ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 127 กระบี่ทัณฑ์ฟ้า (1)
ตอนที่127 กระบี่ทัณฑ์ฟ้า (1)
ขณะที่เขาโน้มศีรษะก้มลง ริมฝีปากสีแดงสดของเขาก็ค่อยๆ กางออก เผยคมเขี้ยวแหลมที่กำลังจะกัดเข้าซอกคอสีขาวระหงของเซียถง เล็งไปที่หลอดเลือดแดงใหญ่ใต้ผิว เซียถงหน้าซีดเซียวสุดขีดเนื่องด้วยความกลัว ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดเกินจะควบคุมไหว สติสัมประชัญญะเริ่มเลือนอ่อนลง นางได้แต่หลับตาข่มกลั้นท่ามกลางความสิ้นหวัง
“นายท่าน! รีบหาทางหนีโดยเร็วเถิด!”
จู่ๆ เสียงกรีดร้องลั่นของเสี่ยวฮั่วพลันได้สนั่นลั่นขึ้นมา องค์ความคิดความอ่านที่แตกซ่านกระจายออก ได้กลับมาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง
เซียถงเปิดเปลือกตาลืมตาตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว มองไปที่ใบหน้าขนาดใหญ่ที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ส่องสะท้อนฉายออกมาจากแววตาของนาง นางระงับความกลัวทั้งหมดลงในใจ ยกฝ่ามือขวาขึ้นทาบบนแผ่นอก ระดมพลังลมปราณสะสมทีละน้อยต่อเนื่อง
เมื่อคมเขี้ยวสัมผัสเย็นเยียบแตะลงบนคอ นางก็ใช้สองคู่เท้าออกแรงยันพื้นดีดตัวเองออกมาด้วยพลังทั้งหมด ระเบิดพลังฝ่ามืออานุภาพจัดจ้านคาแผ่นอกของอีกฝ่ายจนหลุดจากพันธนาการได้ในที่สุด ชั่วขณะต้องช่วงชิง นางกระชับจับมีดสั้นกำไว้แน่น พุ่งเสียบทะลวงไหล่ขวาของอีกฝ่ายด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า
ร่างของเย่หลีเทียนถึงกับเสียศูนย์ชั่วขณะ กวัดแกว่งไปมาไม่มั่นคง ขุมพลังความแกร่งกล้าลดฮวบไปชั่วขณะ นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เซียถงหลุดพ้นออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายได้ ร่างเงาไสววาบรุดถอยหลังดั่งน้ำทะเลลงโดยไว ชั่วพริบตา นางตีระยะออกห่างจากเย่หลีเทียนกว่าหลายสิบก้าว
เย่หลีเทียนเหลือบสายตาเคลื่อนหยุดลงบนบาดแผลที่ไหลขวา ยกเรียวนิ้วขึ้นปาดเลือดจากแผลสด นำมาพินิจมองพร้อมตัดสลับไปทางหญิงสาวตรงหน้า
ในเวลานี้ ทั่วร่างกายาของหญิงสาวมีคลื่นพลังสีครามเข้มจัดซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์แห่งขอบเขตเสาหลักฟ้าห่อหุ้มอยู่ สายตาคู่นั้นที่จับจ้องมองมามีแต่ความเย็นชาและเหี้ยมโหด เสมือนสัตว์ป่ากระหายเลือดที่ในหัวมีแต่การเข่นฆ่า พยายามฉีกกระชากศัตรูทุกตนที่บังอาจรุกล้ำอาณาเขตของนาง
ความหวาดกลัวภายในใจของเซียถงลดลงอย่างมาก หลังจากสอดใส่คมมีด เสียบทะลวงไหล่ของเย่หลีเทียน และใจดวงนี้ของนางกลับเป็นความโกรธเกรี้ยวที่เข้ามาแทนที่ ตราบเท่าที่เย่หลีเทียนกล้าก้าวเท้าเข้ามาใกล้อีกแค่ก้าวเดียว นางสาบานได้เลยว่า วันนี้ขอสู้ให้ตายไปข้าง!
“ข้าได้กลิ่นเลือดสดที่ไหลเวียนใต้ผิวหนังของเจ้า กลิ่นมันช่างหอมหวาน ทำให้ข้ารู้สึกหลงใหลเหลือเกิน!”
เย่หลีเทียนยกเรียวนิ้วเปื้อนเลือดสดขึ้นมาลองลิ้มชิมรสคาวหวาน ขณะแลบลิ้นเลีย เขามองไปทางเซียถงด้วยแววตาสุดกระหาย
ทอดสายตามองใบหน้าของหญิงสาวผู้แสนดื้อรั้นและเลือดเย็นตรงหน้า เย่หลีเทียนก็ระบายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก้าวขาเรียวยาวย่ามสามขุมตรงเข้ามาดั่งเงาทมิฬของมารปีศาจที่กำลังย่ำเยือนเข้ามาใกล้นาง รูม่านตาดำสนิทของเซียถงหดตัวลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันคลื่นประกายแสงสีครามที่แผ่ซ่านทั่วกายายิ่งทวีความจัดจ้านสว่างไสวขึ้นอีกระดับ แต่ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงคำรามดังลั่นจากทิศทางบ่อน้ำตก
คลื่นเสียงคำรามกวาดล้างสรรพสิ่งโดยรอบจนวินาศ ซัดเข้าใส่ทิศทางที่สองข้างยืนอยู่พอดิบพอดี ตัวเซียถงถูกคลื่นเสียงยักษ์กวาดกระเด็นออกไป โซซัดโซเซอยู่สองสามก้าวถึงค่อยทรงตัวตั้งมั่นได้อีกครา ในขณะที่เย่หลีเทียนยังคงยืนนิ่งตระหง่านอยู่จุดเดิมไม่มีสั่นคลอน หันหน้าไปทางต้นเสียงคำราม เขาก็พลันพบกับกิเลนสมุทรที่กระโจนขึ้นจากผิวน้ำ ลำตัวยาวดีดดิ้นอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงสู่บ่อน้ำตกอีกครา
บนแผ่นหลังของเจ้ากิเลนสมุทรตนนี้ มีร่างเงาสีเงินประกายเทาทอแสงสว่างระยิบระยับปรากฏอยู่ มือขวาจับด้ามกระบี่เล่มยาวสีเงิน ใบกระบี่กว่าครึ่งเสียบคาอยู่บนหลังของกิเลนสมุทรตนดังกล่าว และไม่ว่ากิเลนสมุทรจะพยายามดีดดิ้น ออกแรงสาดสลัดมากเพียงใด ทว่าเงาร่างสีเงินประกายเทาผู้นั้นยังคงยืนตระหง่านมั่นคงดั่งเสาหิน
คมแสงกระบี่เล่มนี้ช่างดูวิจิตรพิสดาร แผดรัศมีเย็นยะเยือกประหลาดออกมาขุมใหญ่ ยิ่งผู้ถือกระบี่เล่มนี้เป็นชายคนนั้นด้วยแล้ว กระบี่สีเงินเล่มนี้ยิ่งดูแพรวพราวทรงพลังเป็นทวีเท่า
ทุกอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวของเขาช่างสง่างดงาม ทุกท้วงท่าเพลงกระบี่ที่ร่ายกระบวนออกไป ล้วนดูองอาจและยิ่งใหญ่จนน่าเคราพนับถือนัก
เย่หลีเทียนมองไปที่ร่างของชายคนดังกล่าวที่ยืนตระหง่านอยู่บนแผ่นหลังของกิเลนสมุทร ทันใดนั้นมุมปากพลันผุดรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้น แววตาเผยแววรังเกียจยิงเข้าใส่อีกฝ่ายโดยตรง ชั่วอึกใจขณะ เย่หลีเทียนแปรเปลี่ยนกลายเป็นเงาอสนีบาตสายหนึ่ง ถือกระบี่ยาวเปล่งสีเงินประกายวิบวับ ปราดพุ่งเข้าโจมตีชายผู้นั้นด้วยความเร็วสูงสุด หวังพิฆาตชีวาให้ตายในหนึ่งกระบวน
“ระวังหลัง!”
เมื่อสังเกตเห็นภาพฉากดังกล่าว เซียถงรีบเร่งตะโกนใส่ชายผู้นั้นที่กำลังสัประยุทธ์อยู่กับกิเลนสมุทรอย่างเดือดดุให้รับรู้ ทั้งยัง กรอกเทขุมลมปราณชุดใหญ่ โหมทะลักเข้าคลุมเคลือบใบมีดจนคมเฉียบ เจียนกรีดนภาตัดวายุได้ก็มิปาน จากนั้นนางออกแรงเขวียงออกไปสุดกำลัง ยิงจากภาคพื้นพุ่งทะยานเข้าใส่เย่หลีเทียนโดยตรง และเนื่องจากทุกภาพฉากล้วนเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตาเสมือนสะเก็ดไฟแล่บ เซียถงเผลอสำแดงใช้วรยุทธ์ต่อสู้ออกไปโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ภายในคลื่นแสงสีครามเข้ม มีแสงสว่างสีเหลืองอำพันผสมเจือปน เพิ่มระดับความคมให้แก่ใบมีดเล่มนี้เป็นเท่าตัว
ได้ยินเสียงกรีดร้องลั่นของเซียถง ชายคนนั้นเร่งหันศีรษะขวับ ดันไปเจอเข้ากับคมกระบี่ประกายเงินระยับของเย่หลีเทียนที่พุ่งตรงเข้ามา และนั่นกำลังจะเสียบทะลุแผ่นอกของเขาในอีกไม่ช้าแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็พลันได้ยินเสียงกิเลนสมุทรกรีดร้องลั่น มันยกกรงเล็บขึ้นตะปบใส่เขาอย่างดุเดือด ศึกสองทางเข้าจู่โจมใส่เขาโดยพร้อมเพรียง
ชั่วพริบตาต่อมา ชายผู้นั้นตัดสินใจยกกระบี่เล่มยาวในมือขึ้น วาดรัศมีฟาดฟันคลื่นกระบี่จันทร์เสี้ยวออกไป ตรงเข้าประสานงากับคมกระบี่ในมือของเย่หลีเทียน และเสี้ยวอึดใจเดียวกัน คมมีดบินของเซียถงก็พุ่งเข้ามาทางชายผู้นั้นอย่างพอดิบพอดี เขาจึงใช้พันท้ายด้ามกระบี่ตอกเข้าใส่มีดบินของเซียถง เปลี่ยนทิศทางให้มีดบินพุ่งเข้าสกัดกรงเล็บของกิเลนสมุทรที่กำลังโจมตีมาทางเขาได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้คมมีดบินยังแฉลบไปเสียบร่างของมันจนส่งเสียงกรีดร้องลั่นเป็นคำรบสอง
ชายผู้นั้นแหงนศีรษะมองเย่หลีเทียนด้วยสายตาเดือดดาลโกรธจัด กระชับกระบี่ในมือแน่นเตรียมเข้าปะทะจู่โจม แต่จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องจากกิเลนสมุทรแผดดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ตวัดหางยาวดั่งแส้เหล็กกล้าฟาดใส่ทางเย่หลีเทียนอย่างแรง จนอีกฝ่ายต้องรีบกระโดดเลี่ยงหลบออกห่าง เซียถงใช้จังหวะนี้กระโดดพุ่งเข้าประชิดร่างของกิเลนสมุทรตนนั้นโดยตรง กระชากมีดสั้นที่ปักคาเนื้อหนังของมันออก ปรากฏธารเลือดสดไหลซิบออกมาในทันใด
เซียถงไม่หยุดเพียงแค่นั้น นางเกาะร่างอันใหญ่ยักษ์ของกิเลนสมุทรไว้แน่น จากนั้นก็ยกมีดสั้นกระหน่ำแทงมันอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดหย่อน หยาดเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าของนาง ทำเอากิเลนสมุทรกรีดร้องโหยหวนอย่างหนัก ชูศีรษะขึ้นฟากฟ้าและดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำลึกในทันใดเพื่อหลบหนีความสัญชาตญาณ
เนื่องด้วยตัวกิเลนสมุทรกระโดดดำดิ่งสู่ใต้น้ำโดยกะทันหัน ทำให้เซียถงที่เกาะแกะอยู่บนร่างของมันถูกคลื่นยักษ์ซัดกระแทกระลอกแล้วระลอกเล่า ระดับความดันน้ำที่แปรผันเร็วเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะปรับสภาพได้ทัน เกือบทำเอาเซียถงหมดสติเป็นลม ทัศนวิสัยโดยรอบของนางเริ่มดำมืดลง สติสัประชัญญะเริ่มเลือนรางเข้าไปทุกที แต่มือทั้งสองข้างก็ยังกุมเกล็ดหนังกิเลนสมุทรเอาไว้แน่น ได้แต่ท่องกับตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เพื่อกระบี่ทัณฑ์ฟ้า! เพื่อกระบี่ทัณฑ์ฟ้า! เพื่อควบคุมสติมิให้แตกซานดับวูบ!
มีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่า สถานที่ซ่อนกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอยู่ในรังของกิเลนสมุทรตนนี้ และในยามที่มันได้รับบาดเจ็บ สิ่งแรกที่มันต้องทำคือ การหลบหนีกลับเข้ารังตามสัญชาตญาณความอยู่รอด!
กิเลนสมุทรยังคงดำดิ่งสู่ห้วงใต้น้ำราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เซียถงพยายามสุดกำลังเพื่อข่มกลั้นสติมิให้ขาดผึ่ง เชื่อว่าสัตว์ประหลาดตนนี้กำลังแหวกว่ายกลับสู่รังของมันเพื่อรักษาตัว แต่จะอย่างไรเซียถงรู้สึกได้แค่ระลอกคลื่นน้ำรุนแรงซัดขึ้นใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า หูของนางถูกแรงดันน้ำกดจนแก้วหูแทบฉีก ไม่สามารถเปิดเปลือกตาขึ้นมามองได้เลยว่า ขณะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมีแต่ระลอกคลื่นน้ำแรงกระหน่ำซัดอัดเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน ไม่มีแม้แต่เว้นจังหวะให้พัก
ฟองอากาศผุดออกมาจากปากและจมูกของนางอย่างต่อเนื่อง ขั้วปอดเริ่มเกิดสภาวะขาดอากาศหายใจนัก ทำเอาแผ่นอกของเซียถงราวกับถูกหินยักษ์หนักร้อยตันกดทับด้วยความเจ็บปวดเกินพรรณนา สติสัมปชัญญะของนางเริ่มเลือนหายเต็มทน เหมือนจะได้ยินเสี่ยวฮั่วกล่าวอะไรสักอย่างกับนางอยู่ตลอด แต่กลับไม่สามารถจับใจความฟังให้ได้ภาษา
คล้อยหลังประมาณสิบนาที คลื่นน้ำเชี่ยวกรากที่เข้าปะทะใบหน้าก็เริ่มเบาลง จนหายไปในท้ายที่สุด เซียถงสามารถลืมตาขึ้นได้อีกครา ก็ค้นพบว่าตัวนางกำลังนอนแผ่แขนขาอยู่บนชายฝั่ง ร่างกายบอบช้ำจากคลื่นน้ำกระแทก ปวดร้าวเสียวซ่าน นอนพักอยู่บนพื้นอยู่สักครู่ นางถึงค่อยฟื้นพลังงานลุกขึ้นมาได้
วิสัยทัศน์โดยรอบบริเวณที่นางอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะอยู่อย่างไรก็น่าจะยังอยู่ภายในถ้ำ มีหินหงอกหินย้อยเต็มผนังเพดานเปรียบเสมือคมหอกนับไม่ถ้วน กวาดสายตาพินิจมอบสภาพแวดล้อมสักระยะ ก็พึงฟื้นสตินึกถึงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมาได้
เซียถงย่างเท้าเข้าสำรวจส่วนลุกภายในถ้ำตรงหน้าต่อไป ภายในนี้เป็นถ้ำหินขนาดเล็กเปลี่ยว บรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าถ้ำส่วนนอกมาก เดินตรงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดนางก็ได้พบกับ ยอดศิลาโดดเด่นอยู่ก้อนหนึ่ง เพราะยอดศิลาดังกล่าวมีธงสีแดงขาดรุ่ยปักตระหง่านไว้อยู่ เบื้องหน้าปรากฏเป็นกระบี่เล่มยาว ใบกระบี่กว่าครึ่งจมลึกอยู่คาแผ่นศิลา
นี่หรือคือ…กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในตำนาน?