ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 155 เดิมพัน (1)
ตอนที่155 เดิมพัน (1)
“หากเจ้าตีข้าอีกที วันหน้าวันหลังก็อย่าคิดแม้แต่จะหยิบใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าอีกเลย!”
เสมือนมีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากสายตาคู่นั้นของหลิวซู นี่มันเป็นถึงจิตวิญญาณแห่งกระบี่ทัณฑ์ฟ้า ยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนใต้หล้าล้วนปรารถนา! แต่ผู้ใช้กลับไม่มีความเคารพเลยรึไง?
เซียถงเหล่มองไปที่หน้าผากบวดปูดสีแดงก่ำของมันเล็กน้อย เวลานี้รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับหลิวซูแล้ว และทันใดนั้นร่างของหลิวซูก็อันตรธานหาบวับไปตามคิดนึกถึงของนาง
ครั้งแรกที่ได้เห็นมันภายในห้วงมิติมายากับปัจจุบัน ไฉนข้ารู้สึกแตกต่างราวฟ้ากับดินเช่นนี้? ณ ตอนนั้นในสายตาของเซียถง มองอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและหยิ่งยโสถือตน ทั้งยังมีเบื้องหลังลึกลับอีกมากมายน่าค้นหา ทว่าเวลาผ่านไป เนื้อในของมันก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา และปรากฏว่า เจ้านี่ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกนักเลงชวนตีเลย
เซียถงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ มิใช่ว่าจิตวิญญาณแห่งยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์โดยส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้หรอกกระมัง? อย่างน้อยต้องมีบางสักชิ้นที่ไม่วิตถาร ชอบแอบมองผู้หญิงอาบน้ำแบบนี้
หลังจากแช่ตัวเสร็จ เซียถงก็เริ่มหลอมกลั่นโอสถอย่างขมักเขม่นจวบจนรุ่งสางเช้าวันถัดมา ในปัจจุบันท่านเลื่อนระดับขึ้นกลายมาเป็น ราชาโอสถชั้นต้น โดยสมบูรณ์แล้ว และได้รับโอสถจำนวนกว่าหนึ่งโหลที่หลอมกลั่นได้ตลอดค่ำคืนวาน นางมั่นใจอย่างยิ่งว่า หากเพิ่มความพยายมและความใส่ใจลงไปมากกว่านี้อีกหน่อย การจะเลื่อนระดับขึ้นกลายเป็น ปราชญ์โอสถ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอันใด และเมื่อทำสำเร็จ นางก็จะสามารถหลอมกลั่นโอสถเพื่อช่วยเซี่ยหลู่เฟิงยกระดับพลังลมปราณให้แกร่งกล้าขึ้นได้
เดินออกมาจากห้องพักด้านใน นางมอบโอสถทั้งหมดที่หลอมกลั่นได้เมื่อคืนแก่อิ๋งเอ๋อร์เพื่อนำไปขาย ในขณะเดียวกันก็แอบสังเกตเห็นว่า แพรพรรณบนเรือนร่างของอิ๋งเอ๋อร์ได้เปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าใหม่เสียที ถึงจะเป็นผ้าเนื้อไหมที่ค่อนข้างหยาบก็ตามที เห็นดังนั้นเซียถงก็อดส่ายหัวมิได้ ไม่ว่าจะพยายามกล่าวยังไง แต่สุดท้ายสาวรับใช้ของนางก็ยังเป็นพวกตระหนี่เงินทองสุดตัว
“คุณหนู หลอมกลั่นโอสถทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีกแล้วใช่หรือไม่?”
อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยพร้อมสีหน้าเศร้าสร้อย เมื่อได้เห็นท่าทางการแสดงออกของคุณหนูที่ค่อนข้างอิดโรย ขณะเดียวกันก็ห่อโอสถทั้งหมดลงบนผ้าและเก็บมัดใส่ในใต้แขนเสื้อ
เซียถงที่ได้ยินแบบนั้นก็อดหัวเราะมิได้ หยิบตลับสมุนไพรสีดำขึ้นแต่งแต้มจุดด่างทั่วใบหน้า แต่มิได้ตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างใด กล่าวเพียงว่า
“หลังจากขายโอสถแล้ว ก็ฝากเข้าเดินทางกลับไปที่จวนเสนาบดีเซี่ย และนำเงินทั้งหมดมอบให้แก่ท่านแม่ข้า”
อิ๋งเอ๋อร์พยักหน้าตอบ
หลังจากเลิกเรียนในคาบเช้า เซียถงก็กลับมายังห้องพักของตนตามปกติเพื่อพักผ่อน แต่ทันทีที่เปิดประตูกางออกมา อิ๋งเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามากอดทั้งน้ำตา ร้องร่มร้องไห้เสียงดังลั่นไม่หยุด และคุกเข่าขอขมาต่อหน้านาง กล่าวเสียงสั่นเคลือว่า
“คุณหนู! โอสถทั้งหมดที่ท่านหลอมกลั่นมาให้…ถูก…ถูกองค์รัชทายาทขโมยไปหมดแล้ว!”
เซียถงกดสายตาจ้องพินิจไปทั่วใบหน้าของอิ๋งเอ๋อร์ ก่อนจะเห็นว่า บนแก้มทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมีรอยแผลบวมแดงปรากฏขึ้นค่อนข้างเด่นชัด แสดงให้เห็นว่า นางน่าจะโดนตบมาด้วย และไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทั้งลำคอ แขนและขาล้วนมีรอยฟกช้ำเป็นจ้ำสีม่วงปนเขียว ส่วนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาใส่ก็ขาดรุ่งริ่งสภาพราวกับขอทาน
สายตาของเซียถงพลันแข็งค้างไปชั่วขณะ นางคว้าข้อมืออิ๋งเอ๋อร์ขึ้นมาถามทันทีว่า
“เกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?”
อิ๋งเอ๋อร์เงยหน้ามอง กล่าวทั้งน้ำตาที่รินไหลไม่หยุดว่า
“ขณะที่ข้ากำลังนำโอสถของคุณหนูไปขายในช่วงเช้า ก็บังเอิญชนเข้ากับองค์รัชทายาทที่ผ่านทางมา และจู่ๆ บ่าวก็โดนอีกฝ่ายใส่ความหาว่า บ่าวแอบไปขโมยโอสถของคนอื่นมา หลังจากถูกดุด่าว่าร้ายและเฆี่ยนตีสารพัด องค์รัชทยาทก็หยิบถุงโอสถของคุณหนูจากไปเลย…”
ไป๋หลี่เย่อีกแล้ว!
เซียถงกัดฟันเสียงดังกรอด ดวงตาใสบริสุทธิ์ผันแปรเป็นความเย็นชาที่ถูกฉาบด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะอีกทีหนึ่ง
“คุณหนู?”
อิ๋งเอ๋อร์ประคองจับร่างของเซียถงไว้แน่น ร้องเรียกออกมาปนน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
เซียถงเลื่อนสายตาหยุดนิ่งบนร่างที่สั่นเทาตรงหน้า ระงับความเย็นชาและโกรธเกรี้ยวทั้งหมดลง ดึงแขนอิ๋งเอ๋อร์มานั่งลงบนเตียงและนำยาผงขวดหนึ่งออกมาบรรจงทาบาดแผลทั่วร่าง
“คุณหนู ข้าไม่เป็นอะไรมาก อย่าไปสร้างปัญหาให้องค์รัชทายาทเลย”
อิ๋งเอ๋อร์คว้าแขนเสื้อเซียถง มืออีกข้างปาดเช็ดน้ำตาพลางปั้นหน้ายิ้มส่งมอบไปให้
“อิ๋งเอ๋อร์ มีเหตุผลใดที่เจ้าเลือกที่จะเพิกเฉยทั้งที่ถูกคนอื่นรังแกอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้? และหากครั้งนี้เจ้ายอม ครั้งหน้าย่อมต้องเกิดขึ้นซ้ำสองแน่นอน”
เซียถงวางยาผงขวดดังกล่าวไว้ข้างเตรียง และเอ่ยถามอีกฝ่ายกลับไป
หากใครทำผิดต่อเรา เราย่อมต้องชดใช้คืน
“แต่คุณหนู อิ๋งเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ เพียงแต่รู้สึกเสียดายนัก คุณหนูอุตส่าห์ใช้ความพยายามอย่างหนักตลอดทั้งคืนเพื่อหลอมกลั่นโอสถเหล่านั้น แต่กลับถูกขโมยไปเฉยๆ เสียได้ หากตีเป็นมูลค่าคงไม่ต่ำกว่าหลายร้อยเหรียญทอง”
เมื่อนึกถึงโอสถที่ถูกขโมยไปนับสิบกว่าเม็ด อิ๋งเอ๋อร์ก็บ่อน้ำตาแตก ร้องไห้ออกมาอีกครา
ได้ยินดังนั้น เซียถงใจสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ไฉนสาวน้อยนางนี้ถึงโง่ปานนี้กัน? ทั้งที่ตนเองถูกทุบตีและขโมยของไปต่อหน้าต่อตาแท้ๆ แทนที่จะรู้สึกโกรธโมโห หรือแสดงท่าทีอะไรออกมาสักอย่างให้รู้ว่าตนถูกเปรียบ แต่นี่กลับร้องไห้เสียใจกับโอสถเหล่านั้นที่สูญเสียไป โดยไม่คิดแม้กระทั่งจะหาหนทางเอาคืนกลับมาเลยจริงๆ
เซียถงได้แต่ส่ายหน้าเจือแววละเหี่ยใจ ยกเรียวนิ้วหยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอิ๋งเอ๋อร์และกล่าวว่า
“ไม่สำคัญหรอกว่าโอสถเหล่านั้นจะถูกขโมยไปเท่าไหร่ เจ้าปลอดภัยกลับมาก็เป็นพอ ข้าใช้เวลาหลอมกลั่นใหม่ไม่ถึงวันก็ได้มาแล้ว”
อิ๋งเอ๋อร์พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา เผยหยดน้ำตาใสบริสุทธิ์ที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวย และปล่อยให้เซียถงบรรจงทายาผงให้ต่อไป
หลังจากทายาผงเสร็จเรียบร้อย เซียถงก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“อิ๋งเอ๋อร์ เจ้าได้กล่าวถึงที่มาของโอสถเหล่านี้ให้ไป๋หลี่เย่ฟังหรือไม่?”
“ข้าบอกไปว่า โอสถเหล่านี้เป็นของเฒ่าประหลาดที่มอบให้คุณหนูก่อนออกเดินทางจากไป เพราะมีครั้นหนึ่ง คุณหนูเคยย้ำกับข้าไว้ว่า ไม่ว่าจะกรณีใด ห้ามเปิดเผยเรื่องที่คุณหนูสามารถหลอมกลั่นโอสถได้แก่คนนอกโดยเด็ดขาด ต่อให้บ่าวต้องตาย ก็ไม่มีวันพูดออกมาแน่นอนเจ้าค่ะ!”
ระหว่างกล่าวอธิบาย จะเห็นได้ว่าสีหน้าการแสดงออกของอิ๋งเอ๋อร์ดูมุ่งมั่นเพียงใด
เซียถงพยักหน้าตอบ ภายในดวงตาคู่นั้นของนางเปี่ยมล้นความประทับจับใจ
นี่ไม่ใช่เพราะคำพูดของอิ๋งเอ๋อร์ แต่เป็นความมุ่งมั่นที่เผยแสดงผ่านสีหน้า สาวน้อยนางนี้ตระหนักดีว่า ตนเองนั่นต่ำต้อยเพียงใด แต่ถึงกระนั้นก็ยังเลือกที่จะยอมเอาตัวเข้าแลก ท้าทายบุคคลผู้มีอำนาจ เพื่อกุมความลับและรักษาผลประโยชน์ของเซียถงให้ได้มากที่สุด
หลังปลอยโยนอิ๋งเอ๋อร์ เซียถงก็ตรงออกจากห้องพัก มุ่งตรงไปหาไป๋หลี่เย่โดยทันที เป้าหมายของไป๋หลี่เย่คนนี้ค่อนข้างชัดเจน มันเฆี่ยนตีอิ๋งเอ๋อร์ไปก็เพื่อกระตุ้นโทสะของนาง และต้องการให้นางย้อนกลับมาทำร้ายตนหวังระบายความแค้น ซึ่งหากแผนการทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางนั้น ก็ทำกับว่าเซียถงมีเจตนาทำร้ายองค์รัชทยาทชัดเจน ดังนั้นปรมาจารย์เสวี่ยย่อมไม่อยู่เฉยแน่นอน
มันคิดจะยืมมือปรมาจารย์เสวี่ยเพื่อสั่งสอนบทเรียนแก่ตัวนาง แต่หารู้ไม่ว่า มันกำลังคิดผิดมหันต์!
ใต้ต้นบุปผาในสถานศึกษา นางเห็นไป๋หลี่เย่ที่กำลังมีบรรดาคุณชายผู้แสนร่ำรวยทั้งหลายห้อมล้อมอยู่เรียงราย ดูโดดเด่นทรงอิทธิพลดั่งดวงดารา และทันทีที่เซียถงตรงเข้าไปหา ไป๋หลี่เย่ก็ระบายยิ้มเปี่ยมปีติสุข โบกสะบัดพัดคลี่ในมืออย่างสบายอารณ์ เปล่งเสียงสบประมาทเอ่ยถามขึ้นว่า
“เซียถง นี่เจ้าสั่งสอนสาวรับใช้ของเจ้าอย่างไร? วันนี้ ข้าองค์รัชทายาทบังเอิญไปเจอนางในร้านขายโอสถ เห็นนางหอบโอสถที่ขโมยมานำมาขายเป็นเงิน เป็นเจ้านายประสาอะไรไม่สอนสั่งให้ดี?”
“พล่ามแต่ลมไม่มีมูล มิทราบว่าองค์รัชทายาทเห็นนางขโมยโอสถมากับตาตนเอง?”
เซียถงเดินแทรกฝูงชนตรงเข้ามาประจันหน้ากับไป๋หลี่เย่ จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยทีท่าแสนเย็นชา
“แน่นอน! องค์รัชทายาทผู้นี้เห็นนางหอบโอสถกว่าหนึ่งโหลมากับตา!”
ไป๋หลี่เย่กล่าวตอบน้ำเสียงหนักแน่น แสดงถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ข้าเห็นองค์รัชทายาทถือพัดคลี่อันนี้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว มิทราบว่าไปขโมยมาจากไหนรึ?”
เซียถงแสยะยิ้มเย็น ยิงคำถามใส่ไป๋หลี่เย่พลางเหลือบมองพัดคลี่ในมืออีกฝ่าย
“ไร้สาระ! เสด็จพ่อเป็นผู้มอบพัดคลี่อันนี้กับมือ!”
ไป๋หลี่เย่ตอบโต้กลับไปทันที น้ำเสียงฟังดูโกรธเคืองมิใช่น้อย
“เช่นนั้น ข้าเองก็เป็นคนมอบโอสถเหล่านั้นแก่สาวรับใช้ของตนเช่นกัน”
เซียถงเลิกคิ้ว ตอบสวนทันควันอย่างชาญฉลาด