศีรษะตัวเอง
ถึงแม้แส้หนังอ่อนยังฟาดลงมาไม่ถึงร่างกายของเซี่ยเสวี่ยเหลียนด้วยซ้ำ แต่คล้ายกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นตัดผ่านชั้นผิวหนังของนางจนแตกระแหง
ปัง! ปัง! ปัง!
เซียถงกระหน่ำแส้ฟาดฟันใส่เซี่ยเสวี่ยเหลียนอย่างบ้าคลั่ง ธารเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาตามรอยแตกของผิวหนังไม่หยุด ทำให้ชุดแพรพรรณที่นางใส่มาชโลมไปด้วยเลือดในพริบตา
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยเสวี่ยเหลียนก็นอนขดตัวอยู่กับพื้นแบบนั้น เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
สภาพไม่ต่างจากสุนัจจรข้างทางที่กำลังจะตาย
เซียถงแค่นเสียงเย็นไปคำหนึ่งก่อนโยนแส้หนังอ่อนในมือทิ้งไป นี่นับว่านางอ้อมมือให้มากแล้ว ไม่เช่นนั้น ด้วยพลังฝีมือของเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่มีน้อยนิดแค่นี้ เกรงว่าจะไม่สามารถทนรับแม้กระทั่งหนึ่งในสามของขุมพลังที่เซียถงมีได้แน่นอน
“กรี๊ดดดด!!! บัวหิมะน้อย! บัวหิมะน้อยของข้า!!!”
ฮูหยินเฉิงกรีดร้องเสียงดังลั่นราวดับสติแตกไปแล้ว รีบวิ่งเข้าไปกอดร่างอาบเลือดสีแดงฉานของเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่หมดสติแล้ว คำรามลั่นทั้งน้ำตาว่า
“เซียถง!! เจ้ามันนางมารร้าย! ไฉนถึงทำกับน้องสาวแท้ๆของตัวเองได้ขนาดนี้!!? ข้าจะไปฟ้องท่านพี่! สั่งให้ขับไล่เจ้าออกจากจวนเสนาบดีซะ!”
“คุณหนู! คราวนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่แล้ว!”
สีหน้าของอิ๋งเอ๋อร์ดูไม่สู้ดีนัก นางควรทำอย่างไรดี?
แววตาของเซียถงยังคงเย็นชาลงเข้าไปอีก ก็ที่เจ้าของร่างคนเก่าตายลงไป มิใช่เพราะฝีมือพวกเจ้างั้นรึ? แล้วคนอย่างพวกเจ้ายังกล้าเรียกข้อความเป็นธรรมอันใดอีก?
ฮูหยินเฉิงที่เห็นสีหน้าการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของเซียถง ก็หลงคิดไปว่า พอได้ยินว่าจะฟ้องเซี่ยอี้เฉิน นางคงกำลังกลัวเป็นแน่! จึงยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่คำรามด่ากราดต่อว่า
“นังสารเลว เจ้าไม่ตายดีแน่!!”
และในตอนนัน้เอง จู่ๆก็มีสุ้มเสียงหนึ่งตะโกนดังเข้ามาในอาณาบริเวณเกิดเหตุ
“เกิดอะไรขึ้น? เสียงเอะอะโวยวายอันใดกัน!”
เซียถงเหลือบสายตามองไปยังต้นเสียง ก็เห็รเซีย่อี้เฉินที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง ข้างกายของเขายังมีชายชุดดำผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ ใบหน้าสวมหน้ากากสีเงินปิดบังใบหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาเรียวยาวสุดล้ำลึกคู่หนึ่งเท่านั้น
ปราดสายตาแรกที่ได้เห็น เซียถงรู้สึกคุ้นเหลือเกินราวกับว่า นางเคยเห็นชายชุดดำผู้นี้จากที่ไหนมาก่อนสักแห่ง
“ท่านพี่! ท่านต้องมอบความเป็นธรรมให้แก่เหลียนเอ๋อร์!!”
ทันใดนั้นเอง ฮูหยินเฉิงก็โผตัวเข้าไปหาเซี่ยอี้เฉิน ร้องหมร้องไห้เสียงดังลั่น
เซี่ยอี้เฉินขมวดคิ้วแน่นและเอ่ยถามขึ้นว่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับเหลี่ยนเอ๋อร์?”
พอกล่าวจบ เซี่ยอี้เฉินก็เงยหน้ามองไปตามทิศที่ฮูหยินเฉิงชี้ออกไป เห็นเพียงเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่นอนหมดสติอยู่กับพื้น เสื้อผ้าทั่วร่างขาดรุ่งรุ่งริ่ง ทั่วทั้งตัวชโลมเลือดสีแดงสดใครเห็นต่างต้องรู้สึกสยดสยอง
สีหน้าของเซี่ยอี้เฉินแปรเปลี่ยนไปในทันใด เขารีบวิ่งเข้าไปดูอาการบุตรสาวคนนี้โดยเร็วที่สุด แผดเสียงคำรามลั่นกึกก้องว่า
“เหลียนเอ๋อร์!! ไฉนเจ้าบาดเจ็บหนักปานนี้? มันผู้ใด! เป็นฝีมือของมันผู้ใด!!?”
ฮูหยินเฉิงจ้องไปทางเซียถึงตาเขม็งด้วยสายตาสุดแค้นแสนอาฆาต คำรามลั่นว่า
“เซี่ยถงอิจฉาในความงดงามของเหลี่ยนเอ๋อร์ จึงใช้แส้ฟาดทั้งใบหน้าและร่างกายของเหลี่ยนเอ๋อร์หวังให้เสียโฉม! วันนี้ข้าขอเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาวของข้า! ทุกคนภายในเมืองหลวงต้องรู้ถึงพฤติกรรมอันเหี้ยมโหดของเซียถง! ถึงกับต้องการฆ่าน้องสาวตัวเองทั้งเป็น! ท่านพี่! ท่านต้องมอบความยุติธรรมแก่เหลียนเอ๋อร์!”
ยิ่งเซียถงเผชิญหน้ากับสุ้มเสียงพล่ามน้ำลายบูดของฮูหยินเฉิงมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกง่วงหงาวหาวนอนมากขึ้นเท่านั้น ช่างเป็นอะไรที่เสียเวลาทำมาหากินโดยแท้ และแน่นอนว่าท่าทางการแสดงออกของนางในขณะนี้กลับดูไม่หวาดกลัวหรือรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
ชายชุดดำที่ยืนอยู่เคียงข้างเซี่ยอี้เฉิน พอเห็นเซียถงที่อยู่ตรงหน้า แววตตาคู่เรียวถึงกับฉายแววประหลาดใจ
“เจ้าเป็นกุลสตรีเหมือนแม่เจ้าไม่ชอบ! ถึงกับลงมือลงไม้กับน้องสาวแท้ๆเพียงนี้!?”
เซี่ยอี้เฉินลุกขึ้นยืน พร้อมชี้ด่าด่ากราด้วยความเกรี้ยวกราดสุดขีด ยื่นมือเตรียมหวดหหมายจะตบหน้าเซียถงเป็นการสั่งสอน แต่ทันทีที่ฝ่ามือกำลังหวดเข้าใส่อย่างแรง เซียถงก็ยกมือขึ้นจับดัง‘หมับ!’ได้อย่างง่ายดาย
“ก่อนอื่น คนที่ไม่มีคุณสมบัติความเป็นพ่ออย่างเจ้า ข้าไม่ขอนับถือเสียแล้วกัน และไม่ว่าท่านแม่ของข้าจะเป็นคนอย่างไร เจ้าเองก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่แสดงความคิดเห็น และที่สำคัญ…เป็นพ่อที่ดียังไม่ได้ ก็อย่าสะเออะมาสั่งสอนข้า”
พูดจบเซียถงสะบัดมือของเซี่ยอี้เฉินทิ้งออกไปอย่างไม่ไยดี ซึ่งแรงพลักนี้มันก็มากพอที่ทำให้ร่างของเซี่ยอี้เฉินเซถอยออกไป ถึงขั้นทรงตัวเกือบไม่อยู่กันเลยทีเดียว
เซี่ยอี้เฉินใบหน้าถอดสีในทันใด ได้แต่ชี้หน้ามือไม้สั่นเทาว่า
“เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้ากล้ามาก!!”
ฮูหยินเฉิงฉวยโอกาสนี้รีบใส่ไฟราดน้ำมันบนกองเพลิงต่อทันที
“ท่านพี่ นังสารเลวเฉกเช่นนางไม่ควรเลี้ยงให้เสียข้าวสุกต่อในจวน ขนาดวันนี้ยังกล้าตีเหลียนเอ๋อร์ขนาดนี้ ไม่แน่ว่าวันหน้า…นางอาจจะบ้าตีบุพการีขึ้นมาจริงๆ…”
อิ๋งเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบคุกเข่า ยกมือไหว้ขอขมาทั้งน้ำตาว่า
“นายท่าน! นี่ไม่ใช่ฝีมือของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่สูญเสียลมปราณไปแล้ว มิอาจเป็นคู่มือของคุณหนูรองได้ด้วยซ้ำ ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ…ได้โปรดฆ่าบ่าวทิ้งด้วยเถิด!!”
ฮูหยินเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจัด ตรงเข้ามาถีบยอดอกของอิ๋งเอ๋อร์อย่างแรง
“เศษเดนมนุษย์อย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์พูด!”
แววตาของเซี่ยอี้เฉินค่อยๆมืดครึ้มหม่นประกายลง ตวาดเสียงดังลั่นใส่เซียถงว่า
“ยังไม่รีบคุกเข่าอีก!”
เซียถงเลิกคิ้วขึ้นมองสวนกลับไปราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น แต่ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องมาทางตน พอหันไปมองก็พบว่า ชายชุดดำคนหนึ่งกำลังจับจ้องนางราวกับกำลังหยอกล้อ มุมปากของอีกฝ่ายโค้งกระตุกยิ้มขึ้นบางๆ ซ่อนแฝงความสนุกสนานเอาไว้หนึ่งส่วน
“บอกให้คุกเข่า!”
เซี่ยอี้เฉินเค้นเสียงดังตะโกนลั่นด้วยความโกรธจัดอีกครา ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องเซียถงเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ส่วนบรรดาคนรับใช้ที่อยู่รอบข้างต่างถอนหายใจ และเริ่มจับกลุ่มสนทนากันอย่างเงียบงัน