ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 146 ยั่วโมโห (2)
ตอนที่146 ยั่วโมโห (2)
เส้นเลือดสีเขียวม่วงบนหน้าผากแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วค่อยๆ ปูดโปน ใบหน้าสั่นสะท้านรุนแรง แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเขาในเวลานี้เริ่มจะมีโทสะขึ้นมาแล้ว สาวน้อยใบหน้าอัปลักษณ์นางนี้กล้าสบตากับเขาโดยไม่มีเกรงกลัวเช่นนี้เสมอมา และสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือ ไม่ว่าสายตาของเขาจะเยียบเย็นและเสียดคมเพียงใด ทว่าดวงตาคู่นั้นของนางก็ยังเย็นชาปราศจากแววไหวหวั่นใดๆ
หากมิใช่เพราะระดับความแข็งแกร่งมันแตกต่างกันจนเพิกเฉยกันได้ ก็คงเป็นเพราะอีกฝ่ายมีนิสัยขวางโลก
และเห็นได้ชัดเจนว่า เซียถงเป็นอย่างหลัง
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วจ้องหน้าเซียถงเขม็ง เชิดหน้าขึ้นสูงด้วยความโกรธจัด ชี้นิ้วไปที่ประตูเรียนพร้อมก่นเสียงเย็นชาดังสนั่นว่า
“เซียถง เจ้าออกไปซะ”
ซึ่งน้ำเสียงที่เปล่งดังออกมาในคราวนี้ มันหาใช่น้ำเสียงที่เขาใช้กับศิษย์สาวก แต่เป็นในฐานะแม่ทัพที่ใช้สั่งการผู้ใต้บัญญาโดยสมบูรณ์
“เหตุใดข้าถึงต้องออกไป?”
เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วกำลังสร้างปัญหาให้นาง ทว่าเซียถงกลับมิได้สนใจหรือหวาดกลัวเลย
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการเข้าชั้นเรียนของข้าผู้นี้นัก เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลามานั่งเรียนในนี้เลยดีกว่าจริงหรือไม่?”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วตวาดน้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาเริ่มมืดทมิฬหม่นประกายลง
“หากข้ากำลังนั่งอยู่ที่นี่ก็แสดงว่าย่อมสนใจที่จะเรียนวิชานี้โดยธรรมชาติ หรือแม่ทัพจางแก่ชราเสียแล้ว ถึงสายตาฟากฟางปานนี้?”
เซียถงขานตอบกลับไปพร้อมเลิกคิ้วมองเล็กน้อย
“เจ้าโดดคาบเรียนของข้าตั้งหลายครั้งติดต่อกัน เป็นที่ชัดแจ้งดีเยี่ยมว่า เจ้าไม่ต้องการเข้าเรียนในแขนงวิชาของข้าผู้นี้อีกต่อไป”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋ววางมือทั้งสองข้างพักพิงไว้บนแท่นสอนเบื้องหน้า ดวงตาแทบจะพ่นไฟความโกรธออกมาได้แล้ว
“ข้าขาดเรียนเพราะมีเหตุผลรองรับ แต่ไฉนแม่ทัพจางถึงต้องทำเป็นน้อยอกน้อยใจราวกับสาวน้อยเฉกเช่นนี้?”
เซียถงสวยตอบกลับไปทันที ดวงตาคู่สวยงามกวาดมองรอบห้องเรียนไปทีหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะคิกคักกล่าวเย้ยเยาะขึ้นว่า
“นอกจากนี้แล้ว หากเปรียบเทียบกับพวกแอบหลับในชั้นเรียน ข้าที่ลาหยุดโดยมีเหตุผลรองรับ คนที่สมควรโดนไล่ออกจากห้องไม่ควรเป็นข้าแต่เป็นพวกแอบหลับเสียมากกว่า”
“นอกจากเจ้าแล้ว ไม่เคยมีใครมีเรื่องไร้มารยาทเฉกเช่นนี้เจ้าอีกแล้วในชั้นเรียน!”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วตวาดเสียงแข็งตอบโต้ ถลึงตากลมโตใส่เซียถง
“แน่ใจรึว่าไม่มีใครแอบงีบหลับ?”
เซียถงเลิกคิ้วกระตุกขึ้น ยิงคำถามกลับไปพร้อมสีหน้าเชิงปั่นประสาท
“ไร้สาระ! ใครกันที่กล้างีบหลับในชั้นเรียนของข้าแม่ทัพผู้นี้!”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วโมโหเดือดจัดแล้ว
เซียถงเม้มริมฝีปากพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ทว่าสายตากลับมุ่งไปตรงเบื้องหน้าของนาง ตรงนั้นเหมือนว่าจะมีใครบางคนแอบงีบหลับอยู่จริงๆ แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วเคลื่อนสายตาติดตามทิศทางที่เซียถงจับจ้องไป ก็จะเสาะพบเข้ากับปรมาจารย์เสวี่ยที่กำลังหลับตางีบอยู่อย่างสุขสบาย
“ปรมาจารย์เสวี่ยท่านนี้เป็นผู้ติดตามของข้าที่เสด็จพ่อแต่งตั้งขึ้นมา มิได้มาร่ำเรียนศึกษาแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นกรณีพิเศษ”
พอเห็นว่าแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วผู้กำลังเดือดดาลสุดขีดจ้องตาใส่ปรมาจารย์เสวี่ยตาเขม็ง ไป๋หลี่เย่ที่นั่งอยู่เคียงข้างจึงรีบโพล่งอธิบายทันที
“โอ้! ข้าเข้าใจแล้ว! ขนาดเขามิได้ประสงค์มาร่ำเรียนศึกษากับท่านก็ยังสามารถนั่งในชั้นเรียนนี้ได้! แต่ในทางตรงข้าม ข้าที่มีความปรารถนาจะศึกษาวิชากลยุทธ์จากแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ กลับถูกขับไสไล่ส่งให้ออกไป! หรือเป็นไปได้ไหมว่า…แม่ทัพจางจะกำลังดูถูกสตรีเพศอยู่?”
เซียถงพยักหน้าอย่างต่อเนื่องราวกับเข้าใจถึงสัจธรรมอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นบรรดาศิษย์สาวกที่เป็นผู้หญิงบางคนก็เริ่มมองไปทางแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วด้วยสายตาแปลกๆ
เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วกำลังเล็งเป้าหมายรังแกเซียถงอย่างชัดแจ้ง ต่อให้อ้างว่า อีกฝ่ายไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าเรียนก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะแม้แต่คนติดตามของไป๋หลี่เย่ก็สามารถเข้ามางีบหลับในชั้นเรียนแห่งนี้ได้เช่นกัน ทั้งนี้มุมมองต่อแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วจะถูกแตกแขนงออกไปสองทาง หนึ่ง แม่ทัพผู้นี้เป็นพวกชอบรังแกเด็กไม่มีทางสู้และอ่อนแอกว่า สอง แม่ทัพผู้นี้เป็นพวกเพศนิยม ลำเอียงไปทางผู้ชาย แต่ดูถูกดูแคลนในผู้หญิง ซึ่งไม่ว่าใครจะมองไปทางนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องในทางลบทั้งสิ้น!
“แม่ทัพจางคงมองว่า ข้าเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอคนหนึ่ง รวยก็ไม่รวย ภูมิหลังที่ใหญ่โตก็ไม่มีดั่งคนอื่นเขา ก็เลยเอาแต่สร้างปัญหาให้แก่ข้าไม่เว้นวาย?”
เซียถงคว้าชายเสื้อของตนแสร้งทำเป็นซับน้ำตาเบาๆ กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม
“จะ-เจ้า! เจ้ากำลังพูดไร้สาระอันใด? ข้าเคยสร้างปัญหาแก่เจ้าตั้งแต่เมื่อใด?!”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วเริ่มปวดประสาทขึ้นไปทุกที เปล่งเสียงคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวจัด
“เห็นหรือไม่? กับแค่ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ท่านก็ลืมไปเสียแล้ว หรือเป็นไปได้ไหมว่า ท่านมิเคยแม้แต่จะใส่ใจความรู้สึกของศิษย์สาวกเลยด้วยซ้ำ? แม่ทัพจาง…ท่านปฏิบัติอย่างไร้คุณธรรมเช่นนี้กับทุกคนเลยกระมัง?”
เซียถงกล่าวต่อพร้อมท่าทีที่แสนโศกเศร้าและผิดหวัง
แม่ทัพจางยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสายตาจำนวนมากมายทั่วทั้งชั้นเรียนจับจ้องมาที่เขาเป็นทางเดียว ยามนี้รู้สึกขายหน้าจริงๆ ที่ต้องมาโดนเซียถงทำตัวแข็งข้อใส่แบบนี้
“เพราะเหตุใดแม่ทัพจางถึงต้องมองข้าด้วยสายตาโหดเหี้ยมเช่นนี้? หรือท่านกำลังคิดว่า ข้าพยายามแข่งข้อพูดจาโต้เถียงกับท่าน? ไม่เลย…เกรงว่าแม่ทัพจางจะคิดมากเกินไป ต่อหน้าแม่ทัพใหญ่ผู้ทรงสง่า ทั้งยังเป็นดั่งต้นแบบในการดำเนินชีวิตของข้าและใครอีกหลายคน มีหรือที่เด็กน้อยเฉกเช่นข้าจะกล้าข้อแข็งขัดแย้ง?”
เซียถงแหงนหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพบว่าสีหน้าการแสดงออกของนางพบแต่ความโศกเศร้าเสียใจอยู่เต็มไปหมด
“เซียถง เจ้าอย่าได้ใจเกินไป!”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วยกฝ่ามือขนาดใหญ่ทั้งสองข้างตบโต๊ะเสียงดังปัง สีหน้าการแสดงออกยิ่งดูหม่นหมองทมิฬมืดลงเข้าไปใหญ่ เส้นเลือดเสียประสาทสีน้ำเงินเขียวม่วงพัลวันปูดโปนจนเป็นเส้นหนาเต็มหน้าผากไปหมด นี่แสดงให้เห็นว่า เขาชักจะหมดความอดทนกับสาวน้อยนางนี้แล้ว!
“เซียถงคนนี้มิทราบ คำว่า ได้ใจ มันเขียนอย่างไร? เกรงว่าต้องรบกวนแม่ทัพจางช่วยสอนเสียแล้ว?”
ทันใดนั้น เซียถงพลันแสยะยิ้มกระตุกขึ้นบนมุมปาก ลุกขึ้นจากโต๊ะพรวดพราด ดวงตาจากที่เศร้าหมองแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นยะเยือก ทำเอาอุณหภูมิภายในห้องเรียนพลันลดฮวบต่ำลงโดยไร้เหตุผล
ทันทีที่เซียถงเอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกไป ทุกคนภายในห้องต่างทราบทันที เจตนาแท้จริงของหญิงสาวนางนี้คือยั่วโมโหกันตรงๆ!
นางเสียสติไปแล้วรึ? ยั่วโมโหแม่ทพจางเจิ้งกั๋วในที่สาธารณะเช่นนี้? ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความแข็งแกร่งของแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วเลย อาศัยเพียงอำนาจอิทธิพลในกำมือก็สามารถขับไล่เซียถงออกจากสถานศึกษาเซิงหลิงได้สบายๆ แล้ว โดยหยิบยกข้อหาท้าทายผู้เป็นอาจารย์มาใช้
ไป๋หลี่เย่เหลือบมองย้อนกลับไปที่เซียถงืที่อยู่ด้านหลัง สีหน้าแววตาของเขาในเวลานี้ดูสับสนยิ่งยวด ถึงแม้เซียถงจะเป็นมีนิสัยเย่อหยิ่งเพียงใด แต่ก็พึงทราบ คนอย่างนางมิใช่พวกหาเรื่องคนอื่นก่อน แต่นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? จู่ๆ ก็แสดงท่าทีก้าวร้าวต่อแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วกันอย่างหน้าตาเฉย?
ข้างกายไป๋หลี่เย่ ปรมาจารย์เสวี่ยลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย หรี่มองไปทางเซี่ยถงเจือร่องรอยความอยากรู้อยากเห็นอยู่หนึ่งส่วน สาวน้อยอายุแค่สิบสี่สิบห้าปี ตัวกระจ้อยไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน ถึงกล้าไปงัดกับแม่ทัพจางเจิ้งกั๋ว?
“เซียถง เจ้าต้องการต่อสู้กับข้าผู้นี้งั้นรึ?”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วกวาดสายตามองทั่วทั้งร่างเซียถงไปหนึ่งปราด ทันทีทันใด รัศมีจิตสังหารสุดข้นคลั่กพลันทะลักล้นออกมา
หุหุ ต้องการจะสู้กับนาง? เซียถงคลี่ยิ้มบางๆ กับตนเองภายในใจ หรือนี่จะเป็นโอกาสเหมาะแล้วสำหรับการทดลองใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้า? แต่เดี๋ยวก่อน…ไม่ ไม่ ไม่…ข้ามีวิธีที่ดีกว่าแล้ว!
ทันทีที่นึกถึงแผนการใหม่ที่เพิ่งผุดขึ้นมา ประกายแสงสุดเจ้าเล่ห์พลันโฉบแล่นแวบผ่านขึ้นมาจากดวงตา
เซียถงยกมือขึ้นประสานต่อหน้าแม่ทัพจางเจิ้งกั๋ว ยิ้มกล่าวว่า
“หากแม่ทัพจางปรารถนาที่จะสอนสั่งกัน เซียถงคนนี้ย่อมไม่ปฏิเสธ”