ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 125 จูบพิษ (2)
ตอนที่125 จูบพิษ (2)
“เจอแล้ว นี่แหละใบหญ้าเงิน!”
เซียถงดึงหญ้าสีเงินสว่างขนาดเล็กออกมาต้นหนึ่งจากใต้หินแผ่นยักษ์ใกล้แม่น้ำลำธารสายยาว พร้อมหันไปยื่นให้ชายที่อยู่ด้านหลัง
ชายผู้นั้นใช้สองมือรับใบหญ้าเงินเอาไว้ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก แววตาของเขาเปี่ยมล้นความสุขเกินจะควบคุม พินิจมองใบหญ้าเงินบนมืออยู่ชั่วครู่หนึ่ง เขาค่อยยกมือขึ้นพร้อมดีดนิ้วเบาๆ ทีหนึ่ง ทันใดนั้นพลันปรากฏเงาดำกลุ่มหนึ่งกระโจนออกมาจากเบื้องหลังป่าลึก ลุกเข่าลงต่อหน้าเขา กล่าวน้ำเสียงสุภาพว่า
“โปรดบัญชานายท่าน!”
“เจ้านำใบหญ้าเงินต้นนี้กลับไปก่อน”
กล่าวจบ ชายผู้นั้นก็ยิ่นใบหญ้าเงินส่งมอบให้แก่เงาดำกลุ่มนั้น
เงาดำร่างหนึ่งรับมอบด้วยสองมืออย่างระมัดระวังสุดขีด ค่อยๆ นำมาเก็บรักษาในอ้อมแขน เพียงชั่วขณะพริบตา เงาดำกลุ่มนั้นพลันอันตรธานหายวับลับสายตาภายใต้แสงจันทร์อย่างรวดเร็ว หนึ่งในเงาดำกลุ่มนี้ คล้ายกับว่ามีคนหนึ่งเคลื่อนสายตาเหลือบมองทางเซียถงอยู่ครึ่งจังหวะ ลึกลงไปในแววตาที่เล็ดลอดออกมาจากหน้ากากสีดำทมิฬสั่นไสวเล็กน้อย ก่อนหายตัวจากไป
ปรากฏว่าชายผู้นี้มีลูกน้องคอยติดตามอย่างลับๆ มาโดยตลอด ทั้งยังเป็นจำนวนที่มากพอตัว ทว่าเซียถงกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของคนพวกนี้ได้เลย ทำเอานางอดประหลาดใจมิได้
ชายคนนั้นเหลือบมองนางทีหนึ่ง พลางส่ายหัวอย่างอดมิได้ ไฉนหญิงสาวนางถึงได้ระแวงไปเสียทุกอย่าง ราวกับผู้คนรอบข้างเป็นศัตรูไปหมด?
“เจ้าจะให้ข้าช่วยตามหาสิ่งของที่ใด?”
เงียบไปสักระยะหนึ่ง ชายผู้นั้นก็หันมาเองถามกับเซียถง
เซียถงได้แต่หันขวับสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่พูดไม่จาอันใด ลึกลงในแววตาสั่นไสวอยู่ตลอด เพราะนางไม่สามารถคาดเดาหรืออ่านความคิดของอีกฝ่ายได้เลย ว่าต่อไปจะเคลื่อนไหวในทิศทางใดอีก ตั้งแต่ที่นางรู้ว่า อีกฝ่ายจงใจกลืนพิษเพื่อแลกกับจูบ ก็กล่าวได้ว่า แทบจะหมดความเชื่อมั่นต่ออีกฝ่ายแล้ว
“ระแวงว่าข้าจะฉกชิงของสิ่งนั้นไปจากเจ้ากระมัง?”
ชายผู้นี้เสมือนกับมองผ่านอ่านความคิดของเซียถงได้อย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆ เขายกมือขึ้นกอดอก กล่าวต่อพร้อมวาจาแสนเย่อหยิ่งว่า
“ไม่ว่าของสิ่งใดที่เจ้าต้องการ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกระตุ้นความสนใจจากข้าได้”
‘แต่เจ้าสิ่งนี้ดันเป็นถึงยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าเองก็เกรงว่า เจ้าจะน้ำลายสอทันทีหากทราบเข้า’ เซียถงคิดกับตัวเองในใจ
“นายท่าน หากมิได้รับความช่วยเหลือจากเขาผู้นี้ เกรงว่าโอกาสที่ท่านจะได้ครอบครองยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นดังกล่าวจะน้อยลงไปทุกที หากเย่หลีเทียนเป็นฝ่ายพบก่อน นี่กลับเป็นเรื่องไม่ดีเลยสักนิด”
เสี่ยวฮั่วเอ่ยเตือนสติเซียถงผ่านห้วงความคิด
ใช่แล้ว สิ่งที่เสี่ยวฮั่วกล่าวไป ยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เซียถงค่อนข้างกังวลมาก
ปัจจุบัน เย่หลีเทียนก็แกร่งกล้าเกินต้านทานอยู่แล้ว หากได้รับยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยเสริมอีกแรง เกรงว่าในอนาคตต่อไป มันจะยิ่งต่อกรได้ด้วยยาก
สรุปสุดท้าย เซียถงได้แต่ยิ้มเยาะกับตัวเอง กล่าวน้ำเสียงเย็นกับอีกฝ่ายขึ้นว่า
“ที่เจ้ากลืนลงไปก่อนหน้า คือโอสถพิษทะลวงไส้ หากไม่ได้รับโอสถถอนพิษจากข้าเกินหกชั่วยาม อวัยวะภายในของเจ้าจะเริ่มเน่าเปื่อย และค่อยๆ ตายลงอย่างทรมาน”
“ข้าช่วยเจ้าหาสิ่งที่ต้องการ ถึงตอนนั้นเจ้าก็จงมอบโอสถถอนพิษชนิดนี้มาเสีย”
พอได้ยินว่า เจ้าสิ่งที่กลืนลงไปเป็นโอสถพิษ หาใช่ยาพิษธรรมดาทั่วไป ชายผู้นั้นก็เริ่มหน้าเสีย กล่าวขึ้นเจือน้ำเสียงหวาดหวั่นอยู่หลายส่วน
ซึ่งปฏิกิริยาการแสดงออกเช่นนี้ของชายคนนั้น ทำให้เซียถงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่า อีกฝ่ายยังพอมีความกลัวตายอยู่บ้าง นางจึงพยักหน้ารับคำ
“แน่นอน ตราบเท่าที่เจ้ามิได้หยิบใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายใด หลังจากที่ข้าได้รับสิ่งของที่ต้องการแล้ว ย่อมมอบโอสถถอนพิษแก่เจ้าโดยเร็วที่สุด”
กล่าวจบ เซียถงก็สาวเท้าเดินหน้าเข้าไปในส่วนลึกของป่าสนทันที
เหม่อมองร่างอรชรเพรียวบางส่ายไปมาอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มบางพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของชายผู้นั้น เกรงว่าต้องแสดงท่าทีหวาดกลัวให้เห็นก่อน นางถึงจะสบายใจได้ จะอย่างไร ต่อให้เป็นโอสถพิษ แต่ก็ไม่น่าจะใช้โอสถระดับสูงเกินไป อาศัยขุมพลังชั้นสูงสุดของเขา ย่อมแก้ไขปัญหาได้แน่นอน คิดได้เช่นนั้น เขาส่ายหัวอานไปมาอย่างช่วยมิได้ ก่อนจะยกเท้าเดินติดตามนางไป
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็มาถึงหน้าปากถ้ำลึกลับ เนื่องจากเป็นทางแคบจำเป็นต้องเรียงแถวเข้าไปทีละคน เซียถงเป็นฝ่ายเดินนำหน้าตามมาด้วยชายผู้นั้นเป็นลำดับถัดมา
“เข้ามาเลย”
พอได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่อยู่ด้านหลังช้าลงจนผิดปกติ เซียถงจึงเหลียวหลังหันไปกระตุ้นอีกฝ่ายสักสองสามคำ
ชายผู้นั้นสะดุ้งเล็กน้อย กวาดสายตาสำรวจทั่วบริเวณรอบถ้ำอยู่สักครู่จึงค่อยพยักหน้ากล่าวตอบกลับไป
“เข้าใจแล้ว!”
จะเห็นได้ว่า รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของชายคนนี้ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก
ระหว่างเดินสำรวจลึกภายในถ้ำ ทั้งคู่ต่างคนต่างปิดปากเงียบกันตลอดทาง ยกเว้นแต่เสียงน้ำหยด ก็ได้ยินเพียงสุ้มเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น จนท้ายที่สุดก็เดินทางมาถึงสะพานหินทางแคบทอดยาว โดยมีสองข้างทางเป็นเหวลึกไร้ก้น เซียถงเริ่มเดินนำไปก่อน แต่พอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินติดตามมา นางก็อดสงสัยมิได้และเหลียวหลังกลับไปมอง ก็เห็นชายผู้นั้นเอาแต่ยืนนิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องลงไปยังหุบเหวลึกไม่เสื่อมคลาย
“มีสิ่งใดผิดปกติรึ?”
“ข้า…ข้ากลัวความสูง”
ชายผู้นั้นยืนนิ่งอยู่ตรงพื้นหินไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน เอาแต่มองเหวลึกอยู่แบบนั้นพลางปาดเหงื่ออยู่หลายที
“เจ้าล้อเล่นแล้วกระมัง?”
เซียถงมุ่นคิ้วขมวดแน่นด้วยความสงสัย เป็นถึงปรมาจารย์ขอบเขตราชันย์ม่วงผู้ไร้เทียมทาน แต่ดันกลัวความสูง? นี่ข้าหูฟาดไปรึเปล่า?
“ข้ากลัวความสูงจริงๆ ข้าไม่ไป…ไม่ไปเด็ดขาด…”
พูดจบชายผู้นั้นถอยหลังออกไปสองก้าวโดยตรง สีหน้าเริ่มซีดเผือดเห็นได้ชัดว่า เขากำลังกลัวจริงๆ
เอ่อ…ดูท่าจะไม่ได้โกหก…
เซียถงเฝ้าสังเกตอาการหวาดกลัวของอีกฝ่ายอีกสักครู่ ชั่วขณะอึดใจแทบอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ สักชุดใหญ่ บุรุษผู้ทรงพลังแกร่งกล้าและสง่าราศีเฉกเช่นนี้ ดันกลัวอะไรไม่กลัว มากลัวความสูงเฉยเลย! ใครได้ยินก็อดระเบิดหัวเราะมิได้จริงๆ! แต่จะอย่างไร ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางยังต้องการอีกฝ่าย พยายามข่มกลั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะลงคอ เดินย้อนกลับมาและยื่นมือขวาส่งให้ต่อหน้าชายผู้นั้น ยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“เพียงหลับตาและเดินตามข้ามาเป็นพอ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ชายผู้นั้นรีบยกมือขึ้นจับอุ้งมือน้อยๆ สีขาวผ่องของนางโดยไว พยักหน้ากล่าวตอบทันทีว่า
“ตกลง”
เหลือบมองมือไม้ของชายผู้นั้น สีหน้าการแสดงออกของเซียถงฉายแววฉงนใจ สรุปแล้ว หมอนี่กลัวความสูงจริงๆ ใช่ไหม? ถึงแม้จะมีข้อสงสัยอยู่ในใจ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา จับมือชายผู้นั้นแน่นและพาขึ้นมาเดินบนสะพานหินอย่างรวดเร็ว
ชายผู้นั้นเดินติดตามเซียถง กุมมือหญิงสาวไว้แน่นไม่มีคลายอ่อน พอสัมผัสได้ถึงฝ่ามืออันแสนนุ่มนวลของอีกฝ่าย เขาก็อดยิ้มทั้งที่หลับตาอยู่มิได้ คู่เท้าก้าวดังฉับต่อเนื่องบนสะพานหินอย่างมั่นคง ราวกับว่าตัวเขากำลังเดินเล่นอยู่ที่สวนหลังตำหนักอยู่ก็มิปาน
หลังจากเดินไปได้สักพัก เซียถงก็อดใจหันไปมองย้อนกลับมิได้ ก็เห็นว่า อีกฝ่ายกำลังเดินหลับตายิ้มอยู่คนเดียวเสมือนคนบ้า นางปริปากถามขึ้นอย่างช่วยมิได้ว่า
“นี่เจ้าหลับตาเดินตลอดทางจริงๆ งั้นรึ? ไม่กลัวก้าวพลาดตกเหวเลย?”
“ก็เจ้าบอกให้ข้าหลับตา ข้าก็หลับตาตามที่เจ้าสั่ง หากตกลงเหวไป อย่างน้อยพวกเราทั้งคู่ก็ตายด้วยกัน”
ชายผู้นั้นเปิดเปลือกตามองไปที่เซียถง แววตาเป็นประกายเร้าร้อน
เอ่อ…ดูท่าจะมีบางอย่างผิดปกติจริงๆนั่นแหละ ผิดปกติกับสมองชายผู้นี้!
พอเห็นอีกฝ่ายจับจ้องภายใต้แววตาแสนร้อนแรงปานนั้น เซียถงถึงขั้นขนลุกซู่วชูชันไปทั่วร่าง ได้แต่เหลือบแลมองอีกฝ่ายเป็นระยะแต่พูดไม่ออก ท้ายที่สุดนี้ นางหันศีรษะกลับไปตั้งมั่นกับเส้นทางเบื้องหน้าอย่างแน่วแน่อีกครา จากนั้นค่อยเดินหน้าต่อไป
หลังจากที่ผ่านพ้นสะพานหินมาก่อน เซียถงก็รีบชักมือดึงกลับมาจากชายผู้นั้นทันที เพราะในยามนี้ ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ต้องยกมือมาเช็ดถูไถกับชายเสื้ออยู่สองสามครา
ทุกการเคลื่อนไหวของเซียถงไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ล้วนอยู่ภายใต้สายตาของชายผู้นั้นทั้งสิ้น เพียงว่าเขามิได้เอ่ยกล่าวอันใดออกมาก็เท่านั้น เขากวาดสายตาสำรวจโดยรอบ และในที่สุดก็หยุดลงตรงบ่อน้ำตกใสสะอาดเปล่งแสงระยิบระยับตรงหน้า ธารน้ำตกที่ตกกระทบจากบนสู่ล่างสาดกระเซ็นเป็นหยาดพิสุทธิ์ใส