ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 138 ปะทะอสรพิษมหึมา (2)
ตอนที่138 ปะทะอสรพิษมหึมา (2)
“นี่เจ้าไม่รู้อะไรเลยกระมัง? ผมของข้าไม่สามารถงอกขึ้นใหม่ได้!”
หลิวซูโพล่งตะคอกพร้อมสะบัดไหล่ผละมือของเซียถงให้ออกไปไกลๆ จากนั้นก็เงยศีรษะจับจ้องนางตาเขม็ง เสียงกัดฟันขบดังกรอด
เซียถงเหม่อมองไปที่ใบหน้าหลิวซู ต้องถึงกับตื่นตกใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดเนื้อตัวค้างแข็งไปชั่วขณะ เพราะใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่ายกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! นังหนูตัวเหม็นสาบ! หากมิใช่เพราะเจ้า ผมข้าหรือจะขาดเช่นนี้ได้อย่างไร!?”
หลิวซูเปล่งเสียงตวาดลั่น คลื่นเสียงคำรามดังกล่าวแผดทั่วไปทั่วสาทิศ กดสายตาเลื่อนต่ำ จับจ้องไปที่เส้นผมสีเงินวิบวับไม่กี่เส้นในมือ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ความเศร้าโศกเกินพรรณนานัก ก่อนที่ท้ายที่สุด น้ำตาของชายหนุ่มจะรินไหลออกมาอีกครา ทรุดตัวล้มลงกับพื้นด้วยความรู้สึกหม่นหมองอาลัย
ก็เข้าใจได้ว่าเส้นผมมันสำคัญเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าจะถูกโกนหมดหัว? กับแค่เส้นผมขาดไม่กี่เส้น ถึงกับร้องไห้โอดครวญราวกับบิดาสิ้นเช่นนี้เชียว? เซียถงได้แต่ก้มหน้าเฝ้ามองท่าทางการแสดงออกอันสุดแสนจะเศร้าสร้อยอของอีกฝ่าย และทันทีทันใด เสมือนธาตุไฟเข้าแทรกเฉียบพลัน นางอยากจะลั่นเสียงหัวเราะออกมาดังๆ สักคราแต่ทำมิได้ พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อกั้นขำ ถึงขั้นใช้ฟันหน้าขบริมฝีปากล่างเอาไว้หนาแน่แทบเลือดซิบ เสียงหัวเราะขำขันกระจุกอยู่ที่ลำคอ ไม่สามารถปล่อยให้หลุดลอดออกมาได้โดยเด็ดขาด
นางมั่นใจอย่างยิ่งว่า หากตนเผลอหลุดขำเสียงดังลั่นออกมาในขณะนี้ มีหวังหลิวซูได้กระหน่ำตบนางให้ตายไปข้างเป็นแน่ เหลือบมองไปที่หลิวซูที่ยังคงนั่งทรุกอยู่บนพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางก็อดส่ายหัวให้มิได้ ชั่วขณะหนึ่ง ค่อนถอนความสนใจออกมาจากอีกฝ่าย และเงยหน้าขึ้นไปจับจ้องภาพฉากศึกสัประยุทธ์ระหว่างอาหานและอสรพิษมหึมาแทน
อสรพิษมหึมาเชิดหน้าชูคอสูงจู่โจมอาหานต่อเนื่องไม่เว้นช่วง มันเปิดปากฉีกกว้างและพ่นพิษสีเหลืองอำพันเหนียวหนืดยิงใส่ทางอาหานระลอกใหญ่ประดุจน้ำพุแรงดัน ในทางตรงข้าม แทนที่อาหานจะรีบบินหลบ แต่กลับระดมพลังลมปราณขุมใหญ่ควบแน่นก่อขึ้นกลายเป็นชั้นเกราะสีเงินประกายแวววับห่อหุ่มทั่วร่าง พอธารพิษสีอันเหล่านั้นเข้าปะทะชน ต่างฝ่ายต่างมลายหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า
แลเห็นเพียงรัศมีแสงสีเงินบนร่างกายาของอาหานเพิ่มทวีความสว่างไสวเข้มข้นจัดจ้าน กระบี่จันทร์หิรัญในมือพุ่งทะลวงห้วงเวหา ฉีกกระชากสายลมกลายเป็นคลื่นควงสว่านทรงกรวยยิงเข้าใส่ทางอสรพิษโดยตรง
ดวงเนตรกลมโตสีมรกตของมันเบิกกว้างแทนถล่นโดยพลัน รีบเคลื่อนตัวเลื่อยร่างเพื่อเลี่ยงหลบกระบี่ควงสว่านท่านี้ในทันที ทว่าทุกอย่างกลับสายเกินไปแล้ว กระบี่จันทร์หิรัญสาดแสงสีเงินเจิดจรัส ทะลวงเสียบเข้าใส่เบ้าตาซ้ายของมันประดุจสายอสนีสะบั้นแทง อาหานชักกระบี่คมยาวขึ้นเก็บ ดวงเนตรกลมโตขนาดใหญ่ที่พราวแสงมรกตสุกใสก่อนหน้า ยามนี้เหลือเพียงความมืดหม่นไร้ประกายชีวิตชีวาใดๆ อีกต่อไป
เสี้ยวอึดใจต่อมา ธารเลือดสดสาดกระเซ็นพวยพุ่งทะลักล้นดั่งห่าพิรุณ ลำตัวอสรพิษขนาดมหึมาล่ำหนาบิดเกลียวไปมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างบ้าคลั่ง บังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลวง เสียงคำรามคร่ำครวญแผดดังสั่นสะเทือนทั่วโลกา เซียถงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบคว้าตัวหลิวซูที่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้นออกมาโดยไว คู่เท้ากระตุกวูบ เงาร่างสาดไสวเป็นสายยาวหนีออกจากบริเวณนั้นท่ามกลางเศษหินศิลาแผ่นยักษ์ที่ถล่มลงมา
ได้ยินเสียงคำรามคร่ำครวญของอสรพิษมหึมาดังเสียดแก้วหู หลิวซูพลันเงยหน้ามองไปทางมัน เผยแสดงสีหน้าตื่นตะลึงสุดขีดที่เห็นธารเลือดสีแดงสดพุ่งทะลักออกมาไม่หยุดจากดวงตาข้างซ้ายของมัน สีหน้าอสรพิษเหี้ยมดุยามนี้ซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษ เขาเปล่งเสียงรำพึงรำพันกับตนเองพร้อมท่าทางสุดจะเหลือเชื่อว่า
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้… เจ้าหมอนั่นทำอันตรายกับอสรพิษน้อยได้อย่างไร?”
ทันใดนั้นเอง หลิวซูก็ผละมือไม้ออกจากอ้อมแขนของเซียถง เหยียบย่างเศษหินกิ้งก้านต้นไม้แตกหักที่ลอยเคว้งกลางอากาศ ใช้สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนบันไดดีดตัวขึ้นไปหาอสรพิษมหึมา และเริ่มขับกล่อมบรรเลงท่วงทำนองภายใต้ขลุ่ยใบไม้ในมืออีกครั้ง ทว่าก่อนที่จะเริ่มเป่าบรรเลงด้วยซ้ำ หางอสรพิษลำหนาพลันกวาดล้างสาดสะบัดเข้าใส่ทางนี้พอดิบพอดี หางดังกล่าวกระแทกกลางแผ่นหลังของหลิวซู เหวี่ยงร่างของเขาปลิวกระเด็นออกไปโดยตรง
หลิวซูล้มคะมำลงกับพื้นดิน แต่เพียงชั่วขณะอึดใจ ตัวเขาก็อันตรธานหายวับไป เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครา เขายืนอยู่บนศีรษะของอสรพิษมหึมาเป็นที่เรียบร้อย มองดูเบ้าตาข้างซ้ายที่ชุ่มชโลมไปด้วยเลือดสด ชายหนุ่มย่อตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือก้มไปลูบศีรษะของมันอย่างอ่อนโยนเบาๆ ภายใต้การปลอบประโลมของชายหนุ่มผู้นี้ อาการคลุ้มคลั่งของอสรพิษมหึมาก็ค่อยๆ สงบลงทีละเล็กละน้อย
“เจ้าอสรพิษน้อย มาร่วมสู้กับข้า!”
ชายหนุ่มเปล่งเสียงคำรามสนั่น ขณะลุกขึ้นก็พลางสบสายตามองไปที่อาหานที่กำลังยืนตระหง่านกลางเวหา สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยแววความเร่าร้อน และยกขลุ่ยใบไม้ขึ้นแตะสัมผัสบนริมฝีปากอีกครั้งพร้อมเป่าบรรเลงออกมา
ท่วงทำนองเสียงขลุ่ยพิสดารเริ่มก้องกังวานขึ้นเป็นคำรบสอง ทว่าคราวนี้กลับแตกต่างไปจากก่อนหน้า เพราะปัจจุบัน เสียงขลุ่ยที่ได้ยินมันฟังดูและโศกเศร้าและอาลัยกว่าก่อนหน้ามากมายนัก อสรพิษมหึมาจู่ๆ ก็ส่ายศีรษะขนาดยักษ์ใหญ่สั่นไปมา ถึงแม้จะตาบอด แต่หูของมันยังสามารถได้ยินเสียงขลุ่ยอย่างชัดแจ้ง ทันใดนั้น ร่างของมันก็เลื่อยเข้าจู่โจมอาหานอย่างบ้าคลั่ง!
ต่อให้ตาจะบอดไปข้าง แต่ในเรื่องทิศทางความแม่นยำในการโจมตียังคงเที่ยงตรงถูกต้อง!
อาหานยืนหยัดกลางเวหาพร้อมกระบี่จันทร์หิรัญในมือ ปราดเข้าเผชิญหน้ากับอสรพิษมหึมาที่พุ่งเข้าหาอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ แกนร่างปราการร่างกายมั่นคงหนักแน่นไม่สั่นคลอน ผมเผ้าและชายเสื้อคลุมยาวบิดพลิ้วไสวตามสายลม
ทั้งสองฝ่ายเข้าประจัญบานใส่กันไม่มีลังเล!
ทางฝ่ายอาหาน เมื่อลุมาถึงระยะหวังผล รัศมีแสงสีเงินบนร่างกายก็ยิ่งเดือดปะทุโหมทะลักเพิ่มเป็นทวี ทั่วทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกเร้นซ่อนอยู่ภายในรัศมีแสงสีเงาเปล่งประกายสว่างจ้า ชั่วขณะอึดใจ ชักนำเสียงลมพายุโรมรันดุร้ายเกรี้ยวกราด คลื่นแรงกดดันปริมาณข้นคลั่กครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ประกายแสงลมปราณสีเงินใสบริสุทธิ์แสนวิจิตรตระการตาพรั่งพรูออกมาจนท่วมท้น กลายเป็นดาวตกสายหนึ่งดิ่งพสุธาไปที่หน้าท้องของอสรพิษมหึมาตรงหน้า
ประดุจเส้นคมตัดแบ่งระหว่างฟ้าดิน ประกายแสงสีเงินพุ่งทะลวงหน้าท้องของอสรพิษตนนั้นโดยปราศจากสิ่งใดกรีดขวาง และทะลุออกมาจากด้านหลังในชั่วพริบตาต่อมา ดวงดาราพราวแสงพรายสว่างหยุดชะงักค้างเติงกลางอากาศ
ถึงแม้จะพึ่งทะลวงผ่านหน้าท้องของอสรพิษมหึมาหมาดๆ ทว่าเนื้อตัวทั่วร่างของอาหานยังคงสะอาดปราศจากร่องรอยคราบเลือดใดๆ ในมือมีเพียงกระบี่เล่มยาวฉายแสงเงินประกายเยียบเย็น เคลื่อนหางตาเหลือบมองไปยังอสรพิษที่อยู่เบื้องหลังด้วยทีท่าอันสงบนิ่ง