ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 121 เข้าสำรวจอีกครั้ง
ตอนที่121 เข้าสำรวจอีกครั้ง
“เสด็จพ่อ เซียถงบังอาจใช้มีดสั้นทำร้ายร่างกายเสด็จพี่ นับเป็นโทษทางอาชญากรรมร้ายแรง สมควรตายสถานเดียว!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงมิอาจข่มกลั้นอารมณ์เดือดดาล มองหน้าฝ่าบาทจ้องตาเขม็ง
“เรียนฝ่าบาท หม่อมฉันเคยได้ยินท่านเฒ่าประหลาดกล่าวไว้ว่า สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในขั้นวิกฤติ หลังจากกินโอสถฟื้นชีพลงไป การจะปลุกให้พวกเขากลับมาได้สติอีกครั้งจำเป็นจะต้องระบายเลือดเสียออกจากร่างกายก่อน หม่อมฉันมิได้มีเจตนาทำร้ายองค์รัชทยาทแม้สักนิดไม่ ทั้งหมดก็เพื่อต้องการให้องค์รัชทยาทพ้นขีดอันตรายและฟื้นกลับมาช่วยเหลือฝ่าบาทบริหารบ้านเมืองสืบไป แต่หากฝ่าบาทเคลือบแคลงใจในความหวังดีของหม่อมฉัน ก็จงลงโทษหม่อมฉันเถิดเจ้าค่ะ!”
เซียถงรีบยื่นมีดส่งมอบให้ต่อหน้าฝ่าบาทด้วยสองมือ กล่าวน้ำเสียงเปี่ยมความจงรักภักดี
“พล่ามไร้สาระอันใด!! เซียถง เจ้าตั้งใจลอบทำร้ายองค์รัชทยาทผู้นี้อย่างชัดแจ้ง! หากต้องการเพียงระบายเลือดเสีย เหตุใดถึงต้องแทงต้นขาของข้า?!”
ไป๋หลี่เย่ถลึงตามองเซียถง สีหน้าแววตาเปี่ยมเพลิงพิโรธโกรธเกรี้ยว
“แต่ก็ยังมีจุดที่น่าแปลก เมื่อครู่องค์รัชทยาทยังนอนไม่ได้สติ กล่าวได้ว่าชีวิตอยู่ในขั้นวิกฤติ แต่พอตื่นขึ้นมาปุ๊บก็ดูกระตือรือร้นแข็งแรงราวกับปกติดีแล้ว หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ที่ผ่านมาทั้งหมดองค์รัชทยาทจะแกล้งทำเป็นหมดสติ สิ่งนี้หากมิได้เรียกว่า อาชญากรรมโทษฐานหลอกลวงเจ้าแผ่นดิน ยังเรียกว่าอันใดได้อีก?”
” พูดจาไร้ยางอาย! องค์รัชทยาทผู้นี้หรือจะแกล้งทำเป็นหมดสติไปเพื่อสิ่งใด?!”
ไป๋หลี่เย่ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินเซียถงเอ่ยปากแฉ รีบเปล่งเสียงดังลั่นเพื่อหักล้างโดยไว
“เอาล่ะ! หยุดได้แล้ว!”
ฝ่าบาทโบกมือปัด กวาดสายตาไปทั่วฝูงชนโดยรอบ ท้ายที่สุดค่อยหยุดลงบนใบหน้าของเซียถง ประกายสายตาส่อแววโลภเผยสะท้อนออกมาหนึ่งส่วน กล่าวว่า
“เซียถง แล้วท่านเฒ่าประหลาดผู้นั้นยังมอบสิ่งใดแก่เจ้าอีกหรือไม่? มีของจำพวกโอสถอันใดอีกบ้าง?”
“หากเป็นโอสถ…ยังพอมีบ้าง”
พอเห็นแววตาของฝ่าบาทลุกเป็นไฟแห่งความโลภ เซียถงก็อดสบถนินทากับตัวเองภายในใจมิได้
“โอสถชนิดใดบ้าง? นำให้ข้าตรวจสอบหน่อยได้หรือไม่?”
ฝ่าบาทยิ่งฉายแววความโลภเข้มข้นชัดเจนขึ้นไปใหญ่ ถึงขนาดควบคุมตัวเองมิได้ ตรงเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของเซียถงด้วยความตื่นอกตื่นเต้นสุดขีด
“หม่อมฉันมิได้นำโอสถเหล่านั้นติดตัวมาได้ หากฝ่าบาทมีความปรารถนาต้องการตรวจสอบ ในตอนนำคนไปส่งข้าที่จวนเสนาบดีเซี่ย ข้าจะมอบโอสถเหล่านัน้ติดมือคนของฝ่าบาทกลับมาให้”
เซียถงกมศีรษะโค้งน้อมรับข้อเสนอของฝ่าบาทอย่างเต็มใจ
“ได้! ได้! ได้เลย! เสี่ยวหลี่จือ เจ้าไปส่งเซียถงให้ถึงจวนและนำโอสถกลับมาให้ข้า!”
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยสักนิดว่า เซียถงจะมอบโอสถที่ถูกหลอมกลั่นโดยเซียนโอสถแก่ตนเองง่ายดายปานนี้ ฝ่าบาทยิ้มกว้างสุขอกสุขใจอย่างมาก รีบหันไปสั่งการขันทีคนสนิทให้ติดตามเซียถงกลับไปโดยไว
การที่เซียถงสามารถหยิบโอสถฟืนชีพออกมาใช้ได้โดยง่ายเช่นนี้ เหตุกการ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของฝ่าบาทเขาไปใหญ่เลยว่า เบื้องหลังของเซียถงจะต้องมีบุคคลชนชั้นเซียนโอสถคอยดูแลอยู่แน่นอน
“ฝ่าบาท เรื่องพี่ชายของข้า เซี่ยหลู่เฟิง…”
เซียถงเสแสร้งปั้นสีหน้ารวนเรไม่แน่ใจ
“เจ้าอย่าได้ห่วงไป! ครั้งนี้เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมนัก! ช่วยเหลือชีวิตขององค์รัชทายาทให้ฟืนคืนจากความตาย! นี่ถือเป็นวีรกรรมที่น่านับถือยิ่งแล้ว! ข้าจะออกคำสั่งใหอภัยโทษพี่ชายของเจ้าให้พ้นผิดจากทุกข้อกล่าวหาโดยตรง!”
ฝ่าบาทกล่าวสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งนี้เนื้อเสียงยังดูสุภาพขึ้นเล็กน้อยต่อเซียถง
“เสด็จพ่อ! ข้าได้รับบาดเจบสาหัสปางตาย แล้วเหตุไฉนถึงจะให้อภัยโทษเซี่ยหลู่เฟิงง่ายดายปานนี้?”
อันที่จริง ไป๋หลี่เย่อากาดีขึ้นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ที่แกล้งทำเป็นหมดสติหลับไม่ตื่นเช่นนี้ ก็เพื่อโยนข้อหาร้ายแรงสำหรับจัดการเซี่ยหลู่เฟิงโดยเฉพาะ แต่พอฟังมาถึงจุดนี้ กลับเป็นฝ่ายฝ่าบาทเสียเองที่ยอมให้อภัยโทษต่ออีกฝ่ายแสนง่ายดายนัก แล้วมีหรือที่ไป๋หลี่เย่จะปล่อยให้รอดได้โดยง่าย?
“องค์จักรพรรรดิผู้นี้ยังจำเป็นจะต้องรอรับคำยินยอมจากใครอีกบ้าง?”
ฝ่าบาทเคลื่อนสายตาคู่เย็นเยียบยิงเข้าใส่ไป๋หลี่เย่ ลึกลงไปในแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยรัศมีแรงกดดันมหาศาล ประโยคคำกล่าวของบุตรชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทันทีทันใดกลิ่นอายแห่งจักรพรรดิอันทรงบารมีพลันแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
ไป๋หลี่เย่ยิ่งหน้าถอดสีซีดเซียวเข้าไปใหญ่ รีบก้มหน้าหลบสายตาไม่กล้าเอ่ยกล่าวอันใดเพิ่มเติมอีกต่อไป
“ฝ่าบาททรงปรีชายิ่งแล้ว”
เซียถงโค้งศีรษะลงให้และคุกเข่าขอบคุณเป็นลำดับต่อไป แต่ระหว่างที่ก้มศีรษะจรดพื้น ชั่วอึดใจขณะพลันฉายรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนมุมปากของนางอย่างลับๆ
เซียถงเดินทางออกจากวังและขอให้เกี้ยววังหลวงเปลี่ยนเส้นทางไปส่งที่สถานศึกษาเซิงหลิง ปล่อยให้ขันทีนามว่าเสี่ยวหลี่จือยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องพัก นางหยิบโอสถปราณระดับสาม ซึ่งเป็นโอสถระดับสามที่มีคุณภาพต่ำสุด เนื้อโอสถยังไม่ถูกขัดเกลาให้บริสุทธิ์จนเปล่งสีทองคำออกมาได้ แต่หากนำโอสถระดับชั้นนี้ไปวางขายในท้องตลาด กล่าวได้ว่าต้องประมูลแข่งกันเพื่อช่วงชิง ส่วนโอสถที่เซียถงนำไปมอบให้แก่ฝ่าบาท เป็นโอสถที่มีสรรพคุณเสิมสร้างความแข็งแรงของ่างกาย หลังจากบรรจุลงในกล่องไม้หอมอย่างดี นางก็เดินออกมามอบให้แก่ขันทีนามเสี่ยวหลี่จือโดยตรง
แน่นอนว่า เซียถงยังมีโอสถที่ดีกว่านี้อยู่ในมือ แต่เพื่อปกป้องความแข็งแกร่งและความสามารถทางด้านหลอมกลั่นโอสถของนาง จึงตัดสินใจนำโอสถปราณระดับสามที่ดูหายากน้อยที่สุดออกมา แต่ถึงกระนั้นเอง ฝ่าบาทก็ยังดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อได้เห็นโอสถที่เซียถงนำมามอบให้ ต่อให้โอสถเม็ดนี้จะมีระดับชั้นต่ำตมที่สุดในบรรดาโอสถระดับสามทั้งหมด แต่ก็มันก็คือโอสถระดับสามขนานแท้เม็ดหนึ่ง แม้แต่ไป๋หลี่อวี๋อิงที่เป็นถึงราชาโอสถเองก็ไม่สามารถหลอมกลั่นขึ้นมาได้ ดังนั้น ในตอนนี้จึงกล่าวได้ว่า ฝ่าบาทเชื่อเรื่องเฒ่าประหลาดของเซียถงอย่างสนิทใจแล้ว!
พายุเพิ่งพ้นผ่าน ฟ้าดินกลับมาสงบสุข เซี่ยหลู่เฟิงกลับออกมาจากคุกใต้ดินอย่างปลอดภัย ส่วนเซียถงยังคงดำเนินชีวิตประจำวันอย่างสงบสุขอยู่ในสถานศึกษา
แต่สงบสุขได้เพียงสองสามวัน จู่ๆ เซียถงก็คิดถึงของวิเศษที่อยู่ใต้ก้นบ่อน้ำตกใสพิสุทธิ์ได้อีกครา นางอยากจะกระโดดลงสำรวจก้นบ่อเพื่อค้นหาของวิเศษชิ้นดังกล่าวให้เจอ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่า จะบังเอิญชนเข้ากับเย่หลีเทียนเป็นคำรบสอง ซึ่งคราวนี้ อีกฝ่ายคงเขมือบกันทั้งเป็นแน่นอน ไม่มีไว้เมตตาปรานีดั่งครั้นแรกอีกต่อไป
วันนี้ในช่วงกลางดึก เซียถงยังคงลังเลไม่หายจนท้ายที่สุดก็ออกเดินทาง ตัดสินใจเข้าสำรวจถ้ำลึกลับเป็ตนครั้งสุดท้ายเพื่อตามล่าหาของวิเศษ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรำ เซียถงก็เดินทางออกจากสถานศึกษาเซิงหลิง ตรงมายังทะเลสาบในป่าสนเพื่อล้างรอยจุดด่างดำบนใบหน้าให้สะอาด จากนั้นก็นึกย้อนถึงความทรงจำในวันนั้น เดินติดตามเส้นทางเดิมเข้าไปในถ้ำ
นี่ก็ครั้งที่สองที่มาแล้ว แต่เถาวัลย์สีเขียวจรัสแสงประกายก็ยังคงห้อยขนาบทางเข้าถ้ำหนาแน่น
“นายท่าน ข้าแนะนำให้ท่านไปหาผู้ช่วยมาสักคนก่อนเข้าสำรวจก่อนดีกว่า หากเข้าไปพบเย่หลีเทียนเอง มีหวังคราวนี้ได้ตายจริงๆ แน่นอน”
เมื่อเซียถงกำลังจะตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจถ้ำ พลันมีเสียงของเสี่ยวฮั่วดังก้องอยู่ในห้วงความคิดของนา
“เช่นนั้นจะหาใครมาช่วย?”
เซียถงเอ่ยถามกลับไปทันที พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในถ้ำครั้งล่าสุด ภายในใจรู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมาทันควัน ดูเหมือนว่า นางคนเดียวแค่ลำพังจะไม่เพียงพอจริงๆ
“คนที่ขืนใจท่านล่าสุดไง เขาไม่น่าจะปฏิเสธคำขอร้องจากท่านแน่นอน หากมีเขาช่วยอยู่ทั้งคน ท่านต้องเสาะพบของวิเศษชิ้นนั้นแน่นอน!”
เสี่ยวฮั่วกล่าว
“เปลี่ยนคนได้หรือไม่?”
เซียถงตอบปฏิเสธ
“หากท่านคิดว่ามีใครที่เหมาะสมกว่าเขา ข้าเองก็มิได้รังเกียจเช่นกัน”
ภาพใบหน้าของหยุนซีโฉบแวบผ่านเข้ามาในหัวของเซียถงโดยพลัน แต่ชั่วขณะอึดใจก็รีบส่ายหัวตัดนางทิ้งโดยไว ทันทีที่หยุนซีพบกับเย่หลีเทียน เกรงว่า นางน่าจะสับตีนแตก เผ่นแน่บไวเสียยิ่งกว่าตนเองแน่นอน หลังจากครุ่นพินิจอยู่สักพัก ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าชายคนนั้นแล้วจริงๆ
แต่ถึงอยากจะขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยเพียงใด ก็ใช่ว่าจะหาตัวเขาพบได้โดยง่าย ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เจอและอีกฝ่ายยอมร่วมมมือช่วยเหลือจริงๆ ก็ไม่มีอะไรที่สามารถรับประกันได้เลยว่า ชายคนนั้นจะไม่ลอบแทงข้างหลัง ฆ่านางทิ้งเพื่อช่วงชิงของวิเศษชิ้นนั้นมาครอบครองเสียเอง? เรื่องความโลภกลับไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ซึ่งนางก็เคยมีประสบการณ์แนวนี้มาแล้ว มิฉะนั้นจะทะลุมิติมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ได้อย่างไร?
สุดท้ายนี้ เซียถงตัดสินใจบุกเดี่ยวเข้าสำรวจถ้ำลึกลับแห่งนี้โดยลำพังอีกครั้ง!
หากไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร!
ด้วยจิตใจที่แน่วแน่ นางย่างเท้าตรงเข้าสำรวจภายในถ้ำโดยตรง เดินผ่านสะพานหินที่สองข้างทางเป็นเหวลึก ตรงมาสุดทางถ้ำอีกครั้ง ทว่าคราวนี้นางกลับไม่เห็นวี่แววบ่อน้ำตกแม้แต่เงา!
“นายท่าน จำทางถูกแน่รึ?”
ตกสู่ห้วงความประหลาดใจอยู่สักครู่ เสี่ยวฮั่วก็เอ่ยถามขึ้นเจือน้ำเสียงสงสัย
“แน่นอน มันต้องอยู่ที่นี่แหละ!”
เซียถงยืนยันคำตอบเสียงแข็ง นางมั่นใจอย่างยิ่งว่าความทรงจำที่ผ่านมามันถูกต้องแม่นยำที่สุดแล้ว จากนั้นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า
“แต่คราวนี้ข้ากลับไม่ได้ยินเสียงน้ำไหล เกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนี้รึเปล่า?”
“นายท่าน ลองใช้หูแนบลงกับกำแพงถ้ำดูก่อน เผื่อว่าจะได้ยินเสียงน้ำไหล?”
เสี่ยวฮั่วกล่าว