ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 126 กิเลนสมุทร (1)
ตอนที่126 กิเลนสมุทร (1)
“แล้วเจ้าว่ายน้ำเป็นหรือไม่?”
เซียถงกวาดสายตามองสี่ทิศรอบข้าง เอ่ยถามชายผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังพลางเดินเวียนรอบบ่อน้ำตกบรรจบครบรอบหนึ่งพอดี สุดท้ายนี้ไม่พบร่องรอยของเย่หลีเทียนอยู่เลย
ละอองน้ำใสที่สาดกระเซ็นจากน้ำตกทำให้ใบหน้าของหญิงสาวดูชุ่มฉ่ำเป็นประกาย ชายผู้นั้นมมองทางนางและพยักหน้าตอบกลับไป
“สิ่งที่ข้าต้องการมันอยู่ภายใต้บ่อน้ำตกแห่งนี้ ข้ากับเจ้าจะดำลงไปพร้อมกัน”
กล่าวจบ เซียถงก็อาสาเป็นผู้นำ เดินหย่อนเท้าลงไปในบ่อโดยมีชายผู้นั้นตามมาติดๆ
ยิ่งเดินตรงเข้าไปก็ยิ่งลึกขึ้น จนระดับน้ำแตะปลายคางของพวกเขาแล้ว ในเวลาเดียวกัน เซียถงก็หันไปถลึงตาใส่ชายที่อยู่ด้านหลังเล็กน้อย กล่าวว่า
“หากเจ้ากล้าเล่นแง่กับข้า เตรียมถูกโอสถพิษทะลวงไส้พิฆาตชีวา!”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เล่นแง่เล่นกลกับเจ้าแน่นอน”
ชายผู้นั้นพยักหน้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตน
เซียถงสูดหายใจไขว่คว้าอากาศเฮือกใหญ่เข้าสุดขั้วปอด จากนั้นก็ดำดิ่งสู่ก้นบ่อภายในชั่วอึดใจ ว่ายไปได้สักครู่ เงาร่างของชายผู้นั้นก็ตีขาเร่งความเร็วมาอยู่ในระนาบเดียวเคียงข้างกับนาง
บริเวณก้นบ่อยังคงถูกปกคลุมด้วยวัชพืชสีเขียวชอุ่มเป็นชั้นหนาไม่แปรเปลี่ยน หากไม่มีความระมัดระวังมากพอ ก็อาจถูกวัชพืชสีเขียวเหล่านี้พัวพันกับแขนขาเอาได้ เซียถงพยายามหลีกเลี่ยงพวกมันด้วยความระมัดระวัง กวาดสายตามองหาสิ่งที่คล้ายกับกระบี่เล่มยาวทุกหนแห่ง ส่วนชายผู้นั้นยังคงว่ายติดตามขนาบข้างอย่างใกล้ชิด โบกมือโบกไม้พยายามจะส่งสัญญาณประมาณว่า ‘เจ้ากำลังมองหาสิ่งใด?’ ‘ให้ข้าช่วยหรือไม่?’ แต่เซียถงก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ รู้หน้ากลับไม่รู้ใจ และเซียถงเองก็ไม่เชื่อใจอีกดฝ่ายขนาดนั้น จนท้ายที่สุดชายผู้นั้นก็หยุดถาม แหวกว่ายตามติดเซียถงอย่างเงียบๆ หลังจากดำน้ำอยู่ก้นบ่อเป็นเวลาสักพักใหญ่ ระหว่างการค้นหา เซียถงก็ลอยตัวขึ้นจากน้ำมาหายใจอยู่หลายครา ทำแบบนี้วนเวียนบ่อยเข้าจนเริ่มกังวล
“เสี่ยวฮั่ว นี่เจ้าแน่ใจว่ายุทธภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ก้นบ่อแห่งนี้จริงๆ?”
เซียถงส่งเสียงสื่อจิตไปหาเสี่ยวฮั่วผ่านห้วงความคิด
“ใช่ ข้าสัมผัสได้”
เสี่ยวฮั่วยืนยันคำตอบเดิม
“แต่ข้าก็ลองดำหาจนทั่วก้นบ่อแล้ว มีแต่วัชพืชใต้น้ำ อย่างอื่นไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
เซียถงกล่าวเจือน้ำเสียงหงุดหงิดราวกับว่าเกณฑ์ความอดทนจวนใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ บนพื้นผิวบ่อน้ำพลันเดือดปะทุ มีฟองอากาศโผล่ขึ้นจากน้ำดังปุดปุด เกิดปรากฏการณ์บางอย่างขึ้นใต้ก้นบ่อน้ำ แสงสีแดงจ้าจรัสระเบิดคลั่งจากเบื้องล่าง!
แย่แล้ว! มีบางอย่างกำลังพุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำ!
ชั่วขณะความคิด ร่างของเซียถงถูกคลื่นน้ำซัดกระเด็นจนเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ สิ่งแรกที่นางทำคือพยายามทรงตัวให้ได้ในน้ำ และก้มศีรษะมองดูแสงสีแดงจ้าจรัสที่อยู่เบื้องลึกของผิวน้ำ ก่อนจะค้นพบว่า แสงสีแดงเหล่านี้มิใช่สิ่งใดอื่นนอกจากเลือด!
ปริมาณเลือดที่มากมายขนาดนี้ชนิดที่ว่าแทบย้อมใต้บ่อน้ำตกได้ นี่…เย่หลีเทียนต้องสังหารคนไปกี่ศพแล้ว?
เซียถงพลันสะดุ้งเฮือด เพราะจู่ๆ ก็มีใครบางคนคว้าข้อมือนางไว้อย่างแรง พอหันศีรษะกลับมองก็พบว่าเป็นชายผู้นั้นโบกมือให้ว่ายตามมา ลากแขนช่วยกันว่ายหนีแสงสีแดงจ้าจรัสใต้บ่อน้ำโดยเร็ว
หลังจากว่ายไปได้สักครู่หนึ่ง เซียถงก็เหลียวหลังกดสายตามองลงใต้บ่อน้ำอีกครา คราวนี้นางยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่ เพราะเบื้องล่างปรากฏเป็นเงาร่างสีดำยักษ์ใหญ่ ที่กำลังแหวกว่ายไล่ล่าทั้งคู่ด้วยความเร็วที่สูงมาก หากลองพินิจจับจ้องโดยละเอียด จะค้นพบว่า มันเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็งเสมือนเกราะ มีคลื่นพลังสีม่วงประกายเทาวิบวับห่อไว้เป็นชั้นหนา ดวงตากลมโตสีแดงสด อ้าปากฉีกกว้างราวกับบ่อเลือดมหึมาที่พร้อมเขมือบทุกสรรพสิ่ง โดยรวมแล้วรูปลักษณ์ของมันดูน่าสยดสยองยิ่งยวด
“นายท่าน! กิเลนสมุทรตนนี้จะต้องเป็นสัตว์อสูรเทวะที่คอยปกป้องกระบี่ทัณฑ์ฟ้าไม่ผิดแน่! หากดำติดตามจากจุดที่มันโผล่มา น่าจะเสาะพบกระบี่เล่มนั้นได้ไม่ยาก!”
เสี่ยวฮั่วกล่าวกับเซียถงในขณะที่นางกำลังจ้วงแขนว่ายหนีตายอยู่
ได้ยินเช่นนั้นเซียถงพลันหันศีรษะมองดูร่างเงาขนาดยักษ์ใหญ่อีกคราที่แหวกว่ายไล่ติดตามทา ทันใดนั้นพลันเห็นสัตว์อสูรเทวะตนนั้นโผล่ศีรษะขึ้นเหนือน้ำ ฉีกปากกว้างเผยให้เห็นคมเขี้ยวนับร้อยพันกระจายทั่วทั้งปาก หวังจะเขมือบนางในคราเดียว แต่ก่อนที่เซียถงจะรีบจ้วงว่ายหนี ร่างของนางพลันถูกผลักออกไปเสียก่อน
“เจ้ารีบขึ้นฝั่งก่อน!”
ชายผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง จากนั้นก็หยิบใช้พละกำลังขุมหนึ่งผลักซัดเกลียวคลื่นผลักร่างของนางให้ไกลออกห่างจากบริเวณดังกล่าว เร่งเร้าพลังลมปราณอย่างบ้าคลั่ง กระโจนขึ้นจากผิวน้ำ กระโดดขี่บนหลังของสัตว์อสูรเทวะตนนั้นโดยตรง
ทันใดนั้นเอง ก็มีคลื่นแสงสีเงินประกายเทาโหมทะลักล้นพวยพุ่งออกมาจากร่างของชายผู้นั้น ระดมเปล่งแสงจัดจ้านอยู่บนฝ่ามือ และตบเข้าใส่กลางหลังของสัตว์อสูรเทวะโดยตรง มันส่งเสียงกรีดร้องคร่ำครวญลือลั่นสั่นสะเทือนผืนน้ำแผ่นดิน ร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของกิเลนสมุทรบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
ชั่วพริบตาต่อมา ขณะที่เซียถงกำลังวิ่งขึ้นฝั่ง พลันปรากฏคลื่นยักษ์ขดเป็นเกลียวม้วนตลบ ก่อตัวขึ้นสูงปิดบังทั่วฟากฟ้าแสงจันทร์ กำลังจะซัดขึ้นฝั่งหวังกลืนกินสรรพสิ่งบนบกให้วินาศสูญในเสี้ยวพริบตา เซียถงที่เห็นดังนั้น เร่งโคจรพลังลมปราณทั้งหมดในกายจนหมุนติ๋วด้วยความเร็งสูงสุด อัดฉีดไปยังสองคู่เท้า วิ่งหนีตายออกไปเสมือนเงาอสนีบาตสีครามเข้มสายหนึ่งที่พยายามหนีคลื่นวารีพิโรธ แต่ไม่ว่าจะเร็วเท่าไหร่ กลับไม่สามารถหนีพ้นออกมาได้เลย
ท่ามกลางคลื่นวารีพิโรธลูกมหึมาถาโถม จู่ๆ ก็มีใครบางคนคว้าข้อมือของเซียถงดังหมับ กระชากนางอย่างแรกให้หนีออกจากคลื่นมหาภัยลูกนี้ เสื้อผ้าทั่วทั้งตัวเปียกชุ่มจนเผยให้เห็นร่างอรชรเปลือยเปล่าภายใน ทั้งยังมีชุดชั้นในสีแดงลูกไม้ตัด บุรุษชายใดเห็นล้วนมิสามารถทนต่อสิ่งยั่วยุระดับนี้ได้ ใครคนนั้นที่ช่วยนางออกมา จู่ๆ ก็ใช้แขนรอบเอวของนางเข้ามากระชับกอดไว้แน่น
“นี่เจ้ายังกล้าปรากฏตัวมาที่นี่อีกงั้นรึ?”
พอได้ยินสุ้มเสียงเอ่ยถามดังขึ้น เซียถงค่อยเงยหน้าติดตามมองต้นเสียงตรงหน้า
ม่านตาดำตีบตันหดเล็กเท่ารูเข็มด้วยความตกใจสุดขีด เซียถงถึงกับหน้าเสียเมื่อเผชิญพบ สบเข้ากับสายตาคู่ดำทมิฬหม่นประกายเบื้องหน้า ปรากฏว่าคนที่กำลังกระชับกอดร่างของนางไว้แน่บแน่นกลับมิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก เย่หลีเทียน!
เป็นใครไม่เป็น ดันมาเป็นเย่หลีเทียนนี่น่ะรึ? จังหวะนรกเกินไปหรือไม่?
มองดูโฉมงามที่ยามนี้เปียกโฉก ผมเผ้าปอยตกเป็นเส้น ติดตามแผ่นหน้า ประดับเคียงคู่ดวงเนตรสีใสนัยน์สั่นไสว มิทราบเพราะเหตุใด แต่เมื่อมองดูเซียถงในเวลานี้ กลับดูทรงเสน่ห์ปลุกกระตุ้นอารมณ์อย่างน่าประหลาด เย่หลีเทียนเชยคางของนางเชิดขึ้นสูงด้วยมือข้างขวาสัมผัสเย็นยะเยือก ใช้เรียวนิ้วชี้กรีดกรายบริเวณคางอันนุ่มนวลสีขาวผ่องของเซียถง ปริปากเอ่ยถามน้ำเสียงฟังดูมืดหม่นหดหู่ว่า
“ครั้นสุดท้ายที่เจอกัน เจ้าแน่มาก! กล้าหลอกข้าผู้นี้งั้นรึ?”
เซียถงพึงตระหนักได้ว่า ร่างกายของนางกับเขาแนบติดชิดกันแนบแน่น จึงอาศัยจังหวะนี้ ยกเท้าขึ้นกระทืบใส่เท้าอีกฝ่ายสุดแรงเพื่อใช้ช่วงชุลมุนดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย
“อยากหนีนักรึ? ไม่ อย่าแม้แต่หวัง คราวนี้เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว! ดูเจ้าสิ ผิวพรรณช่างเรียบเนียน ขาวผ่องดุจหิมะ เลือดที่ไหลเวียนในกายเจ้าจะต้องหวานอร่อยเป็นแน่!”
เย่หลีเทียนคล้ายว่ารู้ทัน เบี่ยงเท้าหลบออกจากการโจมตีของเซียถงได้อย่างง่ายดาย ค่อยๆ ใช้มือข้างขวากดศีรษะของเซียถงให้เอียงลงจนติดไหล่ซ้าย เปิดเรียวคอระหงสีขาวผ่องแผ่ออกกว้าง เขาค่อยๆ ใช้ปลายจมูกไซร้สัมผัสไปตามซอกคอ กลิ่นกายช่างรัญจวนยั่วอารมณ์เสียเหลือเกิน เย่หลีเทียนค่อยๆ อ้าปากแผดคมเขี้ยวอันแหลมคมออกมา จ่ออยู่บนหลอดเส้นใหญ่ใต้ผิวสีขาวนวลของนาง