ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 149 ความจริงใจ (1)
ตอนที่149 ความจริงใจ (1)
นางรีดไถไปตั้งหกแสนเหรียญทองแล้ว แต่กับแค่สามสิบเหรียญทองก็ยังไม่เว้น…
มุมปากเซียถงพลันกระตุกเช็กน้อย เหลือบมองไปที่หยุนซีที่ออกโรงคว้านิ้วโป้งของแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วมาประทับลงบนสัญญาฉบับนั้นด้วยตนเอง บริเวณมุมขวาล่างปรากฏเป็นลายนิ้วมือสีแดงสดบนกระดาษแผ่นขาว โดยมีเขียนกำกับไว้ว่า แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วติดค้างหนี้สินหยุนซีเป็นจำนวนหกแสนกับอีกสามสิบเหรียญทอง!
หยุนซีเป่าฝุ่นหมึกที่ตกค้างอยู่ตรงรอยประทับนิ้วสีแดงบนกระดาษเบาๆ กวาดประกายสายตาสีดอกท้อมองดูตัวเลขภายในสัญญา นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางรำพึงขึ้นว่า
“ยิ่งเหรียญทองเยอะยิ่งดี!”
“ใช่แล้วท่านอาจารย์!”
เซียถงพยักหน้ากล่าวเสริม
พับกระดาษสัญญาลงในใต้แขนเสื้อ และจู่ๆ ดูเหมือนว่าหยุนซีจะเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางเบนศีรษะกวาดสายตามองซ้ายทีขวาทีอยู่รอบหนึ่ง ทันใดนั้นพลันหันขวับจับจ้องเซียถง กล่าวเสียงกระซิบขึ้นว่า
“เซียถง ช่วงวันสองวันมานี้ เจ้าเคยพบเห็นชายหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี ไว้ผมยาวสีเงินและดวงตาสีแดงบ้างหรือไม่? เมื่อคืน ชายหนุ่มคนนั้นก็แอบดูข้าอาบน้ำเช่นกัน!”
หลิวซูงั้นเหรอ?! เซียถงร้องอุทานลือลั่นตกใจสุดขีด พลางแอบกัดฟันอย่างลับๆ
“หากเจ้าตามจับเจ้าหนุ่มคนนั้นมาได้ ข้าจะไถเงินมันสักห้าหกแสนเหรียญทอง!”
หยุนซียกมือเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิด ดวงตากลอกกลิ้งไปมา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความขมขื่น และกล่าวต่อว่า
“ไม่สิ ไม่สิ หากคราวหน้าเจอมัน ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปข่มขู่มัน หากไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญทอง เตรียมถูกแฉได้เลย!”
เซียถงในเวลานี้ใบหน้าหมองคล้ำกลายเป็นขี้เถ้าไปเรียบร้อย
หนึ่งล้านเหรียญทอง? ถึงแม้ตอนนี้นางจะเป็นนักหลอมโอสถ แต่เกรงว่าก็มิสามารถทนต่อการขู่กรรโชกทรัพย์ของหยุนซีขนาดนี้ไม่ไหวเช่นกัน ดังนั้นแล้ว นางจะต้องรีบกลับไปตักเตือนหลิวซูขั้นเด็ดขาดว่า ห้ามไปยุ่มย่ามกับหยุนซีอีกในภายภาคหน้า
“ท่านอาจารย์จำคนผิดไปรึเปล่า? ตั้งแต่ข้าอยู่ย้านเข้าเรียนที่นี่ ก็ยังไม่เคยเห็นใครไว้ผมยาวสีเงินเลยสักคน”
เซียถงแสร้งตีเนียน ปั้นหน้าสับสนงุนงงพลางครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวกับหยุนซี
“อืม…ก็อาจจะ ตอนนั้นก็ดึกมากแล้วด้วย”
หยุนซีเอ่ยตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะทันทีที่นางกระโดดออกมาจากอ่างไม้เตรียมไล่ล่าจับเป็น มีเพียงปลายหางตาของนางเท่านั้นที่พอจะจับได้ว่าเป็นเงาชายหนุ่มผมยาว แต่ที่ดูชัดเจนที่สุดในความมืดก็คือดวงตาสีแดงทับทิมคล้ายอัญมณี
หลังจากจัดการเรื่องสัญญาเสร็จสิ้น หยุนซีก็ลากร่างของแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วลงไปตรงอ่างแช่น้ำสมุนไพรบุปผา และตักน้ำในนั้นขึ้นราดใส่หน้าอีกฝ่ายให้ตื่น
ไม่นาน แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วก็ฟื้นสติขึ้นมา แลเห็นว่าหยุนซีกำลังเทน้ำจากอ่างอาบน้ำไม้ที่เมื่อครู่นางเพิ่งลงไปแช่กาย เขาก็แทบจะเป็นลมอีกรอบ
“นี่! ตื่นได้แล้ว! เจ้าเป็นหนี้ข้าสิริรวม หกแสนกับอีกสามสิบเหรียญทอง! หากเจ้าไม่เอามาจ่ายภายในสามวัน ข้าจะเดินไปเคาะประตูถึงเรือนนอนของเจ้า!”
หยุนซีหยิบสัญญาฉบับนั้นขึ้นมาให้ดูตรงหน้า พลางโบกไม้โบกมือเพื่อดูว่าแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วยังมีสติอยู่หรือไม่
“หยุนซี! นี่จะเกินไปแล้ว! เจ้าเอาน้ำที่ใช้แช่ตัวมาสาดใส่หน้าข้าจริงๆ!”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วรีบลุกขึ้นพรวดยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกท่อนแขนขึ้นปาดเช็ดบริเวณใบหน้าด้วยความร้อนรนตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นมองริมฝีปากของหยุนซีที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
น่าอัปยศสิ้นดี! ถูกน้ำแช่ตัวของหญิงสาวนางนี้สาดใส่หน้า!
“น้ำสมุนไพรบุปผาที่ข้าเพิ่งแช่ไปก็คือยาถอนพิษของเจ้า สำหรับในส่วนนี้ข้าคิดแค่สามแสนเหรียญทองพอ เจ้าจะได้รับทั้งอ่างไม้และน้ำแช่ตัวภายในนั้นกลับไป แล้วอย่าลืมแช่ตัวในอ่างนี้เพื่อถอนพิษเสียล่ะ”
หยุนซีเคลื่อนสายตาเหลือบมองไปทางแม่ทัพจางเจิ้งกั๋ว ส่งยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มมอบให้
ยาถอนพิษราคาสามแสนเหรียญทองกลับกลายมาเป็นน้ำแช่ตัวในอ่างไม้ของหญิงสาวนางนี้? แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วถึงกับยกมือกุมศีรษะรู้สึกปวดเศียรขึ้นทันใด พยายามหายใจเข้าแช่มลึกสองสามคราเพื่อป้องกันมิให้ภาพตัดเป็นลมไปอีกรอบ
สีหน้าของแม่ทัพจางเจิ้งเห่อร้อนแดงก่ำลามไปถึงใบหู เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง จับจ้องหยุนซีตาเขม็งด้วยความโกรธเกรี้ยวเดือดดุอยู่ทีหนึ่ง และสะบัดแขนเสื้อยกอ่างไม้อันนั้นขึ้นแบกไว้บนบ่า ส่วนอีกมือที่ว่างก็เอามาปิดหน้า และวิ่งอ้อมไปทางกำแพงหลังสถานศึกษาเพื่อกลับไปโดยไว
“แม่ทัพจาง อย่าลืมเสียล่ะ! เจ้ายังติดหนี้ข้าอยู่หกแสนกับอีกสามสิบเหรียญทอง! หากเบี้ยวไม่ยอมจ่ายจนข้าต้องไปทวง เรื่องที่เจ้าแอบดูข้าแช่น้ำ คงไม่หลุดไปถึงหูฮูหยินซุนแค่คนเดียว เกรงว่าจะหลุดไปทั่วทั้งเมือง!”
หยุนซีตะโกนทิ้งท้ายบอกให้แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วรับทราบ
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วถึงกับสะดุ้ง และเร่งความเร็วสูงขึ้นถนัดตา
อาจารย์ของสถานศึกษาเซิงหลิง สามารถบังคับให้แม่ทัพใหญ่แห่งจักรวรรดิตงหลี่ต้องวิ่งไต่กำแพงด้านหลังออกไปพร้อมกับอีกมือที่กำลังแบกหามอ่างไม่ได้ เซียถงที่ได้เห็นดังนั้น ต้องเอ่ยปากชื่นชมความแข็งแกร่งของหยุนซีจากใจจริง
“ทั้งที่เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่า ข้ากำลังแช่ตัวในอ่างสมุนไพรบุปผาในช่วงเช้า แต่เจ้าก็จงใจล่อให้แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วมาที่นี่?”
ทันทีที่เห็นแม่ทัพจางดจิ้งกั๋วจากออกไปโดยไม่เลยแม้กระทั่งเงา รอยยิ้มทั้งหมดทั่วใบหน้าของหยุนซีก็ค่อยๆ จางหายออกไป และเหล่หางตามองเซียถงแทน
“หากมิใช่เพราะข้า วันนี้ท่านอาจารย์หยุนซีจะได้เงินกว่าหกแสนเหรียญทองมาครอบครองได้อย่างไร?”
เซียถงมองหน้าหยุนซี เอ่ยถามออกไปอย่างรู้ทัน
“ก็ถูกของเจ้า”
หยุนซีพยักหน้าตอบไปตามปกติ แต่เสี้ยวพริบตานั่นเอง จู่ๆ ประกายแสงพลันสาดไสวปราดพุ่งเข้าใส่เซียถง เรียวมือหยกของหยุนซีคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายกระชากขึ้นมาด้วยสองมือ คำรามลั่นด้วยความโมโหต่อหน้าต่อตาว่า
“หากคราวหน้าบังอาจไปเชื้อเชิญใครมาดูข้าแช่น้ำอีก ก่อนฆ่ามัน เจ้าเตรียมตัวตายก่อนได้เลย!”
“เอ่อ…ท่านอาจารย์หยุนซี ท่านคิดว่าแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วจะกล้าทำเช่นนี้เป็นครั้งที่สองหรือไม่? บางที…เขาอาจรู้สึกพิสมัยในตัวท่านโดยมิได้ตั้งใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้!”
เซียถงรีบเปลี่ยนประเด็นและผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วแทน
ทว่าบุคคลตรงหน้าของเซียถงกลับเป็นหยุนซี และลูกไม้ตื้นๆ เพียงเท่านี้มิสามารถหลอกนางได้ คลายคอเสื้อของเซียถงลงมา นางยื่นมือแบฝ่ามือสีขาวผ่องขึ้นต่อหน้าอีกฝ่ายและกล่าวว่า
“เจ้าบังอาจพูดเรื่องที่ทำให้ข้าเสียสุขภาพจิต ค่าเสียขวัญหนึ่งร้อยเหรียญทอง!”
“ติด! ขอติดไว้ก่อน!”
เซียถงสวนตอบกลับโดยไม่มีลังเล
สิ้นเสียง เซียถงก็หมุนตัวกลับและเดินจากไปโดยไม่แลมองใบหน้าบึ้งตึงปนหงุดหงิดของหยุนซีอีกต่อไป เพราะตอนนี้นางบรรลุจุดประสงค์ที่วางเอาไว้แต่ตั้งแรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุใดอันใดให้ต้องอยู่ต่อ ใครจะไปรู้ล่ะว่า บางทีสตรีโฉดนามหยุนซีจะหาเรื่องอะไรให้นางต้องเสียทรัพย์เพิ่มอีกหรือไม่?
วิกฤตจากแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วจบลงด้วยพร้อมกับข้อเท็จจริงที่ว่า ปัญหานี้ได้กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น และเซียถงก็มั่นใจว่า เขาจะไม่กล้าสร้างปัญหาให้แก่นางอีกสักพักใหญ่ หากข่าวที่เขาแอบดูหยุนซีแช่น้ำในสภาพเปลือยกายแพร่พระจายไปทั่วเมืองขึ้นมาจริง แค่เหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ชื่อเสียงของแม่ทัพผู้ฉลาดเฉลียวจนไม่เหลือชิ้นดี
มองหามุมสงบเงียบปราศจากผู้คน เซียถงสื่อจิตเรียกตัวหลิวซูออกมาโดยไว
“เจ้าเรียกข้ามามีธุระอะไร?”
หลิวซูยืนพิงกำกับลำต้นไม้เคียงข้าง สองมือกอดแผ่นอกและเอ่ยถามพร้อมสีหน้าคร้านเกียจ
“ในอนาคตต่อไป เจ้ามิได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้อาจารย์หยุนซี แล้วเจ้าก็ห้ามแอบดูนางอาบน้ำอีกเด็ดขาด!”
เซียถงถลึงตามองหลิวซู เปล่งเสียงเย็นชืดในเชิงสั่งการ หากหยุนซีทราบขึ้นมาว่า วิญญาณกระบี่ของนางแอบไปดูตนอาบน้ำ เกรงว่าคนที่ต้องรับผิดชอบคงไม่พ้นนาง
“ใครจะไปแอบดูนางอาบน้ำกัน? เมื่อครู่ข้ากำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่ในเมือง”
หลิวซูกล่าวขึ้นอย่างไร้เดียงสา
“หากเจ้ากล้าสร้างปัญหาให้ข้า เตรียมถูกถอนผมได้เลย!”
เซียถงหมุ่นคิ้วขมวดแน่น เคลื่อนสายตาเลื่อนขึ้นไปมองผมเผ้ายาวสลวยสีเงินประกายของอีกฝ่าย สีหน้าการแสดงออกดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก
หลิวซูรีบยกมือปิดป้องผมบนศีรษะ กล่าวน้ำเสียงปนขุ่นมัวราวกับกำลังไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า
“ไหนเจ้าบอกว่าจะให้อิสรภาพกับข้าไง? หรือไม่ต้องการกระบี่เล่มนี้แล้วกระมัง?”
“แต่อิสรภาพที่ว่า มันมิใช่การไปคุกคามล้ำเส้นความเป็นส่วนตัว อย่างการไปแอบดูคนอื่นอาบน้ำเช่นนี้! นี่ถือเป็นเรื่องผิดศีลธรรมมากในโลกภายนอก!”
เซียถงกล่าวตอบพร้อมใบหน้าที่บูดบึ้ง