ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 124 จูบพิษ (1)
ตอนที่124 จูบพิษ (1)
ใบหญ้าเงินจะสามารถเสาะพบได้ก็ต่อเมื่อผู้ค้นหามีคุณสมบัติธาตุไม้อยู่ในกาย การที่ชายผู้นั้นออกปากวานให้นางช่วยตามหาใบหญ้าเงินให้เช่นนี้ แสดงว่า เขาจะต้องรู้อย่างชัดแจ้งว่า นางมีคุณสมบัติธาตุไม้อยู่ แต่จะอย่างไร ไม่มีใครรู้จักเซียถงภายใต้ใบหน้าอันงดงามเช่นนี้มาก่อน แล้วเขาทราบได้อย่างไรว่า นางมีคุณสมบัติธาตุไม้?
ปฏิกิริยาผิดสังเกตของเซียถง ทำเอาชายผู้นั้นขมวดคิ้วย่นเล็กน้อย หญิงสาวนางนี้ค่อนข้างหวาดระแวงจนเกินไป
“คราที่แล้ว ข้าได้กลิ่นสมุนไพรบนร่างกายของเจ้า จึงคาดเดาได้ว่า ตัวเจ้าน่าจะขึ้นเขามาเก็บเกี่ยวสมุนไพรบนนี้อยู่เป็นประจำ ทั้งนี้เองภูเขาป่าสนยังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานศึกษาเซิงหลิง จึงสันนิษฐานไปว่า เจ้าน่าจะเป็นศิษย์สาวกสาขาโอสถของสถานศึกษาดังกล่าว ฟังว่าทุกคนที่สามารถเข้าศึกษาแขนงวิชาโอสถได้ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติธาตุไม้อยู่ในกาย เช่นนั้นแล้ว รบกวนช่วยข้าตามหาใบหญ้าเงินที”
ชายลึกลับผู้นั้นเอ่ยอธิบายอย่างเป็นลำดับขั้นตอน จัดแจงเหตุผลจนเซียถงกระจ่าง
เพราะศิษย์สาวกแขนงวิชาโอสถทุกคนในสถานศึกษาเซิงหลิง ล้วนมีกลิ่นสมุนไพรติดเนื้อกายเป็นปกติ เพียงว่าระดับความแรงของกลิ่นค่อนข้างจางอ่อนยิ่งยวด คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นเหล่านี้ได้เลย แต่ชายลึกลับคนนี้มีขุมพลังแกร่งกล้า เพียงพอที่จะเข้าสัประบุทธ์กับเย่หลีเทียนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ดังนั้น เขาหาใช่คนธรรมทั่วไปอยู่แล้ว
ประมวลคำอธิบายทั้งหมดของอีกฝ่าย เซียถงรู้สึกว่าทุกอย่างมีเหตุมีผลสมบูรณ์ดี ครุ่นพินิจอีกสักครู่ พอไม่พบเห็นข้อสังเกตผิดปกติอันใด จึงเก็บมีดสั้นในมือ พยักหน้าเอ่ยตอบขึ้นว่า
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าหาใบหญ้าเงินเอง”
ตราบเท่าที่จันทร์เต็มดวงเมื่อใด ใบหน้าเงินก็จะปรากฏกายโผล่ออกมาให้เก็บเกี่ยว เซียถงจะต้องทำเวลาหามันให้ไวที่สุด จากนั้นจึงจะรีบดิ่งตรงกลับไปยังถ้ำลึกลับเพื่อตามหาของวิเศษได้ ตอนออกจากถ้ำมา นางยังพอจำได้ พระจันทร์เริ่มเคลื่อนไปยังทิศตะวันตกแล้ว นั้นหมายความ เวลาจันทร์เต็มดวงโดยสมบูรณ์เข้ามาใกล้ขึ้นทุกที และบ่อน้ำตกใสพิสุทธิ์ภายในถ้ำจะปรากฏให้เห็นก่อนถึงรุ่งสางจะมาถึง
ระหว่างรอให้พระจันทร์เต็มดวงโดยสมบูรณ์ ทั้งสองต่างแยกย้ายกันนั่งรอ พอเห็นคล้ายกับว่าเซียถงกำลังครุ่นคิดอยู่สักอย่างอยู่ ชายคนนั้นก็เริ่มก่อเกิดความอยากรู้อยากเห็น แต่ขณะที่กำลังจะเดินใกล้ไปถาม กลับเป็นฝ่ายเซียถงที่ร่นถอยออกไปเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้ สุดท้ายเขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำใจปิดปากเงียบไป
“นายท่าน ท่านควรขอความช่วยเหลือจากเขาในการเสาะหากระบี่ทัณฑ์ฟ้า ระดับพลังลมปราณของชายคนนี้เกินกว่าจะหยั่งถึงได้ หากบังเอิญดำน้ำไปพบเข้า บางทีอาจต้องใช้ขุมพลังความแกร่งกล้าของเขาในการคลายผนึกของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าออกมา”
เสี่ยวฮั่วกล่าว
“แต่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเป็นถึงยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ อดีตอาวุธประจำกายของเซียนบรรพกาล มีคนรู้เรื่องเพิ่มอีกหนึ่ง เกรงว่าอันตรายต่อชีวิตของข้าอาจเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าตัว!”
เซียถงตอบกลับตามหลักเหตุและผล
“กระบี่ทัณฑ์ฟ้าหาใช่สิ่งที่ท่านสามารถจะกล่อมให้มันเชื่องมือได้ ยุทธภัณฑ์ระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นล้วนมีจิตวิญญาณและความนึกคิดเป็นของตน ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังหยิ่งผยองจองหองเป็นอย่างยิ่ง อาศัยระดับพลังลมปราณ ณ ปัจจุบันของท่าน ไม่มีทางข่มกระบี่เล่มนี้ได้อยู่ จำต้องใช้ยอดฝีมือที่ทรงพลังสักคนมาช่วยเหลืออีกแรง”
เสี่ยวฮั่วกล่าวอธิบายพร้อมสีหน้าวิตกกังวลจัด
“จริงรึ?”
เซียถงเริ่มมีข้อสงสัยบังเกิดในใจต่อสิ่งที่เสี่ยวฮั่วกล่าวมา มันอาจเป็นได้ทั้งความจริงและความเท็จ เพราะบางทีที่เสี่ยวฮั่วกล่าวขู่ออกมาเช่นนี้ ก็อาจจะกลัวเย่หลีเทียนก็เป็นได้ จึงพูดเพื่อหลอกให้นางนำชายผู้นี้ติดสอยมาด้วย
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อล้วนขึ้นอยู่กับท่านแล้ว หากถึงเวลาที่กระบี่เล่มนั้นอยู่ตรงหน้า แต่ไม่สามารถเก็บกลับมาเป็นเจ้าของได้ ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือน”
เสี่ยวฮั่วหัวเสียมิใช่น้อยที่เห็นเซียถงตั้งข้อสังเกตกับตน จึงกล่าวข่มขู่ไปอีกหนึ่งคำรบ
หากไม่อยากได้ยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็ปล่อยให้หลุดมือไปทั้งแบบนี้แล้วกัน
เซียถงยืนครุ่นคิดกับตัวเองอยู่สักพักใหญ่ ทันทีทันใดสายตาคู่งามของนางพลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาวูบหนึ่ง หันหลังก้มศีรษะให้ชายผู้นั้น ลอบหยิบโอสถเม็ดหนึ่งมาอมไว้ใต้ลิ้น เม้มริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มน่าหลงใหลเบาๆ จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา เดินตรงไปหาชายคนนั้น เคียงประดับรอยยิ้มหวานฉ่ำ กล่าวเสียงแผ่วอ่อนว่า
“ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยอะไรหน่อย”
“หื้ม? ว่าไง?”
พอเห็นรอยยิ้มหวานฉ่ำท่ามกลางโฉมงามดุจราชินีน้ำแข็งเบื้องหน้า ปลายคิ้วของเขาพลันกระตุกเล็กน้อยด้วยความสนใจ ประกายแสงวิบวับฉาดฉายออกมาจากดวงตา
“เจ้าช่วยไปเอาสิ่งของอะไรบางอย่างให้ข้าได้หรือไม่?”
เซียถงกล่าวน้ำเสียงละมุน ริมฝีปากสีชมพูละเอียดอ่อนแวววับดูนุ่มนวลดุจปุยนุ่น สาวงามกับรัตติกาลยามค่ำคืนช่างเข้ากันเหนือสิ่งอื่นใดยิ่งแล้ว
“แล้วรางวัลล่ะ? ข้าจะไม่ลงมือทำอะไรทั้งสิ้นหากปราศจากของรางวัล”
ดวงตาของชายผู้นั้นหรี่แคบเร้นประกาย กวาดมองไปที่ริมฝีปากกระจับสวยของเซียถง
รางวัล?
เซียถงระบายยิ้มเพิ่มพูนความละมุนละไม สืบเท้าก้าวไปข้างหน้า ยกเรียวแขนสีขาวผ่องทั้งสองข้างไว้ทับบนคู่ไหล่ของอีกฝ่าย ยกมือขวาคลี่ปลายนิ้วระหงทั้งห้ากรีดกราย ลูบไล้ใบหน้าพลางมองดูความหล่อเหลาทะลุหน้ากากออกมา ใบหน้าของทั้งสองต่างชิดใกล้ไม่มีห่าง ภายใต้ภาพฉากแสงจันทร์นวลสว่างไสว ปลายเท้าของเซียถงเขย่งขึ้นเล็กน้อย ใช้ริมฝีปากสีชมพูเปล่งปลั่ง ประกบกดทับลงบนริมฝีปากของชายผู้นั้นโดยตรง
ชายผู้นั้นเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เฉิดฉายแววความประหลาดใจออกมาหลายส่วน แต่ชั่วขณะอึดใจ เสมือนดวงตาคู่นั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟลุกโชน เขายกมือทั้งสองเข้ารวบเอวเพรียวบางของอีกฝ่ายเข้ามากระชับกอด สองร่างประกบติดกันแน่น เอียงศีรษะทำองศาให้อยู่ในท่าถนัด ใช้ริมฝีปากของตนงัดปากของหญิงสาวให้เปิดออก จากนั้นพลันรุกหนัก ใช้ลิ้นบุกเข้าพัลวันอย่างซุกซน
เม็ดโอสถที่ห่ออยู่ใต้ลิ้นของเซียถงค่อยๆ คลายออกมา ลอบส่งโอสถเม็ดนั้นผ่านลิ้นที่แสนซุกซนของอีกฝ่ายเข้าปากไปในที่สุด คล้อยหลังได้ยินเสียงกลืนดัง ‘อึก’ นางจึงค่อยผละตัวออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายโดยทันที ยืนห่างออกไปประมาณสามสี่ก้าว ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดไม่จาใดๆ
ชายผู้นี้กลืนโอสถพิษของนางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไป ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่า อีกฝ่ายจะมาลอบแทงข้างหลังแน่นอน
“เจ้าวางแผนจะมอบยาถอนพิษหลังจากที่ข้าค้นหาบางสิ่งให้เจ้าเสร็จสรรพแล้วกระมัง?”
ชายคนนั้นกลับสู่สภาวะสงบเสงียมดังเดิม หลงเหลือแค่เพียงเปลวเพลิงสีจางที่ค่อยๆ มอดลง
“เจ้าทราบหรือว่า เมื่อครู่ข้าป้อนอะไรให้?”
ภายในใจเซียถงเผยแววตื่นตระหนักอยู่หนึ่งส่วน แต่โดยผิวเผินย่อมมิได้แสดงทีท่าตื่นตระหนกใดๆ ออกมาให้เห้น
“พิษ ตอนที่เจ้าจูบข้า เดาว่าคงลอบอมยาพิษอยู่ในปากไว้อยู่แล้ว”
ชายผู้นั้นเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบราวกับมิได้ตกใจอะไร
“เช่นนั้น…เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ยังจะจูบต่อ?”
เซียถงเลื่อนมีดสั้นกระชับจับไว้ในมือแน่นโดยสัญชาตญาณ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การที่อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงแผนการทุกอย่างมาตั้งแต่แรก
“แล้วมีเหตุผลอันใดที่ข้าต้องปฏิเสธจูบจากหญิงงาม? ต่อให้รู้ว่าเบื้องหน้าคือความตาย มันก็คุ้มค่ายิ่งแล้ว”
ชายคนนั้นยกเรียวนิ้วขึ้นปาดเช็ดบริเวณริมฝีปากล่างเบาๆ ย่างสามขุมตรงเข้าไปใกล้ๆ เซียถง ในขณะที่อีกฝ่ายพลันร้นฝีเท้าถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว เขาหัวเราะคิกคักกล่าวว่า
“ต่อให้ต้องดื่มยาพิษทั้งขวด ข้าก็ยอมเพื่อแลกกับจูบของเจ้า”
สิ่งเดียวที่ทำให้ชายผู้นี้ตกใจก็คือ เพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่างแล้ว หญิงสาวนางนี้ยอมสละได้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นสตรีเพศ เพราะพึงทราบเอาไว้ สำหรับสตรีเพศแล้ว แค่เสียจูบแรกไปก็นับว่าเป็นของมีตำหนิ
เมื่อชายผู้นั้นย่างเท้าก้าวเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เซียถงพลันอดตื่นตระหนกมิได้ ดูเหมือนกับว่า ทุกความคิดและทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดบสมบูรณ์ ดั่งมองตาก็รู้ใจอย่างใดอย่างนั้น มือข้างขวากำมีดสั้นไว้แน่นหนา ยามนี้อีกฝ่ายอ่านแผนการของตนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว กระทั่งนางเองก็จนปัญหาเช่นนั้น และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเป็นอันดับต่อไปดี?
“จันทร์เต็มดวงแล้ว! จันทร์เต็มดวงแล้ว!”
ชั่วขณะที่ร่างของชายคนนั้นกำลังตรงมาถึงตัว เซียถงก็เงยหน้าขึ้นฟ้าชี้ไปที่พระจันทร์ทรงกลมเจิดจรัสเหนือศีรษะ ร้องอุทานลือลั่นขึ้นโดยไว
คู่เท้าหยุดชะงักงัน ชายผู้นั้นเงยหน้าแหงนขึ้นมองฟ้า ยามนี้ปรากฏจากเมฆชั้นหนาสีเทา หลงเหลือเพียงแค่พระจันทร์ทรงกลมโตทอแสงสว่างไสว แขวนค้างกลางหาว ในที่สุด พระจันทร์ก็เต็มดวงเสียที
“ข้าจะพาเจ้าไปหาใบหญ้าเงินเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังกล่าวจบ เซียถงก็เดินหลบหน้าหนีอีกฝ่ายไปโดยไว รีบวิ่งกระโดดเข้าไปในป่าด้านหนึ่งทันที