ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 152 ศึกสัประยุทธ์แสนลำบาก (2)
ตอนที่152 ศึกสัประยุทธ์แสนลำบาก (2)
เซียถงไล่ตามเสือโคร่งเหมันต์ตนนั้นไม่มีลังเล สะบัดคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าฟันฟาดออกไปอีกระลอก ตัดขาหลังของมันตนนั้นจนขาดด้วนในเสี้ยวพริบตา
ร่างของเสือโคร่งเหมันต์เสียการทรงตัวฉับพลันล้มคะมำลงไถลพื้นดินเป็นทางยาว มันพยายามลุกขึ้นเชิดหน้าเงยศีรษะเพื่อสูดอากาศเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ ทอดสายตามองย้อนกลับไปมองศพของสหายที่ถูกผ่าครึ่งแน่นิ่ง และจู่ๆ มันก็หอนเสียงแผ่วเล็ดลอดออกมาจากปาก
หลังจากนั้นไม่นาน เสือโคร่งเหมันต์ตนนั้นก็เคลื่อนสายตาหยุดลงที่เซียถง นัยน์ตาสีขวาพิสุทธิ์ของมันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงฉานในทันที แววพิสดารบ้าคลั่งฉายสะท้อนออกมาผ่านดวงตาคู่นั้น พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยสามขาที่เหลือ และพุ่งเข้าหาเซียถง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันกำลังจู่โจมด้วยความเกรี้ยวโกรธที่มี
ทว่าเซียถงเองก็หาได้สนใจเลยไม่ หันคมกระบี่สาดประกายเยียบเย็นสะท้อน ตัดช่วงบริเวณหน้าท้องของมันขาดครึ่งท่อนในเสี้ยวพริบตา ทุกการเคลื่อนไหวของนางช่างเด็ดขาดไร้ใจ
เลือดสดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วตัวเซียถง ถือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มยาวไว้ในมือข้างขวาค้างตระหง่าน เห็นเป็นหยาดโลหิตรินหยดลงมาจากปลายใบกระบี่สู่พื้นดินเสียงดังติ๋ง แล้วค่อยหันมามองเสือโคร่งเหมันต์ตนนั้นที่ตัวขาดครึ่งกองอยู่บนพื้น แลเห็นเพียงว่า ครึ่งท่อนบนของมันพยายามจะตะเกียกตะกายยืนขึ้น หวังเพียงคลานไปหาสหายทั้งสองของมันที่ตายลงไปแล้ว สุดท้ายมันก็ลากร่างที่ขาดครึ่งท่อนของตน ไปนอนซบกดศีรษะข้างๆ ศพสหายของสหายมันด้วยความอาลัยรัก ดวงตาที่กระหายเลือดบ้าคลั่งค่อยๆ โอนอ่อนลง จนเหลือแค่เพียงความสงบนิ่งบนดวงตาคู่นั้นของมัน ก่อนที่จะจากไปอย่างมีความสุข
ภาพฉากสะเทือนใจตรงหน้าของพวกเสือโคร่งเหมันต์ ได้ชำระความเหี้ยมโหดบนใบหน้าของเซียถง นางได้แต่เฝ้ามองศพทั้งสามตรงหน้าพลันรู้สึกสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก เห็นว่าเสี่ยวฮั่วกำลังลอยออกมาเพื่อดูดกลืนวิญญาณของพวกเสือโคร่งเหมันต์ทั้งสามเบื้องหน้า นางก็เอ่ยปากหยุดไว้ทันทีและกล่าวว่า
“เสี่ยวฮั่ว อย่ากินพลังวิญญาณของพวกมันเลย”
“ทำไมกัน?”
เสี่ยวฮั่วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ หลังจากพยายามกันมาตั้งนาน สุดท้ายก็ได้พานพบกับสัตว์อสูรปราณชั้นสูงถึงสามตน และนายท่านสังหารฆ่าทิ้งให้เบ็ดเสร็จแล้ว แต่ไฉนถึงไม่ปล่อยให้กินพลังวิญญาณของพวกมันล่ะ?
“ไม่มีเหตุผลหรอก เดี๋ยวข้าจะหาสัตว์อสูรปราณตนใหม่ให้เจ้าทีหลัง”
กล่าวจบ เซียถงก็ย่อตัวนั่งย่องๆ ลงกับพื้น ปักกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเสียบลงผืนดิน และใช้มือเปล่าทั้งสองข้างขุดดินเพื่อฝังศพพวกมัน
“นายท่าน ตั้งใจจะทำอะไร?”
เสี่ยวฮั่วลอยเคว้งอยู่เคียงข้าง เอ่ยถามเจือน้ำเสียงฉงนใจ
“ขุดหลุมฝังศพให้พวกมัน”
เซียถงกล่าวตอบสั้นและกลบดินกลับคืนเมื่อฝังเสร็จสิ้น
แต่ทันใดนั้นเอง ผืนดินใต้ผ่าเท้าของนางก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด อุณหภูมิโดยรอบลดฉวบจนนางสัมผัสได้ ทันทีที่เซียถงเงยหน้าขึ้นมองก็ถึงกับตะลึงงัน แลเห็นร่างสีขาวฝูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลแล้ว วิ่งเต้นกันเป็นจังหวะ เคลื่อนเข้ามาหานางชัดเจน
“นายท่าน! รีบหนีไปเร็ว! ฝูงเสือโคร่งเหมันต์มาแล้ว!!”
เสี่ยวฮั่วกู่ร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก
สัตว์อสูรโดยส่วนใหญ่มักอาศัยกันเป็นกลุ่มใหญ่ จะมีก็เพียงสัตว์อสูรที่วิวัฒนาการกลายมาเป็น จำพวกสัตว์อสูรปราณวิญญาณ หรืออสูรวิญญาณจารย์ที่ชอบอยู่กับเป็นคู่หรือกลุ่มเล็กๆ ไม่ก็จะเป็นพวกอสูรศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพอสูรไปเลยที่จะมีนิสัยใช้ชีวิตแบบสันโดษ
ฝูงเสือโคร่งเหมันต์พวกนี้วิ่งเข้ามาถึงเร็วมาก ยังไม่ทันที่เซียถงจะได้ก้าวย่างออกไปไหน ก็กลับถูกพวกมันล้อมไว้หมดแล้ว
เซียถงกระชับจับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่นหนา เหลือบสายตากวาดมองฝูงเสือโคร่งเหมันต์ที่ตีกรอบห้อมล้อม โดยคร่าว น่าจะมีเสือโคร่งเหมันต์ประมาณสี่ร้อยตนเห็นจะได้ ซึ่งพวกมันทุกตนล้วนจับจ้องมองมาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ตั้งท่าทางราวกับพร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ
กวาดสายตาบรรจบครบสองรอบถ้วน เซียถงหรี่ตาแคบจ้องพวกมันตาเขม็งอย่างระมัดระวัง และคล้ายว่าพวกมันจะได้กลิ่นสหายของมันถูกกลบฝังอยู่ใต้ดิน สายตาเหล่านั้นยิ่งหม่นหมองดุร้าย เปล่งเสียงคำรามกู่ก้องด้วยความโกรธจัดออกมาปากพวกมันโดยพร้อมเพรียง
ทันทีที่สุ้มเสียงเห่าหอนลดลง เสือโคร่งเหมันต์เหล่านั้นก็แยกคมเขี้ยวยาวเตรียมประจัญบาน ชั่วพริบตาขณะ ภาพฉาพต่อมากลายเป็นความโกลาหล คมเคี้ยวประดุจใบมีดนั้นแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าจู่โจมใส่เซียถงโดยตรง
เมื่อเห็นดังนั้น เสี่ยวฮั่วก็รีบบินกลับเข้าห้วงความคิดภายในหัวของเซียถงด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ในปัจจุบันมันเป็นเพียงจิตวิญญาณที่ไร้ซึ่งร่างวิญญาณ แน่นอนว่าไม่มีปัญญาไปต่อกรกับฝูงสัตว์อสูรปราณพวกนี้ได้เลย ภายใต้สถานการณ์เฉกเช่นนี้ เกรงว่าต้องเอาชีวิตตัวมันเองให้รอดก่อน
เซียถงเร่งเร้าพลังลมปราณระลอกแล้วระลอกเล่า กรอกเทลงใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าอย่างบ้าคลั่ง เสริมปราการความแข็งแกร่ง โดยการหลอมผนึกพลังขึ้นกลายเป็น คมแสงกระบี่ลมปราณสีครามเข้มจัดจ้านเคลือบคลุมอีกชั้นหนึ่ง และเข้าโรมรันพันตู กระหน่ำฟันฟาด ปลดปล่อยคลื่นกระบี่แผ่ไพศาลออกไป
หลังจากมีเสือโคร่งเหมันต์จำนวนหนึ่งที่เริ่มล้มตายจากสาเหตุคลื่นกระบี่เหล่านี้ บรรดาพวกมันที่เหลือก็เปลี่ยนกลยุทธ์โจมตีเซียถง เริ่มมีชั้นเชิงซับซ้อนมากยิ่งขึ้น บ่อยครั้งที่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือถูกเหวี่ยงออกไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เพียงเสี้ยวอึดใจนั้น ก็มีเสือโคร่งเหมันต์จากทางด้านซ้ายและขวา รวมไปถึงด้านหลังกระโจนเข้าจู่โจมนางโดยพร้อมเพรียงราวกับว่า พวกมันรอจังหวะนี้อยู่แล้ว
เซียถงกำลังต้านรับศึกสัประยุทธ์เดือดดุ บนร่างกายเริ่มมีสีสันฉุดฉาดสาดกระเซ็นใส่มากขึ้น ผ่านไปสักครู่ใหญ่มีเพียงเสือโคร่งเหมันต์ที่สิ้นใจตายจริงๆ แค่ไม่กี่สิบตัวเท่านั้นภายใต้คมกระบี่ของนาง
“นายท่าน รีบเสาะหาโอกสหลบหนีโดยไว เสือโคร่งเหมันต์พวกนี้ขึ้นชื่อเรื่องความถึกทน แถมด้วยจำนวนมหาศาลขนาดนี้ เกรงว่า ท่านไม่น่าจะโค่นพวกมันหมดได้!”
เมื่อเห็นว่าบนเนื้อตัวเซียถงเริ่มปรากฏบาดแผลมากขึ้นต่อเนื่อง เสี่ยวฮั่วก็รีบส่งเสียงกระตุ้นให้นางหลบหนี
เซียถงขบกรามกัดฟันแน่น กรอกเทกระแสลมปราณทั้งหมดที่มีในร่างกาย อัดฉีดเข้าใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมืออย่างบ้าคลั่ง รวบรวมพลังจำนวนมหาศาลไว้บนตัวกระบี่และฟาดฟันออกเป็นคลื่นกระบี่จันทร์เสี้ยวขนาดยักษ์เกือบเต็มวง กวาดฝูงเสือโคร่งเหมันต์ทั่วสารทิศจนกระเด็นออกไป ชั่วขณะนั้นเอง นางรับใช้จังหวะนี้เร่งความเร็วส่งไปยังสองปลายเท้า ดีดตัวกลายเป็นประกายแสงสีคราม วิ่งฝ่าวงล้อมพวกมันออกมาในพริบตา ไม่ว่าประกายแสงสีครามสายหนึ่งจะเคลื่อนผ่านไปแห่งหนใด แต่ก็มีรอยเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นอยู่ทั่ว ทิ้งทวนเป็นทางยาว
ฝูงเสือโคร่งเหมันต์เหล่านั้นเหมือนจะรู้ถึงจุดประสงค์ของเซียถงดีที่วิ่งฝ่าออกมา ชั่วพริบตาเดียว นางถูกเงาร่างสายหนึ่งแทรกขึ้นนำและเข้าขัดขวางเส้นทางหนีเอาไว้ ติดตามมาดูฝูงเสือโคร่งเหมันต์ตนอื่นๆ ที่ไล่มาที่หลัง จนแล้วจนรอด พวกมันทั้งหมดสามารถปิดล้อมตัวนางได้เป็นครั้งที่สอง และกระหน่ำรุมโจมตีต่อเนื่องอย่างบ้าคลั่ง บาดแผลฉกรรจ์บนร่างของนางเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ยังโชคดีที่มีขุมพลังความแกร่งกล้าของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าให้พึ่งพา อาศัยอานุภาพทำลายล้างเฉพาะตัว เซียถงสำแดงเดชระเบิดพลังกระบี่กวาดล้างฝูงเสือโคร่งเหมันต์แถวหน้าจนวินาศสันตะโรดับสิ้น แต่นั่นก็ทำให้เซียถงสูญพลังไปในปริมาณมหาศาลมาก
ในที่สุด เซียถงก็ได้ตระหนักทราบแล้วว่า อาณาเขตด้านในบึงแห่งนี้มันอันตรายเพียงใด แม้นางจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นกลางและอีกเพียงก้าวเดียวก็จะทะลวงถึงชั้นสูงแล้วก็ตาม หรือจะมีกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอยู่ในมือก็ดี แต่นางก็ยังไม่สามารถต่อกรกับฝูงสัตว์อสูรปราณชั้นสูงนับหลายร้อยตนได้!
ลึกลงไปในป่าเคียงข้าง อาหานกำลังยืนเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมสองมือไพล่หลังอย่างสง่างาม มองดูเซียถงสู้ศึกสัประยุทธ์เป็นตายที่แสนดุเดือดด้วยความกังวล ดวงตาคู่ล้ำลึกจับจ้องทุกย่างก้าวเคลื่อนไหวของนางใกล้ชิด ทุกครั้งที่มีบาดแผลเพิ่มขึ้นบนร่างกายหนึ่งจุด สีหน้าของเขาก็จะมืดทมืฬลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตอนนี้ตัวนางจะดูเหมือนกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่อาหานก็มั่นใจเหลือเกินว่า หญิงสาวนางนี้จะสามารถสลัดฝูงเสือโคร่งเหมันต์พวกนี้ออกไปได้แน่นอน
การนำพาตนเองให้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่แสนยากลำบาก ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาความแข็งแกร่ง!
กรงเล็บยาวบนอุ้งเท้าสีขาวประดุจหิมะฝังลึกเข้าไปในไหลข้างหนึ่งของเซียถง และด้วยพละกำลังมันมหาศาลที่ถาโถม ก็ทำเอาร่างของนางเสียการทรงตัวไร้สมดุลชั่วขณะ เสี้ยวอึดใจนั้นเอง ระหว่างที่ตัวกำลังจะล้มลงกับพื้น สายตาคู่สวยของนางพลันเคลื่อนไปจับจ้องหว่างขาด้านล่างของพวกมันทั้งหลาย แลเห็นเป็นช่องว่างทอดยาวออกไปไม่มีสิ้นสุด จู่ๆ ดวงตาของนางก็เปล่งแสงเป็นประกายออกมา